คอลัมน์ Final Quarter โดย ลุงแซม
ช่วงนี้ข่าวคราวในศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) ดูซาไปบ้างหลังเสร็จศึกซูเปอร์โบว์ล ทว่าตั้งแต่สัปดาห์หน้าน่าจะมีกระแสความคึกคักตามมาเป็นระยะ ซึ่งผู้เขียนคงได้มาขมวดขีดเขียนสถานการณ์ "ฟรีเอเยนต์" ที่เริ่มมีตัวดังๆ หลุดเข้าสู่ตลาด อาทิเช่น ลาไดเนียน ทอมลินสัน, ไบรอัน เวสต์บรูก หรือว่า เทอร์เรลล์ โอเวนส์ รวมทั้งความคืบหน้า "การดราฟท์" ซึ่งตอนนี้บรรดาผู้บริหารของทั้ง 32 ทีมในลีกไปปักหลักกันที่อินเดียนาโปลิส เพื่อเช็คฟอร์มผลการทดสอบ ดูหน่วยก้านของผู้เล่นระดับมหาวิทยาลัยที่หมายปองอยู่
สัปดาห์นี้จึงมาว่ากันต่อในส่วนของเรื่องราวในแวดวงบาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA) เริ่มจาก เลอบรอน เจมส์ ทำตามที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้ด้วยการยื่นเรื่องไปยังลีกขอเปลี่ยนเบอร์เสื้อจาก 23 เป็นหมายเลข 6 สำหรับลงแข่งฤดูกาลหน้า เพื่อเป็นการบีบลีกกลายๆ ให้รีบตัดสินใจรีไทร์เสื้อ "หมายเลข 23" ซึ่งเป็นเบอร์ตำนานของ ไมเคิล จอร์แดน ฮีโร่ของเขาต่อไปในอนาคตอันใกล้
ส่วนหมายเลข 6 ที่เลือกตรงกับเบอร์ที่ใช้ในนามทีมชาติสหรัฐฯ แฟนๆ คงไม่รู้สึกแปลกตามากนัก ไม่รู้เหมือนกันว่า เลอบรอน เปลี่ยนเอาเคล็ดหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ โคบี ไบรอันท์ ก็สลับจากหมายเลข 8 มาเป็น 24 จนสามารถสลัดร่มเงาที่โดนปรามาสว่าเมื่อไม่มี ชาคิล โอนีล อยู่ข้างกลายก็ไม่สามารถพาทีมเป็นแชมป์ได้ ด้วยการนำ แอลเอ เลเกอร์ส ผงาดเมื่อฤดูกาลก่อน ทั้งนี้ทั้งนั้นผู้เขียนเชื่อว่าคงมีเรื่องของการตลาดเข้ามาเกี่ยวไม่มากก็น้อย เนื่องจาก "เบอร์ 6" ในอดีตซูเปอร์สตาร์อย่าง "ดร.เจ" จูเลียส เออร์วิง หรือว่า บิลล์ รัสเซลล์ เคยสวมใส่มาก่อน แต่ประเด็นที่คอยัดห่วงอยากรู้มากกว่าเห็นจะหนีไม่พ้นตกลงแล้วซีซันใหม่ เลอบรอน จะใช้สิทธิเป็นฟรีเอเยนต์ย้ายทีม หรือยังจะภักดีต่อ คาวาเลียร์ส ต่อไป
มาที่ประเด็นหลักที่อยากพูดถึงในวันนี้ ฟิลาเดลเฟีย เซเวนตีซิกเซอร์ส ออกมาประกาศแล้วว่า อัลเลน ไอเวอร์สัน การ์ดตัวเก๋าจะไม่กลับมาช่วยทีมอีกในฤดูกาล 2009/10 ที่ใกล้ปิดฉากเต็มที เนื่องจากขออุทิศเวลาทั้งหมดดูแล เมียสเซียห์ ลูกสาววัย 4 ขวบ ที่มีอาการป่วยและแพทย์ยังไม่สามารถวินิจฉัยได้ว่าเป็นโรคอะไร ซึ่งตอนแรก "เอ.ไอ." นึกว่าบุตรของตนมีแค่อาการปอดบวม แต่จากถ้อยแถลงของ เอ็ด สเตฟานสกี ประธานทีมซิกเซอร์ส ดูเหมือนอาการป่วยของหนูน้อยหนักหนาเอาการ
