ASTVผู้จัดการรายวัน - "ผมมีเป้าหมายในการไปเล่นในลีกต่างประเทศอีกสักครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นลีกที่มั่นคง ใจจริงอยากไปเล่นที่ยุโรป แต่ด้วยสรีระและอายุผมว่ามันช้าไปแล้ว" นี่คือคำพูดชนิดเปิดใจถึงอนาคตในเส้นทางการค้าแข้งของ "ลีซอ" ธีรเทพ วิโนทัย สตาร์ทีมชาติไทย ของทีม "กิเลนผยอง" เมืองทอง ยูไนเต็ด หลังเจ้าตัวมองว่าชีวิตนักเตะอาชีพนั้นต้องมีการพัฒนาฝีเท้า และกระหายความสำเร็จอยู่เสมอ
แม้ว่า "หนุ่มซอ" จะพาสโมสร เมืองทองฯ คว้าแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก 2009 มาครองได้สำเร็จ ทว่าอดีตศูนย์หน้าชุดเยาวชนของสโมสร คริสตัล พาเลซ ยอมรับกับผู้สื่อข่าว MGR Sport ว่าฤดูกาล 2010 ไม่ใช่งานง่ายในการป้องกันแชมป์ "ในฤดูกาลหน้า ฟุตบอลไทยลีกจะมีการแข่งขันที่เข้มข้นกว่าเดิมแน่นอน แต่ละทีมต่างทุ่มเงินดึงผู้เล่นฝีเท้าดีเข้าสู่สโมสรเช่นเดียวกับ เมืองทองฯ ที่มีการดึงนักเตะต่างชาติโดยเฉพาะในแนวรุกเข้าสู่ทีม ซึ่งคงต้องปรับความสัมพันธ์ในทีมรวมถึงจังหวะการเล่นให้มากกว่าเดิม และทัวร์นาเมนต์ที่แข่งในปีนี้ก็มากขึ้น เราต้องทำงานหนักและฟิตมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่"
ส่วนประเด็นที่ "กิเลนผยอง" ปฏิวัติทีมงานด้วยการแต่งตั้ง เรอเน เดอซาแยร์ กุนซือชาวเบลเยียมเข้ามาคุมทัพ โดยโยกให้ "โค้ชแต๊ก" อรรถพล บุษปาคม ไปรั้งตำแหน่งหัวหน้าสตาฟฟ์โค้ชฝ่ายเทคนิคแทน นักเตะวัย 25 ปี กล่าวว่า "เรื่องการปรับเปลี่ยนทีมงานเป็นเรื่องของผู้บริหาร แต่ผมเชื่อว่าสโมสรคงพิจารณาทุกแง่มุมอย่างละเอียดแล้วจึงตัดสินใจเช่นนั้น เพราะหากมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเพื่อพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น สาเหตุหลักคงเป็นเพราะเราต้องลงแข่งเอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีก ซึ่งเป็นรายการใหญ่ระดับทวีปเอเชียด้วย"
สำหรับอนาคตการค้าแข้งของตนเอง "ลีซอ" มองว่า ไทยลีก จะยังไม่ใช่สถานีปลายทางของตนเองอย่างแน่นอน "ต้องยอมรับว่า เวลานี้ฟุตบอลไทยลีกได้รับความนิยมแล้ว และผมก็อยากที่จะอยู่เป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จนี้ แต่ถ้าเรามีทางเลือกพัฒนาฝีเท้ามากกว่าเดิม ก็สนใจ แต่ตอนนี้ยังอยู่กับ เมืองทองฯ ต่อไปแน่นอน ส่วนสัญญาของผมกับ ลีเซร์ ในลีกเบลเยียมนั้นมีถึงปี 2012 ขณะที่เป้าหมายในการเล่นฟุตบอลของผมนอกจากการทำผลงานดีที่สุดให้กับทีมชาติแล้ว ผมมีเป้าหมายในการไปเล่นในลีกต่างประเทศอีกสักครั้งหนึ่งซึ่งเป็นลีกที่มั่นคง ใจจริงอยากไปเล่นที่ยุโรป แต่ด้วยสรีระและอายุผมว่ามันน่าจะช้าไปแล้ว ถ้ามีความเป็นไปได้อาจจะการค้าแข้งในแถบเอเชียอย่าง ญี่ปุ่น หรือ ออสเตรเลีย"
