คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน
โลมายักษ์ พรหม มีสวัสดิ์ เพิ่งผ่านการคัดเลือกเป็นหนึ่งเดียวของนักกอล์ฟไทยที่ได้สิทธิ์เข้าไปเล่นใน ดิ โอเพน แชมเปียนชิพ เมเจอร์รายการที่ 3 ของปี ในฐานะแชมป์รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ผมจึงอยากเล่าให้ท่านผู้อ่านฟังเกี่ยวกับกอล์ฟรายการนี้ครับ
สุดยอดของการแข่งขันกอล์ฟอาชีพของโลกที่เรียกว่า เมเจอร์ แชมเปียนชิพส์ ( Major Championships ) มี 4 รายการคือ เดอะ มาสเตอร์ส ( The Masters ) เดอะ ยูเอส โอเพน แชมเปียนชิพ ( The U.S. Open Championship ) ดิ โอเพน แชมเปียนชิพ ( The Open Championship ) และปิดท้ายด้วย เดอะ พีจีเอ แชมเปียนชิพ ( The PGA Championship ) ซึ่ง ดิ โอเพน ถือเป็นรายการที่เก่าแก่ที่สุดใน 4 รายการดังกล่าว
นี่เป็น เมเจอร์ รายการเดียวที่เกิดขึ้นนอกสหรัฐอเมริกา ซึ่งเรียกกันใน สหราชอาณาจักร ว่า ดิ โอเพน แชมเปียนชิพ แต่คนอื่นๆทั่วโลกจะนิยมเรียกกันว่า บริทิช โอเพน ( British Open ) โดย เดอะ รอยอัล แอนด์ แอนเชินท์ กอล์ฟ คลับ อ็อฟ เซ็นท์ แอนดรูวส์ ( The Royal and Ancient Golf Club of St Andrews ) ที่ในปัจจุบันกลายสภาพเป็นกลุ่มบริษัทใหม่ในชื่อ ดิ อาร์แอนด์เอ ( The R&A ) รับหน้าที่จัดการแข่งขันในช่วงสัปดาห์ที่มีวันศุกร์ที่สามของเดือนกรกฎาคมของทุกปี สำหรับปี 2011 จะไปตกวันที่ 14-17 กรกฎาคมนี้
เขาจะหมุนเวียนผลัดกันจัดแข่งบนสนามแบบ ลิงค์ส ( Links ) 9 แห่งคือที่ เซ็นท์ แอนดรูวส์ ใน สก็อทแลนด์ กับอีก 4 สนามใน สก็อทแลนด์ และ 4 สนามใน อังกฤษ ซึ่งคำว่า ลิงค์ส นี้มาจากภาษาสก็อท หมายถึง บริเวณเนินทรายชายฝั่งทะเลและบางครั้งเป็นสนามเปิดโล่ง สนามแบบนี้ไม่ค่อยมีต้นไม้ หรือบ่อน้ำ แฟร์เวย์ลุ่มๆดอนๆไม่ราบเรียบอยู่ในระดับเดียวกัน หญ้าในรัฟก็หนาเหลือเกิน และมีบังเคอร์ลึกๆขนาดเล็กที่เรียกว่า พ็อท บังเคอร์ส ( pot bunkers ) อยู่เยอะ นอกจากนั้นความที่อยู่แถวชายฝั่งทะเล สนามลิงค์ส จึงมีกระแสลมแรงแน่นอน ทำให้มือแม่นๆแทบไม่มีความหมาย การเล่นให้มีสกอร์น้อยกว่าพาร์นั้นยากมากครับ รูปแบบในการเล่นในสนามแบบนี้ก็ต้องแตกต่างจากสนามแบบอื่นๆที่มักพบเห็นในสหรัฐอเมริกา
