รัฐ วิกตอเรีย ร่วมมือกับสมาคมเทนนิส ออสเตรเลีย และ เมลเบิร์น ปาร์ก ทุ่มเงินจำนวน 363 ล้านเหรียญออสเตรเลีย (ราว 11,000 ล้านบาท) ปรับปรุงศูนย์เทนนิส เมลเบิร์น ปาร์ก เพื่อรองรับการแข่งขัน ออสเตรเลียน โอเพน ให้อยู่คู่มหานครแห่งนี้ไปถึงปี 2036 เป็นอย่างน้อย
หลังจากมีกระแสข่าวว่าหลายเมืองใน เอเชีย รวมถึง ซิดนีย์ ของ ออสเตรเลีย แสดงความประสงค์ต่อคณะกรรมการแกรนด์สแลม ต้องการนำการแข่งขัน ออสเตรเลียน โอเพน ไปแข่งขันในพื้นที่ของตนเอง เพื่อทำตามแนวคิดของรายการนี้ที่ว่า "แกรนด์สแลมแห่งเอเชีย/แปซิฟิก" ทว่าทางนคร เมลเบิร์น ไม่ต้องการให้เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้น จึงได้ทุ่มเงินมหาศาลเพื่อรั้ง "สแลมออสซี" เอาไว้ต่อไป
ล่าสุด เว็บไซต์ www.australianopen.com รายงานว่า รัฐ วิกตอเรีย ร่วมมือกับสมาคมเทนนิส ออสเตรเลีย และ เมลเบิร์น ปาร์ก ทุ่มเงินจำนวน 363 ล้านเหรียญออสเตรเลีย (ราว 11,000 ล้านบาท)ปรับปรุงศูนย์เทนนิส เมลเบิร์น ปาร์ก โดยเฉพาะการติดตั้งหลังคาเปิด-ปิดได้ (Retractable Roof) ใน มาร์กาเรต คอร์ต อารีนา ให้เหมือนกับ รอด เลเวอร์ และ ไฮเซนส์ อารีนา พร้อมเพิ่มความจุอีก 1,500 ที่นั่ง เพื่อทำให้ ออสเตรเลียน โอเพน เป็นสแลมแรกของโลกที่มีคอร์ตหลังคาเปิด-ปิดถึง 3 คอร์ต
นอกจากนี้ยังมีการพัฒนา อีสเทิร์น พลาซา ให้มีคอร์ตในร่ม 8 คอร์ตและกลางแจ้งอีก 13 คอร์ต เพื่อเพิ่มความสะดวกสะบายในการฝึกซ้อมให้กับเหล่าผู้เล่น รวมถึงตกแต่ง รอด เลเวอร์ อารีนา และ ไฮเซนส์ อารีนา สนามหมายเลข 1 และ 2 ของ เมลเบิร์น ปาร์ก ให้มีความทันสมัยอีกด้วย
ทั้งนี้ การก่อสร้างทั้งหมดจะเริ่มขึ้นในเดือน เมษายน ปี 2010 และเชื่อว่าจะแล็วเสร็จในเวลา 5 ปี ก่อนที่ทาง เมลเบิร์น จะเสนอตัวขอทำสัญญาจัดการแข่งขัน ออสเตรเลียน โอเพน ต่อไปถึงปี 2036 เป็นอย่างน้อย หลังจากปี 2009 ที่ผ่านมารายการกีฬานี้ทำเงินเข้ารัฐวิกตอเรียมาถึง 160 ล้านเหรียญออสเตรเลีย (ราว 5 พันล้านบาท) จากยอดผู้ชมทั้งหมดกว่า 6 แสนคน
แบบจำลอง "เมลเบิร์น ปาร์ก" หลังจากปรับปรุงแล้วเสร็จ
