เอเยนซี - "นักบุญ" นิวออร์ลีนส์ เซ็นต์ส คว้าซูเปอร์โบว์ลสมัยแรกในประวัติศาสตร์ศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) สำเร็จ หลังพลิกล็อกโค่น อินเดียนาโปลิส โคลต์ส 31-17 ซึ่งกลจักรสำคัญในการนำแชมป์มาสู่ชาวเมือง ส่วนหนึ่งต้องยกความดีความชอบให้ ฌอน เพย์ตัน หัวหน้าโค้ชวัย 46 ปี และควอเตอร์แบ็กคู่ใจอย่าง ดรูว์ บรีส์
ก่อตั้งเฟรนไชส์มาตั้งแต่ปี 1967 นิวออร์ลีนส์ เซ็นต์ส ไม่เคยย่างกายเข้าสู่ศึกซูเปอร์โบว์ล ซ้ำร้ายเมื่อปลายเดือนสิงหาคม ปี 2005 ชาวเมืองต้องประสบเคราะห์กรรมโดนเฮอร์ริเคน "แคทรินา" ถล่มจนได้รับความเสียหายหนัก แต่ในช่วงหน้าร้อนของปีถัดมา ทอม เบนสัน เจ้าของทีมมีการเปลี่ยนแปลงองค์กรครั้งใหญ่ โดยการดึงตัว ฌอน เพย์ตัน อดีตผู้ช่วยและโค้ชควอเตอร์แบ็ก ดัลลัส คาวบอยส์ ขึ้นมานั่งแท่นหัวหน้าโค้ชแทน จิม แฮสเลตต์ ทั้งยังประจวบเหมาะกับที่ ดรูว์ บรีส์ หมดสัญญากับ ซานดิอาโก ชาร์จเจอร์ส เพย์ตัน ไม่รอช้าจับควอเตอร์แบ็กฟรีเอเยนต์คนเก่งเซ็น 6 ปี รับค่าจ้าง 60 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2 พันล้านบาท)
ซึ่ง เพย์ตัน และ บรีส์ ประเดิมพาทีมจบฤดูกาลด้วยสถิติชนะ 10 แพ้ 6 เกม ซิวแชมป์กลุ่มเอ็นเอฟซี (NFC) ใต้ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ แม้หยุดเส้นทางในเพลย์ออฟไว้ที่เกมชิงแชมป์สายด้วยการพ่ายให้แก่ ชิคาโก แบร์ส แต่นี่ถือเป็นนิมิตหมายอันดี จนมาถึงซีซัน 2009/10 เซ็นต์ส พาตัวเองกลับสู่การเป็นแชมป์กลุ่มอีกครั้ง ด้วยสถิติอันแข็งแกร่ง 13-3 เกม ได้สิทธิเล่นในบ้านตลอดโพสต์ซีซัน ในฐานะอันดับ 1 คอนเฟอเรนซ์ ภายใต้การคุมบังเหียนอันเฉียบคมของ เพย์ตัน และทีมงานโดยเฉพาะ เกร็ก วิลเลียมส์ ที่ เพย์ตัน ยอมหักค่าจ้างตัวเองเพื่อไปโปะให้ได้มาซึ่งยอดโค้ชเกมรับ อีกทั้ง บรีส์ โชว์ฟอร์มขว้างบอลระเบิดระเบ้อ "นักบุญ" กรุยทางสู่ซูเปอร์โบว์ลครั้งแรก ด้วยการถล่ม อริโซนา คาร์ดินัลส์ และ มินเนโซตา ไวกิงส์ เข้าไปชิงกับ อินเดียนาโปลิส โคลต์ส
