คอลัมน์ Final Quarter โดย ลุงแซม
สนุกเข้มข้นเกือบถึงขีดสุดกันแล้วสำหรับศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) ประจำฤดูกาล 2008/09 ซึ่งก็ใกล้ทราบเต็มทีว่าระหว่าง พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส, บัลติมอร์ เรฟเวนส์, อริโซนา คาร์ดินัลส์ หรือ ฟิลาเดลเฟีย อีเกิลส์ ทีมใดจะสามารถฟันฝ่าขึ้นไปคว้าแชมป์ "ซูเปอร์โบว์ล ครั้งที่ 43" มาครอง
โดยเกมดิวิชันนัล เพลย์ออฟ สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรากฏว่าบรรดา "สัตว์ปีก" เริงร่าเป็นทิวแถวเริ่มจาก "อีกาพญายม" บัลติมอร์ เรฟเวนส์ ใช้ทีเด็ดเกมรับบุกอัด เทนเนสซี ไตตันส์ ทีมสถิติดีที่สุดของฝั่งเอเอฟซี (AFC) 13-10 ตามด้วย "นกหัวแดง" อริโซนา คาร์ดินัลส์ โชว์เกมบุกระเบิดระเบ้อทางฝั่งเอ็นเอฟซี (NFC) คว่ำ แคโรไลนา แพนเธอร์ส ถึงถ้ำ 33-13 จากนั้น "อินทรีมรกต" ฟิลาเดลเฟีย อีเกิลส์ ประกาศศักดาฝังแค้น "ยักษ์ใหญ่" นิวยอร์ก ไจแอนท์ส แชมป์เก่าถึงบ้าน 23-11
เท่ากับว่ามีพียง พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส ซึ่งไม่ใช้สัญลักษณ์ "วิหค" หลุดรอดเข้าสู่รอบชิงแชมป์สายหลังเปิดไฮน์ฟิลด์ไล่ทุบ ซานดิอาโก ชาร์จเจอร์ส 35-24 โดย "คนเหล็ก" เป็นบอลต่อเพียงคู่เดียวที่ไม่โดน "โรคพลิกล็อก" เล่นงาน ต้องมาติดตามกันต่อว่า สตีลเลอร์ส จะทนทานแค่ไหนเมื่อต้องเผชิญบรรดากรงเล็บในการดวลคู่ปรับ เรฟเวนส์ หรือหลุดรอดไปถึงเมืองแทมปา มลรัฐฟลอริดา เพื่อชิงชัย "วินซ์ ลอมบาร์ดี โทรฟี" กับผู้ชนะระหว่าง อีเกิลส์ หรือ คาร์ดินัลส์
ซึ่งวันนี้เรายังไม่ได้พูดคุยถึง "เกมชิงแชมป์สาย" เพราะกระผมมีคิว "พรีวิว" เพื่อให้ได้แลกเปลี่ยนทรรศนะกันในวันพรุ่งนี้ก่อนการแข่งขันจะมีขึ้นในคืนวันอาทิตย์ต่อเช้าวันจันทร์
ประเด็นวันนี้นอกจากช่วงเพลย์ออฟ นี่ถือเป็นช่วง "เทศกาลการฉกโค้ช" ก็ว่าได้ หลังจบฤดูกาลปกติ ทีมที่ไม่ผ่านเข้าสู่โพสต์ซีซั่นสั่งปลดหัวหน้าโค้ชกันระนาว ไม่ว่าจะเป็น โรมีโอ เครนเนล (คลีฟแลนด์ บราวน์ส), เอริค มันญินี (นิวยอร์ก เจ็ตส์), เดนเวอร์ บรองโกส์ ที่ช็อกแฟนๆ ตะเพิด ไมค์ ชานาแฮน โค้ชคู่บุญ รวมถึง ร็อด มาริเนลลี ซึ่งตกงานตามคาดหลังพา ดีทรอยต์ ไลออนส์ สร้างสถิติอัปยศพ่ายมันทั้งฤดูกาล 16 เกม
