โชเซ มูรินโญ กุนซืออินเตอร์ มิลาน ภูมิใจกับฟอร์มของลูกทีมที่บุกไปเอาชนะ เชลซี ได้ถึงถิ่น ว่า เล่นกันได้แทบจะสมบูรณ์แบบ พร้อมทั้งยอมรับว่ายังรักอดีตต้นสังกัดไม่เสื่อมคลาย แต่การคว้าชัยถือเป็นวิถีทางของมืออาชีพ
ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย เมื่อคืนวันอังคารที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา “งูใหญ่” บุกสยบ “สิงห์บลูส์” ถึงสนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ 1-0 โดย ซามูเอล เอโต สังหารประตูชัยในนาทีที่ 78 ช่วยให้ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายด้วยสกอร์รวม 3-1
หลังจบเกม “เฮียมู” ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า “เราทำให้เห็นว่าเป็นทีมที่ดีกว่า ขณะที่ เชลซี แสดงออกให้เห็นถึงอาการหงุดหงิดหลายครั้งตามประสาทีมที่รู้สึกว่าคู่ต่อสู้แข็งแกร่งกว่า ทั้งการเข้าปะทะหนักๆ การวางบอลยาว และพยายามล้มในเขตโทษ แต่ทุกอย่างที่เราทำคือสิ่งที่เหนือกว่าและน่าจะชนะมากกว่านี้ ผลงานโดยรวมถือว่าแทบจะเข้าขั้นสมบูรณ์แบบเลยก็ว่าได้”
ผู้จัดการทีมชาวโปรตุเกส ยังกล่าวถึงการได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากแฟนบอลเชลซี หลังกลับมาเยือนบ้านเก่าครั้งแรกนับตั้งแต่อำลาไปเมื่อปี 2007 ว่า “ผมยังรัก เชลซี สนามแห่งนี้และผู้คนที่นี่เหมือนเดิม แต่ผมเป็นมืออาชีพที่ต้องทำให้ อินเตอร์ เป็นผู้ชนะ เมื่อเกมจบลงผมก็เข้าไประเบิดอารมณ์ดีใจในห้องแต่งตัว เพราะนี่คือชัยชนะที่มีความหมายกับทีมเรามาก”
โค้ชจอมอหังการ เผยถึงการปรับแผนการเล่น ซึ่งปกติเน้นเกมรับเหนียวแน่นมาใช้ระบบกองหน้า 3 คน ว่า “ผู้เล่นต่างยอมรับกับการเลือกที่จะเสี่ยงของผม แต่ผมไม่คิดว่า นั่นคือ แท็กติก มันควรจะเรียกว่าทัศนคติในสนามมากกว่า เรารู้ดีว่า เชลซี เป็นทีมที่แข็งแกร่งและมีทิศทางการเล่นอย่างไร แต่การตัดสินใจของผมนับว่าได้ผล”
ท้ายสุด มูรินโญ เปรยว่า อาจหวนคืนสู่เวทีพรีเมียร์ลีก อังกฤษ อีกครั้ง “ใครจะรู้ว่าในอนาคตผมอาจเป็นโค้ชให้กับทีมอื่นในอังกฤษที่ไม่ใช่ เชลซี และบางทีผมอาจมาเยือนที่นี่อีกครั้งในฐานะคู่ต่อสู้”
ส่วน คาร์โล อันเชล็อตติ นายใหญ่สิงห์บลูส์ยอมรับความปราชัยแต่โดยดี ว่า “เราไม่สามารถเล่นได้ตามที่ต้องการ ซึ่ง อินเตอร์ สร้างความกดดันให้กับแผงมิดฟิลด์ของเราจนเล่นได้ลำบาก เมื่อเทียบกันแล้วถือว่านัดแรกเราทำได้ดีกว่าวันนี้ ดังนั้น อินเตอร์ จึงสมควรเป็นผู้ชนะ” ซึ่งนี่นับเป็นหนแรกที่ เชลซี ไม่ผ่านเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2006
ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย เมื่อคืนวันอังคารที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา “งูใหญ่” บุกสยบ “สิงห์บลูส์” ถึงสนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ 1-0 โดย ซามูเอล เอโต สังหารประตูชัยในนาทีที่ 78 ช่วยให้ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายด้วยสกอร์รวม 3-1
หลังจบเกม “เฮียมู” ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า “เราทำให้เห็นว่าเป็นทีมที่ดีกว่า ขณะที่ เชลซี แสดงออกให้เห็นถึงอาการหงุดหงิดหลายครั้งตามประสาทีมที่รู้สึกว่าคู่ต่อสู้แข็งแกร่งกว่า ทั้งการเข้าปะทะหนักๆ การวางบอลยาว และพยายามล้มในเขตโทษ แต่ทุกอย่างที่เราทำคือสิ่งที่เหนือกว่าและน่าจะชนะมากกว่านี้ ผลงานโดยรวมถือว่าแทบจะเข้าขั้นสมบูรณ์แบบเลยก็ว่าได้”
ผู้จัดการทีมชาวโปรตุเกส ยังกล่าวถึงการได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากแฟนบอลเชลซี หลังกลับมาเยือนบ้านเก่าครั้งแรกนับตั้งแต่อำลาไปเมื่อปี 2007 ว่า “ผมยังรัก เชลซี สนามแห่งนี้และผู้คนที่นี่เหมือนเดิม แต่ผมเป็นมืออาชีพที่ต้องทำให้ อินเตอร์ เป็นผู้ชนะ เมื่อเกมจบลงผมก็เข้าไประเบิดอารมณ์ดีใจในห้องแต่งตัว เพราะนี่คือชัยชนะที่มีความหมายกับทีมเรามาก”
โค้ชจอมอหังการ เผยถึงการปรับแผนการเล่น ซึ่งปกติเน้นเกมรับเหนียวแน่นมาใช้ระบบกองหน้า 3 คน ว่า “ผู้เล่นต่างยอมรับกับการเลือกที่จะเสี่ยงของผม แต่ผมไม่คิดว่า นั่นคือ แท็กติก มันควรจะเรียกว่าทัศนคติในสนามมากกว่า เรารู้ดีว่า เชลซี เป็นทีมที่แข็งแกร่งและมีทิศทางการเล่นอย่างไร แต่การตัดสินใจของผมนับว่าได้ผล”
ท้ายสุด มูรินโญ เปรยว่า อาจหวนคืนสู่เวทีพรีเมียร์ลีก อังกฤษ อีกครั้ง “ใครจะรู้ว่าในอนาคตผมอาจเป็นโค้ชให้กับทีมอื่นในอังกฤษที่ไม่ใช่ เชลซี และบางทีผมอาจมาเยือนที่นี่อีกครั้งในฐานะคู่ต่อสู้”
ส่วน คาร์โล อันเชล็อตติ นายใหญ่สิงห์บลูส์ยอมรับความปราชัยแต่โดยดี ว่า “เราไม่สามารถเล่นได้ตามที่ต้องการ ซึ่ง อินเตอร์ สร้างความกดดันให้กับแผงมิดฟิลด์ของเราจนเล่นได้ลำบาก เมื่อเทียบกันแล้วถือว่านัดแรกเราทำได้ดีกว่าวันนี้ ดังนั้น อินเตอร์ จึงสมควรเป็นผู้ชนะ” ซึ่งนี่นับเป็นหนแรกที่ เชลซี ไม่ผ่านเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2006