ASTVผู้จัดการรายวัน - หลังจากที่วงการบาสเกตบอลไทย ประสบปัญหาจากการบริหารงานไม่โปร่งใสส่งผลให้กีฬาชนิดนี้อยู่ในสภาวะตกต่ำซบเซามากว่า 20 ปี ซึ่งหลังจากที่มีการโละผู้บริหารสมาคมชุดเก่าออก พร้อมจัดการเลือกตั้งใหม่โดยมี "บิ๊กจอห์นนี่" สุรศักดิ์ ชินวงศ์วัฒนา อดีตตำนานยัดห่วงไทยคว้าตำแหน่งนายกสมาคมคนใหม่ ก่อนจะผุดนโยบายหลักในการพัฒนานักกีฬาไทยด้วยการดึงโค้ชชาวต่างชาติ ควบคู่ไปกับการเฟ้นหาตัวสุดยอดนักกีฬาขึ้นสู่ทีมชาติชุดใหญ่ เพื่อเป้าหมายอันดับแรกที่แชมป์ซีเกมส์ ทั้งชาย-หญิง
นายกสมาคมยัดห่วงคนใหม่เปิดใจถึงการตัดสินใจรับตำแหน่งในครั้งนี้ "ในฐานะที่ผมเป็นนักบาสเกตบอลมาตั้งแต่เด็กและเคยก้าวรับตำแหน่งหัวหน้าทีมชาติไทยมาก่อน จนกระทั่งเลิกเล่นตอนอายุ 31 ปี ทราบว่าวงการบาสเกตบอลที่ผมรักตกต่ำมาก ในช่วงแรกยอมรับว่าไม่ต้องการรับตำแหน่ง แต่จากนายกสมาคมฯ ชุดเดิมไม่ใช่ผู้บริหารที่แท้จริง ไม่ได้เป็นคนมาจากวงการกีฬา อีกทั้งยังบริหารงานแบบผูกขาดมีเพียงแค่ 7 สโมสรสมาชิกเท่านั้น ทำงานมากว่า 20 ปี ก็ไม่มีผลงานเป็นรูปธรรม แถมยังมีปัญหาเรื่องความโปร่งใส ผมจึงตัดสินใจหวนคืนวงการอีกครั้ง เพราะผมคิดว่าหากเราจะช่วยวงการบาสเกตบอลเราควรกลับไปจัดระบบเสียใหม่ ซึ่งจำเป็นต้องมีอำนาจและต้องรู้วิธีการบริหารอย่างละเอียด"
"ก่อนหน้านี้ 3 ปี ผมได้ทุ่มเทการทำงานกับทีมที่ส่งแข่งโดยชมรมบาสเกตบอลไทยร่วมกับอดีตนักกีฬาร่วมรุ่น ด้วยการเชิญทีมต่างแดนไม่ว่าจะเป็นอินโดนีเซีย หรือ มาเลเซีย มาแข่งขัน ซึ่งทีมของเราได้ที่ 1 หลังจากนั้นได้ส่งนักกีฬาเข้าแข่งขันรายการ เอบีแอล ซึ่งเป็นเวทีแห่งศักดิ์ศรีของอาเซียนที่มีการแข่งขันถึง 6 ชาติ อาทิ บรูไน, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, อินโดนีเซีย และไทย ซึ่งในรอบแรกเราสามารถคว้าที่ 1 ได้ ถือเป็นการพลิกประวัติศาสตร์ที่เราสามารถชนะได้ครั้งแรก นอกจากนี้ผลงานเปรียบเทียบที่เห็นชัดของสมาคมบาสเกตบอลไทยชุดเก่าเมื่อปีที่ผ่านมาได้เข้าร่วมแข่งขันบาสเกตบอล แต่คว้ามาได้เพียงอันดับที่ 6 ขณะที่ทีมผมจัดในนามทีมช้างสามารถคว้าแชมป์ได้" นายกสมาคมบาสเกตบอลคนใหม่กล่าว
นอกจากนี้ อดีตนักยัดห่วงวัย 70 ปี เผยถึงเป้าหมายที่จะทำให้สมาคมบาสเกตบอลกลับมารุ่งเรืองอีกครั้งว่า "แน่นอนที่สุดในการที่จะต้องกอบกู้ชื่อเสียงให้กลับมาเหมือนกับในสมัยที่ผมเคยเล่นทีมชาติ ช่วงนั้นไปแข่งขันที่ไหนมีแต่คู่แข่งกลัวเพราะเราเป็นเต็งหนึ่งแถบอาเซียน ดังนั้นเมื่อเข้ามารับตำแหน่งการดำเนินต่อจากนี้ไปการบริหารงานต้องบริสุทธิ์ โปร่งใส นักกีฬาคนไหนมีแววรุ่งผมจะสนับสนุนอย่างเต็มที่จะไม่ยึดติดรูปแบบเดิมๆ เพราะฉะนั้นการมาครั้งนี้ต้องพัฒนาให้ดีขึ้น นอกจากนี้เป้าหมายต่อไปอยู่ที่กีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 26 ที่อินโดนีเซีย โดยทีมชายและหญิงต้องคว้าเหรียญทองให้ได้ ขณะเดียวกันการพัฒนาเรื่องผู้ตัดสินเป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน เนื่องจากตอนนี้เรามีผู้ตัดสิน ฟีบา เพียง 4 ท่าน ซึ่งไม่เพียงพอที่จะสามารถตัดสินตามแบบสากลได้ หนำซ้ำผู้ตัดสินหญิงของเราก็ไม่มี ในอนาคตอันใกล้ผมจะนำโค้ชชาวสหรัฐอเมริกาทั้งชายและหญิงมาเป็นผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยเพราะเป็นชาติที่มีโค้ชเก่งที่สุด เพื่อฝึกสอนโค้ชคนไทยอีกทอดหนึ่ง ถือเป็นการกระจายโค้ชมีความสามารถสู่ภูมิภาค หรืออาจเชิญอดีตนักบาสฯ หรือ คนจากกรมพลศึกษามาร่วมทดสอบและฝึกอบรมเกี่ยวกับการทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน"
ขณะเดียวกันนายกสมาคมยัดห่วงไทยยังกล่าวต่อไปว่า "สำหรับการเปลี่ยนระบบใหม่ในสมาคมบาสเกตบอลต่อจากนี้ไปจะเน้นเปิดกว้างให้ทุกชาติเข้ามาแข่งขันเพื่อพัฒนาศักยภาพเด็กไทยมากขึ้น ส่วนการดำเนินงานต่างๆ จะต่างจากชุดเดิมคือไม่มีการจำกัดอายุในแต่ละการแข่งขันชิงถ้วยพระราชทานประเภท ก., ข. และ ค. ที่สำคัญ คือ เยาวชน ต้องมีการแข่งขันทุกจังหวัด โดยแต่ละจังหวัดต้องส่งทีมไม่ต่ำกว่า 1-2 ทีม โดยช่วงเดือนตุลาคมนี้จะเชิญทีมต่างชาติมาทดสอบฝีมือกับนักกีฬาไทย เพื่อคัดนักกีฬาขึ้นมาเป็นเงาของทีมชาติไทย เมื่อคัดนักกีฬาเรียบร้อยแล้วผมจะเชิญชาติอาเซียนรวมทั้งจีนมาร่วมแข่งขันรายการ "บาสเกตบอล คิงส์คัพ" เพื่อเฉลิมพระเกียรติครบ 84 พรรษา" โดยนักกีฬาชุดนี้ได้มีการพัฒนาขึ้นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นทีมของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และไฮเทค ทั้งหมดมีประมาณ 20 คนที่สามารถต่อกรกับคู่แข่งได้ ผมจึงคิดว่าสมาคมฯ จะบริหารเยาวชนและทีมชาติอย่างไรให้ดีที่สุด เราต้องเอาใจใส่นักกีฬาตั้งแต่อายุ 15 ปีขึ้นไป จะได้เป็นกำลังหลักของทีมชาติต่อไป"
อย่างไรก็ตาม "บิ๊กจอห์นนี่" ได้กล่าวถึงสมาคมบาสเกตบอลผีที่อยู่ภายใต้โต้โผของนายสุเทพ เบ็ญจโภคี อดีตนายกสมาคมคนเก่า ซึ่งไร้การรับรองจากการกีฬาแห่งประเทศไทยว่า "การรับตำแหน่งนายกสมาคมบาสเกตบอลครั้งนี้มีความลำบากใจที่อำนาจเก่ายังไม่เลิกก่อกวน ทั้งนี้เนื่องจากเขาได้ฝ่าฝืนและเจตนาที่จะดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งที่ไม่เป็นตามข้อปฏิบัตที่ได้ตกลงกันไว้ อีกทั้งยังไม่มีจิตใจเป็นนักกีฬา นอกจากนี้ผลงานที่ผ่านมาเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่าใน 21 ปีที่เขารับตำแหน่งเทียบกับ 3 ปีที่ผมได้ทุ่มเทไป เห็นได้ชัดว่าผลงานต่างกันเยอะ ดังนั้นควรที่วางมือและลองให้ผมทำได้ทำหน้าที่นี้ ไม่ใช่จะแข่งขันกันเอง ช่วยสงสารวงการบาสเกตบอลไทยเถิด ผู้ใหญ่ทะเลาะกันแล้วนักกีฬาจะสับสน และขาดกำลังใจ"
"ผมรับทำงานนี้ก็เพื่อพัฒนาวงการบาสเกตบอลไทย ไม่อยากวุ่นวายกับเรื่องการเมืองภายใน ที่พูดแบบนี้ไม่ใช่ว่ากลัวกลุ่มอำนาจเก่า แต่บอกตามตรงว่าผมรำคาญ ถ้าคนเรารู้จักเสียสละมีน้ำใจนักกีฬา ตั้งใจทำงานเพื่อประเทศชาติ วงการบาสเกตบอลไทยคงไม่ซบเซาเหมือนทุกวันนี้ และเมื่อผมมีโอกาสนี้แล้ว คงทำหน้าที่อย่างสุดฝีมือ และเมื่อครบวาระ 2 ปีของตำแหน่งนายกสมาคมฯ ทุกคนจะได้เห็นความแตกต่างที่ดีขึ้น เพราะผมเป็นสุภาพบุรุษพอที่จะทำงานเพื่อวงการบาสเกตบอลไทย" สุรศักดิ์ ชินวงศ์วัฒนา กล่าวทิ้งท้าย