จักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม นักแม่นปืนใจหาญโดนเจ้าหน้าที่ตำรวจลาวรวบตัวมาคุมขังไว้ หลังได้รับจดหมายจาก พ.ต.อ.บูรพา ฤกษ์สังเกตุ แจ้งให้ทราบว่าถ้า "เอ็กซ์" เข้ามาก่อความวุ่นวายให้กระทำการได้ตามสมควร
เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. จักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม นักแม่นปืนที่เพิ่งถูกสมาคมกีฬายิงปืนแห่งประเทศไทยตัดชื่อออกจากการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 25 ได้เดินทางมายังสนามยิงปืนในสนามกีฬาแห่งชาติ กม.16 เพื่อแถลงข่าวตามที่เคยลั่นวาจาไว้ ถึงปัญหาคาราคาซังกับสมาคมฯ และพ.ต.อ.บูรพา ฤกษ์สังเกตุ ที่มาแตกหักเอาเมื่อวานนี้
โดย เอ็กซ์ เปิดเผยต่อหน้าทีมข่าว MGR Sport หนึ่งในบรรดานักข่าว 50 กว่าคนที่มาร่วมเป็นสักขีพยานในครั้งนี้ "ผมคิดว่าผู้จัดการทีม (พ.ต.อ.บูรพา) ตัดความรวบรัดเกินไป เหตุมันเกิดตั้งแต่สองทุ่มเมื่อ 2 คืนก่อน ซึ่งครั้งนี้ผมไม่ได้ทำอะไรผิดอะไรเลย และที่ผมพูดไปนั่นก็พูดว่าผมไม่ใช่สุนัขรับใช้ของสมาคม ไม่ได้หมายความถึงคนอื่นเลย และการที่ผู้ใหญ่คาดโทษนักกีฬาทั้งที่ไม่ได้ทำผิด แถมใช้คำรุนแรงว่าจะตัดจากทีมบ้าง ถอนชื่อจากทีมบ้าง หรือถอนชื่อจากสมาคม จะส่งเรื่องไปยังสหพันธ์ยิงปืนโลก เป็นการข่มขู่กันชัดๆ"
"ที่สำคัญ ผจก.ทีม พยายามพูดเสมอว่าถ้าไม่ขึ้นรับเหรียญจะตัดออกจากทีม นั่นเป็นเรื่องเก่าตั้งสองปีมาแล้ว ครั้งนั้นผมติดงานจริงๆ ต้องนั่งมอเตอร์ไซด์รับจ้างเพื่อไปทำงานที่เซ็นสัญญาไว้ ถ้าผมไม่ไปผมก็โดนฟ้องร้อง น่าจะมีความเมตตาให้อภัยกันบ้าง นักกีฬายิงปืนที่พลาดเหรียญทองไปหลายคน ไม่เห็นจะมีการไปปลอบใจกันแม้แต่น้อย มีแต่มาบั่นทอนกำลังใจกันแบบนี้" จักรกฤษณ์ ระบาย
"อย่างไรก็ตาม ผมยังยืนยันว่าจะยิงปืนต่อไป ถ้าไม่ยิงถือว่าผมทรยศชาติ สิ่งที่ผมทำอยู่นี้เพื่อให้ทุกๆ สมาคมกีฬาได้เห็นว่า ผมเป็นนักสู้แห่งวงการกีฬา ผมไม่ได้ทำผิดร้ายแรง ถึงขั้นต้องถูกลงโทษให้ส่งตัวกลับบ้าน แต่ถึงวันนี้ผมกลับแพ้ให้แก่ความอยุติธรรม ตอนนี้ก็ไม่รู้จะตั้งหลักอย่างไรดี รู้สึกผิดหวังมากที่คนไทยมาทำร้ายคนไทยด้วยกันเอง ไม่มองประโยชน์ของชาติมาก่อน เอาอารมณ์ของตนมาตัดสินเท่านั้น" นักแม่นปืนคนจริงเผย
ทันทีที่แถลงจบ มีหนุ่มใหญ่ชาวลาวคนหนึ่งที่สืบทราบมาว่าเป็นเจ้าหน้าที่ในสมาคมยิงปืนแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ได้ตะโกนสวนขึ้นมาทันควันว่า "ไอ้คนที่ใส่เสื้อเหลืองออกไปเลย คุณไม่มีสิทธิอีกต่อไปแล้ว" หลังจากนั้นหนุ่มปริศนารายดังกล่าวก็รีบเดินออกจากบริเวณแถลงข่าว ตรงห้องให้ผู้สื่อข่าวทำงาน
