"บังยี" วรวีร์ มะกูดี รักษาการนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เผยสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟา) มอบงบสนับสนุนประมาณ 280 ล้านบาท หลังจากประเทศไทยรับเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาฟุตซอลโลก พ.ศ. 2555 ระหว่างวันที่ 2-18 พฤศจิกายน 2555 ด้าน กทม. เร่งของบจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีจำนวน 1,300 ล้านบาท เพื่อสร้างสเตเดียมของเมืองหลักที่หนองจอกกว่า 12,000 ที่นั่ง
เมื่อเวลา 13.30 น. วันจันทร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2554 นายสมบัติ คุรุพันธ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นประธานการประชุมเตรียมการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาฟุตซอลโลก พ.ศ. 2555 พร้อมด้วย นายวรวีร์ มะกูดี รักษาการนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย, นายองอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฟุตบอลฯ, นายวิมล กาญจนะ อุปนายกสมาคมฟุตบอลฯ/ประธานคณะ กรรมการจัดการแข่งขันลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2, นายสมศักดิ์ จันทวัฒนา ผู้อำนวยการสำนักงานวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยวศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร และผู้แทนจากการกีฬาแห่งประเทศไทย ณ ห้องประชุมบุญสมมาร์ติน สนามกีฬาแห่งชาติ
จากที่สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟา) ให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันกีฬาฟุตซอลโลก พ.ศ. 2555 เมื่อเดือนมีนาคมของปีที่ผ่านมา ตามที่มติคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้กรุงเทพมหานครรับหน้าที่เป็นเมืองหลักพร้อมสร้างสนามฟุตซอลที่หนองจอก เพื่อให้ทันก่อนการแข่งขันระหว่างวันที่ 2-18 พฤศจิกายน 2555
โดย "บังยี" วรวีร์ มะกูดี รักษาการนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมว่า "ในส่วนของประเทศไทยที่รับหน้าที่เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาฟุตซอลโลกได้ทำหนังสือรับรองเรื่องสนามแข่งขันตามที่ฟีฟาได้กำหนดหลักเกณฑ์มานั้น สมาคมฟุตบอลฯ ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ เดินทางไปประชุมกับคณะทำงานของฟีฟามาครั้งหนึ่งแล้ว ขั้นตอนการดำเนินงานต่อจากนี้คือการกำหนดเมืองเจ้าภาพรองจากที่เราเสนอไป 7 จังหวัด คือ เชียงใหม่, ภูเก็ต, สุพรรณบุรี, ชลบุรี, สงขลา, สุราษฎร์ธานีและนครราชสีมา ซึ่งขึ้นอยู่กับฟีฟาว่าจะประเมินให้สนามของจังหวัดใดผ่านคาดว่าทราบผลได้ภายในสิ้นเดือนนี้ อย่างไรก็ตามสนามที่หนองจอกต้องเป็นที่หลักในการทำพิธีเปิด-ปิดการแข่งขัน"
"สำหรับการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาฟุตซอลโลก พ.ศ. 2555 ของประเทศไทยในครั้งนี้สิทธิประโยชน์ทั้งหมดจะตกเป็นของฟีฟาเนื่องจากฟีฟาเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์การถ่ายทอดและป้ายโฆษณาต่างๆ จึงตัดประเด็นเรื่องสิทธิประโยชน์อื่นๆ หรือรายได้จะเข้ามาสมาคมฟุตบอลได้ นอกจากนี้ทางฟีฟาได้มีงบประมาณสนับสนุนจำนวน 9.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 280 ล้านบาท) ทั้งนี้เงินดังกล่าวจะเทไปที่การสนับสนุนทีมที่จะเข้ามาแข่งขันกว่า 24 ทีม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่พักและค่าเดินทาง ประมาณ 70% ส่วนงบที่เหลือถึงประเทศไทยเกือบไม่ถึง 30% (50-60 ล้านบาท)" รักษาการส.ลูกหนังเผย
ด้านนายสมศักดิ์ จันทวัฒนา ผู้อำนวยการสำนักงานวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยวศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงความพร้อมสำหรับการเป็นเมืองหลักในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตซอลโลกว่า "ทาง กทม. เราไม่ได้นิ่งนอนใจขณะนี้เราได้เซ็นสัญญาออกแบบสนามกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีจำนวน 23 ล้านบาทซึ่งเป็นเงินของ กทม. เองพร้อมกับการประมูลผู้รับเหมาก่อสร้าง คาดว่าแบบสนามจะเสร็จในเดือนพฤษภาคม 2554 หลังจากนั้นจะใช้เวลาสร้างสนามถึง 14 เดือน คาดว่าสนามแข่งขันจะเสร็จสมบูรณ์แบบพร้อมใช้งานในเดือนกรกฏาคม 2555 ก่อนกำหนดการแข่งขันฟุตซอลโลก 4 เดือน"
"ทั้งนี้งบประมาณในการก่อสร้างสนามฟุตซอลที่หนองจอกกำลังมีการผลักดันให้เข้าที่ประชุม ครม.โดยด่วน ภายใต้วงเงิน 1,300 ล้านบาท เพื่อสร้างสเตเดียมที่จุที่นั่งได้มากถึง 12,000 ที่นั่ง พร้อมทั้งของบกลางเพื่อมาปรับปรุงสนามตามเมืองรองที่สามารถจุจำนวนที่นั่งได้มากกว่า 4,000 ที่นั่งตามหลักเกณฑ์ของฟีฟา อาทิ ชลบุรี, นครราชสีมา, เชียงใหม่ และภูเก็ต พร้อมสนับสนุนสนามฝึกซ้อมต่างๆ ประกอบไปด้วย อาคารนิมิบุตร, สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น และสนามกีฬาธรรมศาสตร์ รังสิต ในกรณีฉุกเฉิน เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ในเดือนเมษายนเป็นต้นไปทาง กทม. จะทำการประชาสัมพันธ์การเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฯ ทั้งโฆษณาทางวิทยุ, โทรทัศน์, สื่อสิ่งพิมพ์, โรดโชว์ และการประกวดออกแบบมาสคอตพร้อมเพลงการแข่งขันดังกล่าวอีกด้วย" ผอ.สนง.วัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยวศาลาว่าการกทม. กล่าว
นอกจากนี้ นายสมบัติ คุรุพันธ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาในประธานการประชุมเตรียมการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาฟุตซอลโลก ได้ชี้แจงหน้าที่การเตรียมความพร้อมว่า "เราได้มีการจำแนกคณะกรรมการออกเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย 1.คณะกรรมการอำนวยการจัดการแข่งขันโดยมีคณะรัฐมนตรีเป็นแกนหลัก, 2.คณะกรรมการดำเนินการจัดการแข่งขันโดยมีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพร้อมด้วยทาง กทม. เป็นผู้รับผิดชอบ และ 3. คณะทำงานโดยมีสมาคมฟุตบอลเป็นผู้รับผิดชอบ อีกทั้งได้ฝากให้การกีฬาแห่งประเทศไทยเป็นผู้ประชาสัมพันธ์แก่คนทั่วประเทศรับทราบการเป็นเจ้าภาพดังกล่าว พร้อมกับฝาก กทม. เป็นผู้สร้างกระแสภายใน กทม. และฝากจังหวัดต่างๆ ช่วยประชาสัมพันธ์ในแต่ละจังหวัดที่เป็นเจ้าภาพรอง ซึ่งในส่วนนี้ต้องรอฟีฟามาประเมินสนามเสียก่อนคาดว่าทราบผลในเดือนกุมภาพันธ์นี้"