ในปี 2011 ดิ โอเพน ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 140 จะวนมาจัดขึ้นที่ รอยอัล เซ็นท์ จอร์จส กอล์ฟ คลับ ( Royal St George's Golf Club ) ใน แซนด์วิช ( Sandwich ) เค็นท์ ( Kent) ประเทศอังกฤษ ก็ถือเป็นครั้งที่ 14 ที่สนามแห่งนี้ได้รับเกียรติเป็นสถานที่จัดการแข่งขัน บริทิช โอเพน หลังจากที่ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในปี 2003 ซึ่งปีนั้น เบ็น เคอร์ทิส ( Ben Curtis ) นักกอล์ฟอเมริกาวัย 25 ปีคว้าแชมป์ไปครองด้วยการทำสกอร์ต่ำกว่าพาร์เพียงคนเดียวเมื่อจบการแข่งขัน หมอนี่จบ 4 วันด้วยสกอร์ -1 เอาชนะ วีเจย์ ซิงห์ และ โทมัส บียอร์น ไปเพียงสโตรคเดียว และนั่นเป็นแชมป์เมเจอร์แรกในชีวิตของเขาด้วย
ดิ โอเพน หรือ บริทิช โอเพน ใช้วิธีตัดสินหาแชมป์ในกรณีที่แข่งจบ 4 รอบแล้วยังเสมอกันด้วยการดวลใน 4 หลุมก่อน แล้วถ้ายังไม่ได้แชมป์ คราวนี้ก็ต้องมาดวลกันหลุมเดียวรู้เรื่องกันเลยที่เรียกว่า ซัดเดิน เดธ ( Sudden death ) ซึ่งเงินรางวัลรวมก็ถือว่ามากทีเดียว บางปีนับเป็นรายการที่มีเงินรางวัลสูงที่สุดด้วยซ้ำ อย่างปีที่แล้ว รางวัลรวมประมาณ 4.8 ล้านพาวน์ด หรือประมาณ 240 ล้านบาท และแชมป์จะได้รับไปเนื้อๆราว 1 ใน 6 ของเงินก้อนนี้ เดือนกรกฎาคมนี้ก็คอยติดตามเชียร์ โลมายักษ์ ก็แล้วกันครับ
โลมายักษ์ พรหม มีสวัสดิ์ เพิ่งผ่านการคัดเลือกเป็นหนึ่งเดียวของนักกอล์ฟไทยที่ได้สิทธิ์เข้าไปเล่นใน ดิ โอเพน แชมเปียนชิพ เมเจอร์รายการที่ 3 ของปี ในฐานะแชมป์รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ผมจึงอยากเล่าให้ท่านผู้อ่านฟังเกี่ยวกับกอล์ฟรายการนี้ครับ
สุดยอดของการแข่งขันกอล์ฟอาชีพของโลกที่เรียกว่า เมเจอร์ แชมเปียนชิพส์ ( Major Championships ) มี 4 รายการคือ เดอะ มาสเตอร์ส ( The Masters ) เดอะ ยูเอส โอเพน แชมเปียนชิพ ( The U.S. Open Championship ) ดิ โอเพน แชมเปียนชิพ ( The Open Championship ) และปิดท้ายด้วย เดอะ พีจีเอ แชมเปียนชิพ ( The PGA Championship ) ซึ่ง ดิ โอเพน ถือเป็นรายการที่เก่าแก่ที่สุดใน 4 รายการดังกล่าว
นี่เป็น เมเจอร์ รายการเดียวที่เกิดขึ้นนอกสหรัฐอเมริกา ซึ่งเรียกกันใน สหราชอาณาจักร ว่า ดิ โอเพน แชมเปียนชิพ แต่คนอื่นๆทั่วโลกจะนิยมเรียกกันว่า บริทิช โอเพน ( British Open ) โดย เดอะ รอยอัล แอนด์ แอนเชินท์ กอล์ฟ คลับ อ็อฟ เซ็นท์ แอนดรูวส์ ( The Royal and Ancient Golf Club of St Andrews ) ที่ในปัจจุบันกลายสภาพเป็นกลุ่มบริษัทใหม่ในชื่อ ดิ อาร์แอนด์เอ ( The R&A ) รับหน้าที่จัดการแข่งขันในช่วงสัปดาห์ที่มีวันศุกร์ที่สามของเดือนกรกฎาคมของทุกปี สำหรับปี 2011 จะไปตกวันที่ 14-17 กรกฎาคมนี้