โดยผู้เขียนเคยอ่านบทสัมภาษณ์ของ ไอเวอร์สัน ผ่าน "อีเอสพีเอ็น" สื่อยักษ์ใหญ่มะกันจึงรับรู้ว่า "ผมมีลูกทั้งหมด 5 คน พวกเขาไม่เคยมีใครป่วยขนาดนี้ อันที่จริงแล้วผมเป็นคนที่แข็งแกร่งในทุกเรื่องที่ผ่านมาในชีวิต แต่นี่เป็นสถานการณ์ที่แตกต่างออกไป สิ่งที่ผมทำได้ตอนนี้คือสวดภาวนา หวังว่าทุกคนที่เป็นห่วงผมและครอบครัวของผม คงทำมันอยู่เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ผมไม่คิดว่าจะมีอะไรทดแทนได้ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับลูกของผม ซึ่งผมรักลูกๆ มาก"
จากการลาแบบไม่มีกำหนด มาจนถึงไม่สามารถกลับมาช่วย ซิกเซอร์ส ได้อีกในฤดูกาลนี้ นี่อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเวลาใน NBA ของ ไอเวอร์สัน เหลือน้อยลงทุกขณะ หรือไม่แน่ว่ามันได้สิ้นสุดลงแล้วอย่างไม่เป็นทางการ นับตั้งแต่ถูกดราฟท์เข้าลีกเป็นคนแรกในปี 1996 อดีตการ์ดสตาร์แห่งมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ ไม่เคยทำให้แฟนๆ ซิกเซอร์ส ต้องผิดหวัง เคยเกือบพาเฟรนไชส์ไปถึงแชมป์เมื่อปี 2000/01 แต่สุดท้ายก็พ่ายให้แก่ "โคบี-แชค" ถึงวันนี้สังขารในวัย 34 ปี ร่วงโรยไปมาก แม้การขาดหายไปของ "เอ.ไอ." คงไม่ส่งผลกระทบต่อทีมในอนาคต แต่เชื่อเหลือเกินว่าชาวเมืองฟิลาเดลเฟียจะยังจดจำชื่อของ "อัลเลน ไอเวอร์สัน" ตลอดไป ณ เวลานี้ หลายคนคงสวดภาวนาให้ซูเปอร์ฮีโร่ของพวกเขาผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปให้ได้ เพราะคงไม่มีอะไรอีกแล้วในชีวิตที่จะสำคัญไปกว่า "ครอบครัว"
ช่วงนี้ข่าวคราวในศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) ดูซาไปบ้างหลังเสร็จศึกซูเปอร์โบว์ล ทว่าตั้งแต่สัปดาห์หน้าน่าจะมีกระแสความคึกคักตามมาเป็นระยะ ซึ่งผู้เขียนคงได้มาขมวดขีดเขียนสถานการณ์ "ฟรีเอเยนต์" ที่เริ่มมีตัวดังๆ หลุดเข้าสู่ตลาด อาทิเช่น ลาไดเนียน ทอมลินสัน, ไบรอัน เวสต์บรูก หรือว่า เทอร์เรลล์ โอเวนส์ รวมทั้งความคืบหน้า "การดราฟท์" ซึ่งตอนนี้บรรดาผู้บริหารของทั้ง 32 ทีมในลีกไปปักหลักกันที่อินเดียนาโปลิส เพื่อเช็คฟอร์มผลการทดสอบ ดูหน่วยก้านของผู้เล่นระดับมหาวิทยาลัยที่หมายปองอยู่
สัปดาห์นี้จึงมาว่ากันต่อในส่วนของเรื่องราวในแวดวงบาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA) เริ่มจาก เลอบรอน เจมส์ ทำตามที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้ด้วยการยื่นเรื่องไปยังลีกขอเปลี่ยนเบอร์เสื้อจาก 23 เป็นหมายเลข 6 สำหรับลงแข่งฤดูกาลหน้า เพื่อเป็นการบีบลีกกลายๆ ให้รีบตัดสินใจรีไทร์เสื้อ "หมายเลข 23" ซึ่งเป็นเบอร์ตำนานของ ไมเคิล จอร์แดน ฮีโร่ของเขาต่อไปในอนาคตอันใกล้