แม้ถูกมองว่าเป็นรองถึง 5 แต้ม แต่ เซ็นต์ส หักปากกาเซียนด้วยการล้ม โคลต์ส อดีตแชมป์เมื่อปี 2006/07 ลงได้ 31-17 โดยเกมซูเปอร์โบว์ล ครั้งที่ 44 ที่มีขึ้นในไมอามี เมื่อเช้าวันจันทร์ที่ผ่านมา เพย์ตัน แมนนิง พาทีม "เกือกม้า" โขยกนำก่อน 10-0 แต่ครึ่งหลัง เพย์ตัน เดิมพันครั้งสำคัญส่งแผนเด็ดให้ โธมัส มอร์สเตด ออกมาออนไซด์คิกแทนที่จะเตะคิกออฟให้โคลต์ส ต้องบุกไกลๆ การเสี่ยงครั้งนี้สำเร็จเมื่อ คริส รีส ตะปบบอลมาได้ จากนั้น บรีส์ ก็ขว้างสั้นให้ ปิแอร์ โธมัส รับทัชดาวน์สำคัญพาทีมกลับมานำ 13-10 และอีกหนึ่งการตัดสินใจอันยอดเยี่ยมที่ เพย์ตัน แสดงให้เห็นถึงกึ๋นคือ การโยนธงแดงชาลเลนจ์คำตัดสินของกรรมการที่มองว่า แลนซ์ มัวร์ รับบอลจาก บรีส์ เปลี่ยนสองแต้มไม่สำเร็จ แต่เมื่อมีการดูภาพช้ากรรมการกลับลำมองว่ามีการครองบอลเกิดขึ้นแล้ว "นักบุญ" จึงทิ้งห่างเป็น 24-17 ก่อนที่ทีมรับจะมาโชว์ทีเด็ด เทรซีย์ พอร์เตอร์ อินเทอร์เซปต์บอลจาก แมนนิง วิ่งย้อน 74 หลาเป็นการตอกฝาโลง เซ็นต์ส ประกาศศักดาคว้าแชมป์ครั้งแรกในการตั้งทีมมา 43 ปี
ทั้งนี้ ฌอน เพย์ตัน ออกมาชมเชยลูกทีม "ผมแค่บอกลูกทีมให้ลงไปทำให้ดี และมันก็กลายเป็นเทิร์นโอเวอร์จริงๆ วันนี้ต้องยกเครดิตให้ทุกคน ผู้เล่นที่อยู่ ณ ที่นี้ พวกเขาออกไปเล่นได้ตามแผน"
ส่วน บรีส์ ซึ่งเกมนี้ขว้างเข้าเป้า 32 ครั้ง เป็นสถิติร่วม NFL ได้ระยะ 288 หลา 2 ทัชดาวน์ พร้อมรับตำแหน่งผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) ให้สัมภาษณ์ทิ้งท้ายว่า "เราแค่เชื่อในตัวเอง เรารู้ดีว่ามีชาวเมืองทั้งหมด และบางทีมอาจรวมถึงคนในประเทศสหรัฐฯ หนุนหลังเราอยู่ ทั้งหมดนี้มีความหมายยิ่ง มันเหมือนกับพรหมลิขิตก็ว่าได้"
นี่อาจเป็นฟ้าลิขิตอย่างที่ บรีส์ พูดเอาไว้ เพราะตลอดการเล่นให้ ชาร์จเจอร์ส จอมทัพร่างเล็กไม่สามารถเขยิบใกล้โอกาสถึงแชมป์ ซ้ำยังมีอาการบาดเจ็บไหล่ แต่ปัญหาทั้งหมดดูจะไม่ได้สัมผัสถึงตัว บรีส์ แม้แต่น้อยเมื่อควอเตอร์แบค เอ็มวีพี นำทัพเซ็นต์ส สู้ศึกกับ ทีมเกือกม้า ขณะที่ เพย์ตัน เคยผิดหวังในซูเปอร์โบว์มาแล้วเมื่อปี 2000/01 สมัยเป็นโค้ชทีมบุก นิวยอร์ก ไจแอนท์ส พ่ายให้ บัลติมอร์ เรฟเวนส์ แต่เมื่อมาจับงานเฮดโค้ชเป็นครั้งแรกในอาชีพ เพย์ตัน ใช้เวลาแค่ 4 ฤดูกาลก็สามารถพา "นักบุญ" ทะยานขึ้นแตะ "วินซ์ ลอมบาร์ดี โทรฟี" จนได้ และนี่อาจไม่ใช่ความสำเร็จสุดท้ายที่ เพย์ตัน กับ บรีส์ ในวัย 31 ปีจะนำมาสู่ชาวเมืองนิวออร์ลีนส์