ส่วนที่ยังหนังเหนียวอยู่รอดได้ก็มี เฮอร์แมน เอ็ดเวิร์ดส (แคนซัส ซิตี ชีฟส์), เหว็ด ฟิลลิปส์ (ดัลลัส คาวบอยส์) จิม ซอร์น (วอชิงตัน เรดสกินส์), แจ็ค เดล ริโอ (แจ็คสันวิลล์ จากัวส์) หรือว่า มาร์วิน ลูอิส (ซินซินเนติ เบงกอลส์) แต่ถ้าปีหน้าฟ้าใหม่ไม่มีอะไรดีขึ้น เจอร์รี โจนส์ คงไม่ยอมโดนแฟนๆ โห่เลือกให้อภัย ฟิลลิปส์ อีกเป็นแน่ ขณะเดียวกัน ซอร์น อาจเป็นโค้ชห่วยแตกที่สุดในสายตาของ แดน สนายเดอร์ เจ้าของทีมจอมอู้ฟู่ เรดสกินส์ ขึ้นมาจริงๆ
เป็นธรรมดาเมื่อเก้าอี้นายใหญ่ว่างลง ทีมข้างต้นพากันหาหัวเรือกันจ้าละหวั่น โดยเป้าหมายของพวกเขาคือฉกโค้ชมือดีๆ จากทีมที่เข้าเพลย์ออฟ ไม่ว่าจะเป็นผู้ช่วยโค้ช, โค้ชทีมบุก หรือ โค้ชทีมรับ ซึ่งวงการกีฬาอเมริกันมีความเป็นมืออาชีพพอที่จะเปิดทางให้บุคลากรของตัวเองเดินไปหาความก้าวหน้า แต่ทีมที่ต้องการได้ตัวโค้ชฝีมือดีเหล่านี้ก็ต้องรักษามารยาทเช่นกัน ขออนุญาตเพื่อนร่วมลีกสัมภาษณ์งานเป้าหมายของพวกเขาหลังจากต้นสังกัดตกรอบไปแล้วเป็นการเหมาะที่สุด
โดย "ม้าป่า" บรองโกส์ โขยกออกตัวอย่างรวดเร็วประสบความสำเร็จในการดึง จอช แม็คแดเนียลส์ โค้ชเกมบุกวัย 32 ปีผู้มีส่วนสำคัญในการพา นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ ครองแชมป์ 3 สมัยตั้งแต่ปี 2002 ขณะที่ เจ็ตส์, ไลออนส์ หรือว่า แรมส์ ตั้งแถวรอสัมภาษณ์งาน สตีฟ สปันนูโอโล สุดยอดโค้ชทีมรับ ไจแอนท์ส, เลสลี เฟรเซียร์ โค้ชทีมรับ มินเนโซตา ไวกิงส์ รวมถึง ท็อด โบว์ลส ผู้ช่วยโค้ช ไมอามี ดอลฟินส์ ส่วน เจสัน การ์เรตต์ ต้องรอดูว่ายอดโค้ชเกมบุก คาวบอยส์ จะรออีกสักปีเพื่อขึ้นแท่นนายใหญ่แทน ฟิลลิปส์ หรือโยกหาโอกาสกับทีมอื่นเลย เนื่องจากมีกระแสออกมาบ้างว่า โจนส์ อาจไปทาบทาม ชานาแฮน หรือจอมเก๋าอย่าง ไมค์ โฮล์มเกรน ที่ปลดระวางจาก ซีแอตเทิล ซีฮอว์คส มาเป็นหัวหน้าโค้ช
การอำลาของ โฮล์มเกรน "เหยี่ยวทะเล" เลือกดันคนใกล้ตัวอย่าง จิม มอรา ขึ้นสานงานต่อทันที เช่นเดียวกับ ซานฟรานซิสโก โฟร์ตีไนเนอร์ส ประทับใจผลงาน ไมค์ ซิงเกิลทารี โปรโมตรับงานใหญ่ ด้าน อินเดียนาโปลิส โคลต์ส การรีไทร์ถาวรของ โทนี ดันจี ทำให้ จิม คัลด์เวลล์ ได้โอกาสโชว์ฝีมือบ้าง
คงต้องเอาใจช่วยและให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ "มือใหม่หัดใหญ่" กันต่อไป เพราะทุกๆ ปีวัฏจักรของกีฬาอาชีพย่อมมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ อยู่ที่ว่าเมื่อปรับแล้วผลที่ออกมาเลือกอยู่ด้านบวกหรือลบ มันก็ไม่แน่ถ้าทุกอย่างเกิดเข้าล็อกเร็ว ทีมที่เคยผิดหวังอาจได้เฮเหมือนกับ แอตแลนตา ฟอลคอนส์, ดอลฟินส์ และ เรฟเวนส์ ที่ตั้ง ไมค์ สมิธ, จอห์น ฮาร์บอห์ และ โทนี สปาราโน เข้ามาพาเฟรนไชส์ถึงฝังฝั่นเพลย์ออฟตั้งแต่ขวบปีแรกที่เข้าทำงาน
