คอลัมน์ "The Golf Touch" โดย "วันปีย์ สัจจมาร์ค"
ปัญหาก๊วนติด เป็นปัญหาใหญ่ที่นักกอล์ฟทุกคนเบื่อเหมือนกันหมด ผู้บริหารสนามกอล์ฟก็น่าจะเบื่อเหมือนกัน เพราะต้องทนฟังคำบ่นของนักกอล์ฟ แล้วยิ่งทำให้มีผลรายได้และความนิยมของสนามลดลงน้อยหรือถดถอยได้ด้วย เมื่อสนามขึ้นชื่อว่าก๊วนติดเป็นประจำ
แน่นอนหลายคนโทษกลุ่มนักกอล์ฟที่เล่นช้าแล้วทำให้ติดกันไปหมดทั้งสนาม นักกอล์ฟประเภทนี้มีแน่นอน แต่ถ้าคอยช่วยกันทักช่วยกันเตือน หรือช่วยกันสั่งสอนก็น่าจะมีพัฒนาการที่ดีขึ้นให้เห็นกันบ้าง แต่ถ้าสนามเดิมติดได้เป็นประจำทุกๆวัน ต้องหันมามองการบริหารจัดการของสนามบ้างแล้ว มีหลายส่วนที่ทางสนามจัดการให้กอล์ฟเล่นคล่องขึ้นได้เช่น การเลือกเจาะหลุมที่ไม่ยากเกินไปนัก การไม่เลี้ยงรัฟให้เล่นยากเกินมาตรฐานนักกอล์ฟทั่วๆไป และการมี่ทีไทม์ที่ชัดเจนรวมทั้งการปล่อยก๊วนตามมาตรฐานที่ตั้งไว้
เป็นตัวอย่างง่ายๆซึ่งบางข้อที่ทำได้ผลดีมากๆ โอเคเรื่องตำแหน่งหลุมกับเรื่องรัฟอาจจะต้องรักษาไว้เพื่อให้สนามมีความท้าทาย แต่เรื่องเวลาปล่อยตัวนักกอล์ฟซึ่งเป็นหน้าที่โดยตรงของ starter หลายๆคนนั้นยังทำได้ไม่ดีนัก มาตรฐานโดยทั่วไปของช่องว่างระหว่างกลุ่มอยู่ที่ 7-10 นาที แล้วแต่ความเหมาะสมของสนามนั้นๆ
เหตุผลที่ต้องรักษาช่องว่างนี้เอาไว้ก็เพื่อให้ทุกๆกลุ่มมีพื้นที่ว่างให้ได้เล่นกอล์ฟอย่างสบายทั่วหน้า แต่หลายสนามไม่ปล่อยก๊วนตามเวลา เอาแค่ให้ก๊วนหน้าพ้นระยะทีอ๊อฟของลูกแรกก็ให้เล่นตามกันไปเลย อันนี้เค้าเรียกว่า starter ทำงานอย่างปัดสวะให้พ้นตัว บางสนามแย่กว่านั้นอีกเพราะไม่มีเจ้าหน้าที่ด้วยซ้ำ ให้นักกอล์ฟจัดการกันเอาเอง
สุดท้ายแล้วปัญหาก็จะไปสะสมกันอยู่ในสนามตามพาร์ 3 หรือหลุมระยะสั้น ซึ่งจะกลายเป็นปัญหาของ Marshall
หน้าที่ของ starter เป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุดต่ออรรถรสการเล่นกอล์ฟในแต่ละวัน เพราะเขาคือคนจัดการเรื่อง logistic ของผู้เล่นทั้งสนาม เป็นตำแหน่งที่ต้องมีระเบียบ มีวินัย และแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างรวดเร็วและรอบคอบ
กอล์ฟบ้านเราคงติดกันน้อยลง และนักกอล์ฟก็จะให้ความสำคัญและความเคารพในตำแหน่ง starter มากยิ่งขึ้น ถ้าเขาเหล่านั้นทำการพัฒนาตัวเองขึ้นมาทำหน้าที่ starter จริงๆเสียทีจากที่เคยเป็นแค่นายตรวจ “ตั๋วรถเมล์ ” คอยเก็บคูปองและจดเบอร์แค้ดดี้เท่านั้น
