คณะกรรมาธิการกีฬา มลรัฐเนวาดา ตัดสินใจยื่นมือเข้ามาไกล่เกลี่ยปัญหาคาราซังระหว่าง แมนนี ปาเกียว และ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ที่ตกลงกันไม่ได้จนมวยซูเปอร์ไฟต์ส่อล่ม โดยสั่งให้ทั้งคู่เข้ารับการตรวจโด๊ปภายใน 48 ชั่วโมง
ศึกดวลกำปั้นชิงแชมป์โลก รุ่นเวลเตอร์เวทขององค์กรมวยโลก (WBO) ระหว่าง “แพ็คแมน” กับ “พริตตีบอย” ซึ่งถูกวางไว้ในวันที่ 13 มีนาคมปีหน้า ที่สังเวียนเอ็มจีเอ็ม แกรนด์ อารีนา ในลาสเวกัส มลรัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา มีอันต้องสะดุดลง เนื่องจากฝ่ายแรกไม่ยอมรับการตรวจโด๊ปตามมาตรฐานขององค์การต่อต้านการใช้สารกระตุ้นแห่งสหรัฐอเมริกา (ยูเอสเอดีเอ) ซึ่งต้องเจาะเลือดและเก็บตัวอย่างปัสสาวะไปตรวจในช่วง 1 วันก่อนและหลังขึ้นชก
ก่อนที่ บ็อบ อารัม โปรโมเตอร์ของ ปาเกียว ยอดมวยชาวฟิลิปินส์จะเสนอให้คณะกรรมาธิการกีฬา มลรัฐเนวาดาเข้ามาตัดสินปัญหากรณีตรวจโด๊ป โดยให้เวลาถึงวันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม แต่จนแล้วจนรอด เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ กำปั้นไร้พ่ายชาวอเมริกัน ตลอดจนบริษัทโปรโมเตอร์อย่าง โกลเดนบอย โปรโมชันส์ ยังคงนิ่งเงียบ ไม่ยอมตอบรับข้อเสนออีก
ล่าสุด สำนักข่าวเอพี (AP) รายงานว่า แพท ลุนด์วัลล์ ประธานคณะกรรมมาธิการกีฬา มลรัฐเนวาดา ออกคำสั่งให้ “แพ็คแมน” และ “พริตตีบอย” เข้ารับการตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารกระตุ้นในร่างกายภายใน 48 ชั่วโมง หรือก็คือภายในวันพุธนี้ มิฉะนั้นจะถูกลงโทษปรับเงินหรือโดนแบนห้ามชกมวยชั่วคราว โดยมอบหมายให้ คีธ คิเซอร์ ผู้อำนวยการของคณะกรรมาธิการฯ ชี้แจงถึงระเบียบต่างๆ ให้ทั้งคู่ได้รับทราบ
ทั้งนี้ 2 ยอดกำปั้นแห่งวงการในยุคปัจจุบันจะถูกตรวจด้วยการเก็บตัวอย่างปัสสสาวะเท่านั้น โดยไม่ต้องเจาะเลือด ซึ่ง เมย์เวทเธอร์ ถูกำหนดให้เข้ารับการตรวจในลาส เวกัส ส่วน ปาเกียว ก็จะถูกตรวจที่ห้องทดลองในฟิลิปปินส์ บ้านเกิด โดยการตรวจของทั้งคู่จะดำเนินการภายใต้ระเบียบขององค์การต่อต้านการใช้สารกระตุ้นโลก (วาดา)
ด้าน คิเซอร์ ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า “เราคาดหวังมาโดยตลอดว่าเมื่อเราเป็นผู้ลงมือตรวจหาสารกระตุ้นจะได้ผลออกมาเป็นลบ แม้ผมจะไม่รู้ว่าวิธีนี้จะช่วยให้ไฟต์ของทั้งคู่เกิดขึ้นได้หรือไม่ แต่ในเมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว เราก็ควรลงมือทำอะไรสักอย่าง”
อนึ่ง การที่คณะกรรมาธิการกีฬา มลรัฐเนวาดา สามารถยื่นมือเข้ามาจัดการเรื่องนี้ได้ เนื่องจาก ปาเกียว และ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ มีชื่อในฐานะนักมวยสมาชิกของรัฐ โดยมีกฎตรวจโด๊ปในวาระพิเศษนอกโปรแกรมการแข่งขันที่เพิ่งประกาศใช้เมื่อปีที่แล้วคอยรองรับ ซึ่งในรอบ 18 เดือนที่ผ่านมามีการออกคำสั่งให้บรรดากำปั้นเข้ารับการตรวจในลักษณะเดียวกันนี้มาแล้วถึง 30 ครั้ง