สนุกเข้มข้นเกือบถึงขีดสุดกันแล้วสำหรับศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) ประจำฤดูกาล 2008/09 ซึ่งก็ใกล้ทราบเต็มทีว่าระหว่าง พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส, บัลติมอร์ เรฟเวนส์, อริโซนา คาร์ดินัลส์ หรือ ฟิลาเดลเฟีย อีเกิลส์ ทีมใดจะสามารถฟันฝ่าขึ้นไปคว้าแชมป์ "ซูเปอร์โบว์ล ครั้งที่ 43" มาครอง
โดยเกมดิวิชันนัล เพลย์ออฟ สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรากฏว่าบรรดา "สัตว์ปีก" เริงร่าเป็นทิวแถวเริ่มจาก "อีกาพญายม" บัลติมอร์ เรฟเวนส์ ใช้ทีเด็ดเกมรับบุกอัด เทนเนสซี ไตตันส์ ทีมสถิติดีที่สุดของฝั่งเอเอฟซี (AFC) 13-10 ตามด้วย "นกหัวแดง" อริโซนา คาร์ดินัลส์ โชว์เกมบุกระเบิดระเบ้อทางฝั่งเอ็นเอฟซี (NFC) คว่ำ แคโรไลนา แพนเธอร์ส ถึงถ้ำ 33-13 จากนั้น "อินทรีมรกต" ฟิลาเดลเฟีย อีเกิลส์ ประกาศศักดาฝังแค้น "ยักษ์ใหญ่" นิวยอร์ก ไจแอนท์ส แชมป์เก่าถึงบ้าน 23-11
เท่ากับว่ามีพียง พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส ซึ่งไม่ใช้สัญลักษณ์ "วิหค" หลุดรอดเข้าสู่รอบชิงแชมป์สายหลังเปิดไฮน์ฟิลด์ไล่ทุบ ซานดิอาโก ชาร์จเจอร์ส 35-24 โดย "คนเหล็ก" เป็นบอลต่อเพียงคู่เดียวที่ไม่โดน "โรคพลิกล็อก" เล่นงาน ต้องมาติดตามกันต่อว่า สตีลเลอร์ส จะทนทานแค่ไหนเมื่อต้องเผชิญบรรดากรงเล็บในการดวลคู่ปรับ เรฟเวนส์ หรือหลุดรอดไปถึงเมืองแทมปา มลรัฐฟลอริดา เพื่อชิงชัย "วินซ์ ลอมบาร์ดี โทรฟี" กับผู้ชนะระหว่าง อีเกิลส์ หรือ คาร์ดินัลส์
ซึ่งวันนี้เรายังไม่ได้พูดคุยถึง "เกมชิงแชมป์สาย" เพราะกระผมมีคิว "พรีวิว" เพื่อให้ได้แลกเปลี่ยนทรรศนะกันในวันพรุ่งนี้ก่อนการแข่งขันจะมีขึ้นในคืนวันอาทิตย์ต่อเช้าวันจันทร์
ประเด็นวันนี้นอกจากช่วงเพลย์ออฟ นี่ถือเป็นช่วง "เทศกาลการฉกโค้ช" ก็ว่าได้ หลังจบฤดูกาลปกติ ทีมที่ไม่ผ่านเข้าสู่โพสต์ซีซั่นสั่งปลดหัวหน้าโค้ชกันระนาว ไม่ว่าจะเป็น โรมีโอ เครนเนล (คลีฟแลนด์ บราวน์ส), เอริค มันญินี (นิวยอร์ก เจ็ตส์), เดนเวอร์ บรองโกส์ ที่ช็อกแฟนๆ ตะเพิด ไมค์ ชานาแฮน โค้ชคู่บุญ รวมถึง ร็อด มาริเนลลี ซึ่งตกงานตามคาดหลังพา ดีทรอยต์ ไลออนส์ สร้างสถิติอัปยศพ่ายมันทั้งฤดูกาล 16 เกม