ปัญหาก๊วนติด เป็นปัญหาใหญ่ที่นักกอล์ฟทุกคนเบื่อเหมือนกันหมด ผู้บริหารสนามกอล์ฟก็น่าจะเบื่อเหมือนกัน เพราะต้องทนฟังคำบ่นของนักกอล์ฟ แล้วยิ่งทำให้มีผลรายได้และความนิยมของสนามลดลงน้อยหรือถดถอยได้ด้วย เมื่อสนามขึ้นชื่อว่าก๊วนติดเป็นประจำ
แน่นอนหลายคนโทษกลุ่มนักกอล์ฟที่เล่นช้าแล้วทำให้ติดกันไปหมดทั้งสนาม นักกอล์ฟประเภทนี้มีแน่นอน แต่ถ้าคอยช่วยกันทักช่วยกันเตือน หรือช่วยกันสั่งสอนก็น่าจะมีพัฒนาการที่ดีขึ้นให้เห็นกันบ้าง แต่ถ้าสนามเดิมติดได้เป็นประจำทุกๆวัน ต้องหันมามองการบริหารจัดการของสนามบ้างแล้ว มีหลายส่วนที่ทางสนามจัดการให้กอล์ฟเล่นคล่องขึ้นได้เช่น การเลือกเจาะหลุมที่ไม่ยากเกินไปนัก การไม่เลี้ยงรัฟให้เล่นยากเกินมาตรฐานนักกอล์ฟทั่วๆไป และการมี่ทีไทม์ที่ชัดเจนรวมทั้งการปล่อยก๊วนตามมาตรฐานที่ตั้งไว้
เป็นตัวอย่างง่ายๆซึ่งบางข้อที่ทำได้ผลดีมากๆ โอเคเรื่องตำแหน่งหลุมกับเรื่องรัฟอาจจะต้องรักษาไว้เพื่อให้สนามมีความท้าทาย แต่เรื่องเวลาปล่อยตัวนักกอล์ฟซึ่งเป็นหน้าที่โดยตรงของ starter หลายๆคนนั้นยังทำได้ไม่ดีนัก มาตรฐานโดยทั่วไปของช่องว่างระหว่างกลุ่มอยู่ที่ 7-10 นาที แล้วแต่ความเหมาะสมของสนามนั้นๆ
เหตุผลที่ต้องรักษาช่องว่างนี้เอาไว้ก็เพื่อให้ทุกๆกลุ่มมีพื้นที่ว่างให้ได้เล่นกอล์ฟอย่างสบายทั่วหน้า แต่หลายสนามไม่ปล่อยก๊วนตามเวลา เอาแค่ให้ก๊วนหน้าพ้นระยะทีอ๊อฟของลูกแรกก็ให้เล่นตามกันไปเลย อันนี้เค้าเรียกว่า starter ทำงานอย่างปัดสวะให้พ้นตัว บางสนามแย่กว่านั้นอีกเพราะไม่มีเจ้าหน้าที่ด้วยซ้ำ ให้นักกอล์ฟจัดการกันเอาเอง
สุดท้ายแล้วปัญหาก็จะไปสะสมกันอยู่ในสนามตามพาร์ 3 หรือหลุมระยะสั้น ซึ่งจะกลายเป็นปัญหาของ Marshall
หน้าที่ของ starter เป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุดต่ออรรถรสการเล่นกอล์ฟในแต่ละวัน เพราะเขาคือคนจัดการเรื่อง logistic ของผู้เล่นทั้งสนาม เป็นตำแหน่งที่ต้องมีระเบียบ มีวินัย และแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างรวดเร็วและรอบคอบ
กอล์ฟบ้านเราคงติดกันน้อยลง และนักกอล์ฟก็จะให้ความสำคัญและความเคารพในตำแหน่ง starter มากยิ่งขึ้น ถ้าเขาเหล่านั้นทำการพัฒนาตัวเองขึ้นมาทำหน้าที่ starter จริงๆเสียทีจากที่เคยเป็นแค่นายตรวจ “ตั๋วรถเมล์ ” คอยเก็บคูปองและจดเบอร์แค้ดดี้เท่านั้น