เมื่อเอ่ยถึงทีมชาติไทย เจ้าตัวยังเผยประสบการณ์ที่ได้ร่วมงานกับ ไบรอัน ร็อบสัน อดีตกัปตันทีม "ผีแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด กุนซือทีม "ขุนพลช้างศึก" ในเวลานี้ "ร็อบสัน ได้เข้ามาปลูกฝังนักเตะไทยในเรื่องความเป็นมืออาชีพที่มากขึ้น มีวินัย ตรงต่อเวลา มีความมุ่งมั่นตั้งใจเต็มที่ เขาดูแลนักเตะทุกคน มักจะถามไถ่อาการตลอดที่สำคัญ เขาจำชื่อพวกเราได้เร็วมาก และไม่ได้ใจร้อนบุ่มบ่าม เหมือน ปีเตอร์ รีด ที่เป็นคนอารมณ์ร้าย แต่บอกไม่ได้เหมือนกันว่า เขาจะพาเราไปไกลได้แค่ไหน"
ส่วนในเรื่องที่หลายฝ่ายต่างออกมาวิจารณ์ว่า กองหน้ารายนี้มีความทุ่มเทในบางจังหวะที่มากเกินไป และเรื่องของอารมณ์ยังต้องปรับนั้น หัวหอกวัย 25 ปีเผยว่า "ผมยอมรับว่าเป็นคนที่อารมณ์ร้อน ทำให้มีบางจังหวะที่เข้าสกัดโดยอารมณ์ชั่ววูบ ซึ่งผมได้มาจากที่อังกฤษตั้งแต่วัยเด็ก เพราะฉะนั้นผมก็จะเล่นในสไตล์แบบนี้ต่อไป มันเป็นสไตล์ส่วนตัวไปแล้ว แต่ที่สำคัญคือต้องเลือกจังหวะให้ถูกด้วย"
ขณะที่ศึกฟุตบอลเอเชียนคัพ 2011 รอบคัดเลือก กลุ่มอี นัดสุดท้ายในวันที่ 3 มีนาคมนี้ ที่จะยกพลบุกไปเยือนทีมชาติอิหร่านทีมนำที่ผ่านเข้ารอบไปแล้ว โดยสถานการณ์ล่าสุดแม้ทีมลูกหนังไทยจะรั้งอันดับที่ 2 แต่ก็ยังต้องลุ้นกับทีมร่วมสายอย่าง สิงคโปร์ กับ จอร์แดน เช่นกัน แต่สตาร์ทีมชาติไทย ยังแสดงความมั่นใจว่าทีม "ช้างศึก" มีดีพอจะผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายที่ประเทศกาตาร์ในศึกเอเชียนคัพแน่นอน
"สำหรับใครที่มองว่าเราเสียเปรียบเรื่องรูปร่าง ผมว่าไม่ใช่ มันอยู่ที่แท็คติคของโค้ชมากกว่า เพราะเราก็รู้อยู่แล้วว่าคู่แข่งรูปร่างสูงใหญ่และเข้าบอลหนัก ซึ่งผมมองว่าการที่เราผ่านทีมแกร่งอย่าง โปแลนด์ และเดนมาร์ก ในศึกคิงส์คัพ เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะ เดนมาร์ก ที่มีการรับส่งต่อบอลได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้เราได้ประสบการณ์จากตรงนี้ เรียนรู้ในการรับมือ และเลียนแบบการเล่นเป็นระบบแบบพวกเขา แต่ผมเชื่อว่าไปเยือนแล้วเรามักจะเล่นกันได้ดี เพราะไม่กดดันมาก เวลานี้สภาพร่างกายผมฟิตเต็มที่ และผู้เล่นทุกคนภายในทีมก็มุ่งมั่นเต็มที่หวังจะชนะให้ได้ ขอให้แฟนๆ เชื่อในพวกเรา" สตาร์ทีมชาติไทย ย้ำปิดท้าย