ส่วนที่ยังหนังเหนียวอยู่รอดได้ก็มี เฮอร์แมน เอ็ดเวิร์ดส (แคนซัส ซิตี ชีฟส์), เหว็ด ฟิลลิปส์ (ดัลลัส คาวบอยส์) จิม ซอร์น (วอชิงตัน เรดสกินส์), แจ็ค เดล ริโอ (แจ็คสันวิลล์ จากัวส์) หรือว่า มาร์วิน ลูอิส (ซินซินเนติ เบงกอลส์) แต่ถ้าปีหน้าฟ้าใหม่ไม่มีอะไรดีขึ้น เจอร์รี โจนส์ คงไม่ยอมโดนแฟนๆ โห่เลือกให้อภัย ฟิลลิปส์ อีกเป็นแน่ ขณะเดียวกัน ซอร์น อาจเป็นโค้ชห่วยแตกที่สุดในสายตาของ แดน สนายเดอร์ เจ้าของทีมจอมอู้ฟู่ เรดสกินส์ ขึ้นมาจริงๆ
เป็นธรรมดาเมื่อเก้าอี้นายใหญ่ว่างลง ทีมข้างต้นพากันหาหัวเรือกันจ้าละหวั่น โดยเป้าหมายของพวกเขาคือฉกโค้ชมือดีๆ จากทีมที่เข้าเพลย์ออฟ ไม่ว่าจะเป็นผู้ช่วยโค้ช, โค้ชทีมบุก หรือ โค้ชทีมรับ ซึ่งวงการกีฬาอเมริกันมีความเป็นมืออาชีพพอที่จะเปิดทางให้บุคลากรของตัวเองเดินไปหาความก้าวหน้า แต่ทีมที่ต้องการได้ตัวโค้ชฝีมือดีเหล่านี้ก็ต้องรักษามารยาทเช่นกัน ขออนุญาตเพื่อนร่วมลีกสัมภาษณ์งานเป้าหมายของพวกเขาหลังจากต้นสังกัดตกรอบไปแล้วเป็นการเหมาะที่สุด
โดย "ม้าป่า" บรองโกส์ โขยกออกตัวอย่างรวดเร็วประสบความสำเร็จในการดึง จอช แม็คแดเนียลส์ โค้ชเกมบุกวัย 32 ปีผู้มีส่วนสำคัญในการพา นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ ครองแชมป์ 3 สมัยตั้งแต่ปี 2002 ขณะที่ เจ็ตส์, ไลออนส์ หรือว่า แรมส์ ตั้งแถวรอสัมภาษณ์งาน สตีฟ สปันนูโอโล สุดยอดโค้ชทีมรับ ไจแอนท์ส, เลสลี เฟรเซียร์ โค้ชทีมรับ มินเนโซตา ไวกิงส์ รวมถึง ท็อด โบว์ลส ผู้ช่วยโค้ช ไมอามี ดอลฟินส์ ส่วน เจสัน การ์เรตต์ ต้องรอดูว่ายอดโค้ชเกมบุก คาวบอยส์ จะรออีกสักปีเพื่อขึ้นแท่นนายใหญ่แทน ฟิลลิปส์ หรือโยกหาโอกาสกับทีมอื่นเลย เนื่องจากมีกระแสออกมาบ้างว่า โจนส์ อาจไปทาบทาม ชานาแฮน หรือจอมเก๋าอย่าง ไมค์ โฮล์มเกรน ที่ปลดระวางจาก ซีแอตเทิล ซีฮอว์คส มาเป็นหัวหน้าโค้ช
การอำลาของ โฮล์มเกรน "เหยี่ยวทะเล" เลือกดันคนใกล้ตัวอย่าง จิม มอรา ขึ้นสานงานต่อทันที เช่นเดียวกับ ซานฟรานซิสโก โฟร์ตีไนเนอร์ส ประทับใจผลงาน ไมค์ ซิงเกิลทารี โปรโมตรับงานใหญ่ ด้าน อินเดียนาโปลิส โคลต์ส การรีไทร์ถาวรของ โทนี ดันจี ทำให้ จิม คัลด์เวลล์ ได้โอกาสโชว์ฝีมือบ้าง
คงต้องเอาใจช่วยและให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ "มือใหม่หัดใหญ่" กันต่อไป เพราะทุกๆ ปีวัฏจักรของกีฬาอาชีพย่อมมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ อยู่ที่ว่าเมื่อปรับแล้วผลที่ออกมาเลือกอยู่ด้านบวกหรือลบ มันก็ไม่แน่ถ้าทุกอย่างเกิดเข้าล็อกเร็ว ทีมที่เคยผิดหวังอาจได้เฮเหมือนกับ แอตแลนตา ฟอลคอนส์, ดอลฟินส์ และ เรฟเวนส์ ที่ตั้ง ไมค์ สมิธ, จอห์น ฮาร์บอห์ และ โทนี สปาราโน เข้ามาพาเฟรนไชส์ถึงฝังฝั่นเพลย์ออฟตั้งแต่ขวบปีแรกที่เข้าทำงาน