ส่วนหมายเลข 6 ที่เลือกตรงกับเบอร์ที่ใช้ในนามทีมชาติสหรัฐฯ แฟนๆ คงไม่รู้สึกแปลกตามากนัก ไม่รู้เหมือนกันว่า เลอบรอน เปลี่ยนเอาเคล็ดหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ โคบี ไบรอันท์ ก็สลับจากหมายเลข 8 มาเป็น 24 จนสามารถสลัดร่มเงาที่โดนปรามาสว่าเมื่อไม่มี ชาคิล โอนีล อยู่ข้างกลายก็ไม่สามารถพาทีมเป็นแชมป์ได้ ด้วยการนำ แอลเอ เลเกอร์ส ผงาดเมื่อฤดูกาลก่อน ทั้งนี้ทั้งนั้นผู้เขียนเชื่อว่าคงมีเรื่องของการตลาดเข้ามาเกี่ยวไม่มากก็น้อย เนื่องจาก "เบอร์ 6" ในอดีตซูเปอร์สตาร์อย่าง "ดร.เจ" จูเลียส เออร์วิง หรือว่า บิลล์ รัสเซลล์ เคยสวมใส่มาก่อน แต่ประเด็นที่คอยัดห่วงอยากรู้มากกว่าเห็นจะหนีไม่พ้นตกลงแล้วซีซันใหม่ เลอบรอน จะใช้สิทธิเป็นฟรีเอเยนต์ย้ายทีม หรือยังจะภักดีต่อ คาวาเลียร์ส ต่อไป
มาที่ประเด็นหลักที่อยากพูดถึงในวันนี้ ฟิลาเดลเฟีย เซเวนตีซิกเซอร์ส ออกมาประกาศแล้วว่า อัลเลน ไอเวอร์สัน การ์ดตัวเก๋าจะไม่กลับมาช่วยทีมอีกในฤดูกาล 2009/10 ที่ใกล้ปิดฉากเต็มที เนื่องจากขออุทิศเวลาทั้งหมดดูแล เมียสเซียห์ ลูกสาววัย 4 ขวบ ที่มีอาการป่วยและแพทย์ยังไม่สามารถวินิจฉัยได้ว่าเป็นโรคอะไร ซึ่งตอนแรก "เอ.ไอ." นึกว่าบุตรของตนมีแค่อาการปอดบวม แต่จากถ้อยแถลงของ เอ็ด สเตฟานสกี ประธานทีมซิกเซอร์ส ดูเหมือนอาการป่วยของหนูน้อยหนักหนาเอาการ
โดยผู้เขียนเคยอ่านบทสัมภาษณ์ของ ไอเวอร์สัน ผ่าน "อีเอสพีเอ็น" สื่อยักษ์ใหญ่มะกันจึงรับรู้ว่า "ผมมีลูกทั้งหมด 5 คน พวกเขาไม่เคยมีใครป่วยขนาดนี้ อันที่จริงแล้วผมเป็นคนที่แข็งแกร่งในทุกเรื่องที่ผ่านมาในชีวิต แต่นี่เป็นสถานการณ์ที่แตกต่างออกไป สิ่งที่ผมทำได้ตอนนี้คือสวดภาวนา หวังว่าทุกคนที่เป็นห่วงผมและครอบครัวของผม คงทำมันอยู่เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ผมไม่คิดว่าจะมีอะไรทดแทนได้ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับลูกของผม ซึ่งผมรักลูกๆ มาก"
จากการลาแบบไม่มีกำหนด มาจนถึงไม่สามารถกลับมาช่วย ซิกเซอร์ส ได้อีกในฤดูกาลนี้ นี่อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเวลาใน NBA ของ ไอเวอร์สัน เหลือน้อยลงทุกขณะ หรือไม่แน่ว่ามันได้สิ้นสุดลงแล้วอย่างไม่เป็นทางการ นับตั้งแต่ถูกดราฟท์เข้าลีกเป็นคนแรกในปี 1996 อดีตการ์ดสตาร์แห่งมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ ไม่เคยทำให้แฟนๆ ซิกเซอร์ส ต้องผิดหวัง เคยเกือบพาเฟรนไชส์ไปถึงแชมป์เมื่อปี 2000/01 แต่สุดท้ายก็พ่ายให้แก่ "โคบี-แชค" ถึงวันนี้สังขารในวัย 34 ปี ร่วงโรยไปมาก แม้การขาดหายไปของ "เอ.ไอ." คงไม่ส่งผลกระทบต่อทีมในอนาคต แต่เชื่อเหลือเกินว่าชาวเมืองฟิลาเดลเฟียจะยังจดจำชื่อของ "อัลเลน ไอเวอร์สัน" ตลอดไป ณ เวลานี้ หลายคนคงสวดภาวนาให้ซูเปอร์ฮีโร่ของพวกเขาผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปให้ได้ เพราะคงไม่มีอะไรอีกแล้วในชีวิตที่จะสำคัญไปกว่า "ครอบครัว"