ศึกดวลกำปั้นชิงแชมป์โลก รุ่นเวลเตอร์เวทขององค์กรมวยโลก (WBO) ระหว่าง “แพ็คแมน” กับ “พริตตีบอย” ซึ่งถูกวางไว้ในวันที่ 13 มีนาคมปีหน้า ที่สังเวียนเอ็มจีเอ็ม แกรนด์ อารีนา ในลาสเวกัส มลรัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา มีอันต้องสะดุดลง เนื่องจากฝ่ายแรกไม่ยอมรับการตรวจโด๊ปตามมาตรฐานขององค์การต่อต้านการใช้สารกระตุ้นแห่งสหรัฐอเมริกา (ยูเอสเอดีเอ) ซึ่งต้องเจาะเลือดและเก็บตัวอย่างปัสสาวะไปตรวจในช่วง 1 วันก่อนและหลังขึ้นชก
ก่อนที่ บ็อบ อารัม โปรโมเตอร์ของ ปาเกียว ยอดมวยชาวฟิลิปินส์จะเสนอให้คณะกรรมาธิการกีฬา มลรัฐเนวาดาเข้ามาตัดสินปัญหากรณีตรวจโด๊ป โดยให้เวลาถึงวันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม แต่จนแล้วจนรอด เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ กำปั้นไร้พ่ายชาวอเมริกัน ตลอดจนบริษัทโปรโมเตอร์อย่าง โกลเดนบอย โปรโมชันส์ ยังคงนิ่งเงียบ ไม่ยอมตอบรับข้อเสนออีก
ล่าสุด สำนักข่าวเอพี (AP) รายงานว่า แพท ลุนด์วัลล์ ประธานคณะกรรมมาธิการกีฬา มลรัฐเนวาดา ออกคำสั่งให้ “แพ็คแมน” และ “พริตตีบอย” เข้ารับการตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารกระตุ้นในร่างกายภายใน 48 ชั่วโมง หรือก็คือภายในวันพุธนี้ มิฉะนั้นจะถูกลงโทษปรับเงินหรือโดนแบนห้ามชกมวยชั่วคราว โดยมอบหมายให้ คีธ คิเซอร์ ผู้อำนวยการของคณะกรรมาธิการฯ ชี้แจงถึงระเบียบต่างๆ ให้ทั้งคู่ได้รับทราบ
ทั้งนี้ 2 ยอดกำปั้นแห่งวงการในยุคปัจจุบันจะถูกตรวจด้วยการเก็บตัวอย่างปัสสสาวะเท่านั้น โดยไม่ต้องเจาะเลือด ซึ่ง เมย์เวทเธอร์ ถูกำหนดให้เข้ารับการตรวจในลาส เวกัส ส่วน ปาเกียว ก็จะถูกตรวจที่ห้องทดลองในฟิลิปปินส์ บ้านเกิด โดยการตรวจของทั้งคู่จะดำเนินการภายใต้ระเบียบขององค์การต่อต้านการใช้สารกระตุ้นโลก (วาดา)
ด้าน คิเซอร์ ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า “เราคาดหวังมาโดยตลอดว่าเมื่อเราเป็นผู้ลงมือตรวจหาสารกระตุ้นจะได้ผลออกมาเป็นลบ แม้ผมจะไม่รู้ว่าวิธีนี้จะช่วยให้ไฟต์ของทั้งคู่เกิดขึ้นได้หรือไม่ แต่ในเมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว เราก็ควรลงมือทำอะไรสักอย่าง”
อนึ่ง การที่คณะกรรมาธิการกีฬา มลรัฐเนวาดา สามารถยื่นมือเข้ามาจัดการเรื่องนี้ได้ เนื่องจาก ปาเกียว และ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ มีชื่อในฐานะนักมวยสมาชิกของรัฐ โดยมีกฎตรวจโด๊ปในวาระพิเศษนอกโปรแกรมการแข่งขันที่เพิ่งประกาศใช้เมื่อปีที่แล้วคอยรองรับ ซึ่งในรอบ 18 เดือนที่ผ่านมามีการออกคำสั่งให้บรรดากำปั้นเข้ารับการตรวจในลักษณะเดียวกันนี้มาแล้วถึง 30 ครั้ง