เขาจะหมุนเวียนผลัดกันจัดแข่งบนสนามแบบ ลิงค์ส ( Links ) 9 แห่งคือที่ เซ็นท์ แอนดรูวส์ ใน สก็อทแลนด์ กับอีก 4 สนามใน สก็อทแลนด์ และ 4 สนามใน อังกฤษ ซึ่งคำว่า ลิงค์ส นี้มาจากภาษาสก็อท หมายถึง บริเวณเนินทรายชายฝั่งทะเลและบางครั้งเป็นสนามเปิดโล่ง สนามแบบนี้ไม่ค่อยมีต้นไม้ หรือบ่อน้ำ แฟร์เวย์ลุ่มๆดอนๆไม่ราบเรียบอยู่ในระดับเดียวกัน หญ้าในรัฟก็หนาเหลือเกิน และมีบังเคอร์ลึกๆขนาดเล็กที่เรียกว่า พ็อท บังเคอร์ส ( pot bunkers ) อยู่เยอะ นอกจากนั้นความที่อยู่แถวชายฝั่งทะเล สนามลิงค์ส จึงมีกระแสลมแรงแน่นอน ทำให้มือแม่นๆแทบไม่มีความหมาย การเล่นให้มีสกอร์น้อยกว่าพาร์นั้นยากมากครับ รูปแบบในการเล่นในสนามแบบนี้ก็ต้องแตกต่างจากสนามแบบอื่นๆที่มักพบเห็นในสหรัฐอเมริกา
ในปี 2011 ดิ โอเพน ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 140 จะวนมาจัดขึ้นที่ รอยอัล เซ็นท์ จอร์จส กอล์ฟ คลับ ( Royal St George's Golf Club ) ใน แซนด์วิช ( Sandwich ) เค็นท์ ( Kent) ประเทศอังกฤษ ก็ถือเป็นครั้งที่ 14 ที่สนามแห่งนี้ได้รับเกียรติเป็นสถานที่จัดการแข่งขัน บริทิช โอเพน หลังจากที่ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในปี 2003 ซึ่งปีนั้น เบ็น เคอร์ทิส ( Ben Curtis ) นักกอล์ฟอเมริกาวัย 25 ปีคว้าแชมป์ไปครองด้วยการทำสกอร์ต่ำกว่าพาร์เพียงคนเดียวเมื่อจบการแข่งขัน หมอนี่จบ 4 วันด้วยสกอร์ -1 เอาชนะ วีเจย์ ซิงห์ และ โทมัส บียอร์น ไปเพียงสโตรคเดียว และนั่นเป็นแชมป์เมเจอร์แรกในชีวิตของเขาด้วย
ดิ โอเพน หรือ บริทิช โอเพน ใช้วิธีตัดสินหาแชมป์ในกรณีที่แข่งจบ 4 รอบแล้วยังเสมอกันด้วยการดวลใน 4 หลุมก่อน แล้วถ้ายังไม่ได้แชมป์ คราวนี้ก็ต้องมาดวลกันหลุมเดียวรู้เรื่องกันเลยที่เรียกว่า ซัดเดิน เดธ ( Sudden death ) ซึ่งเงินรางวัลรวมก็ถือว่ามากทีเดียว บางปีนับเป็นรายการที่มีเงินรางวัลสูงที่สุดด้วยซ้ำ อย่างปีที่แล้ว รางวัลรวมประมาณ 4.8 ล้านพาวน์ด หรือประมาณ 240 ล้านบาท และแชมป์จะได้รับไปเนื้อๆราว 1 ใน 6 ของเงินก้อนนี้ เดือนกรกฎาคมนี้ก็คอยติดตามเชียร์ โลมายักษ์ ก็แล้วกันครับ