ภายหลัง โอภาส เรืองปัญญาวุฒิ ที่เดินทางมาให้กำลังใจ เอ็กซ์ เผยกับทีมข่าว MGR Sport "ผมมองว่าในสมาคมฯ ของเราก็มีอดีตนักกีฬายิงปืนหลายคนที่เข้าใจนักกีฬาเป็นอย่างดี แต่กลับไม่เลือกมาเป็นผู้จัดการทีม กลับนำคนใจร้อนมาทำหน้าที่ ถามว่าเรื่องขัดแย้งที่เกิดขึ้น รอให้การแข่งขันจบก่อนแล้วค่อยแก้ปัญหากันได้หรือไม่ นี่เป็นมหกรรมกีฬาจะส่งใครกลับ ควรแจ้งทางโอลิมปิกไทยก่อนหรือไม่ ไม่ใช่ดำเนินการเสร็จสรรพแบบนี้แล้วค่อยไปแจ้งภายหลัง"
จากนั้น จักรกฤษณ์ ก็ชูตั๋วเครื่องบินและพาสปอร์ตให้บรรดานักข่าวได้ดู พร้อมเผย "นี่คือสิ่งที่นักยิงปืนระดับโอลิมปิกได้รับ เป็นการสั่งเปลี่ยนเครื่องบินให้ผมกลับไทยเร็วที่สุด พร้อมคืนพาสปอร์ตแต่ต้องขอกล่าวขอบพระคุณ นายธนา ไชยประสิทธิ์ (หัวหน้าคณะนักกีฬาไทย) ที่ได้ประสานมาและแจ้งว่ายังไม่มีการเปลี่ยนตั๋ว ดังนั้นผมจะอยู่เชียร์เพื่อนต่อไป และผมได้ขอร้องให้พี่โอ (โอภาส) อย่าถอนตัวจากการแข่งขัน ต้องอยู่สู้ต่อไป เพื่อคนไทย แม้จะกดดันและขมขื่นก็ต้องยอม"
หลังจากนั้นทั้ง เอ็กซ์-โอ กำลังจะนั่งรถกระบะของเพื่อนที่มาส่งกลับออกจากสนาม แต่เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจลาว 2 นายตามมาประกบพร้อมคุมตัว จักรกฤษณ์ ไปยังห้องเล็กๆ ของเจ้าหน้าที่เพื่อรอการสอบสวน ไม่อนุญาตให้นักข่าวตามสัมภาษณ์โดยมีตำรวจอีกนายเฝ้าคุมกันอยู่หน้าห้อง โดยตำรวจเผยว่า นายสนามยิงปืนได้รับจดหมายเป็นลายลักษณ์อักษรของผู้จัดการทีมยิงปืนไทยว่าถ้าเกิด "เอ็กซ์" เข้ามาก่อกวนก็ให้ดำเนินการได้ตามสมควร ซึ่งการที่ จักรกฤษณ์ มาแถลงข่าวโดยไม่แจ้งให้เราทราบนั้น ถือเป็นการกระทำความผิด
ซึ่ง โอกาส ถึงกับก่นการกระทำครั้งนี้ "เอ็กซ์ แค่จะมาเอาปืนของตัวเองกลับไป และก็แถลงข่าวกับสื่อตามปกติ ไม่ได้มากล่าวให้ร้ายทางการลาวเลย ไม่น่าทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้"
ไม่นานนัก พ.ต.อ.บูรพา ก็ปรากฏตัวในสนามยิงปืน ซึ่งทีมข่าว MGR Sport ปรี่เข้าไปไถ่ถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทันที "ทางการลาวถามผมว่า เอ็กซ์ ยังเป็นนักกีฬาของเราหรือไม่ หลังโดนยึดไอดีการ์ด ผมก็แค่ตอบว่าไม่เท่านั้น"
เมื่อถูกกระแซะถามว่าได้ดำเนินการยื่นจดหมายเป็นลายลักษณ์อักษรไปยังทางการลาวหรือไม่ "บิ๊กบูรพา" เลี่ยงที่จะตอบคำถามดังกล่าวกับทีมข่าว MGR Sport และก็เปรยขึ้นว่า "ผมขอสอบถามไปยังทางการลาวก่อนว่าจะให้สัมภาษณ์ตรงนี้ได้หรือไม่ ผมเป็นตำรวจ อย่าให้ผมมาติดคุกในลาวเลย" จากนั้นผจก.ยิงปืนไทยก็เดินจากไป
จากนั้นเวลาประมาณ 12.20 น. นายธนา ไชยประสิทธิ์ ก็เดินทางมาถึงยังสนามยิงปืนในกม.16 ทันทีที่ลงจากรถยนต์ ก็จะเดินเข้ามาให้สัมภาษณ์กับสื่อไทยที่รอรับอยู่คับคั่ง แต่เรื่องเหลือเชื่อก็เกิดขึ้นอีกเมื่อ ตำรวจเข้ามากันเอาไว้ อีกทั้งยังมีเจ้าหน้าที่อีกนายหนึ่งผลักเข้าที่ด้านหลังของ "บิ๊กต้อม" ทำให้ทัพสื่อมวลชนแดนสยามไม่พอใจการกระทำครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง หลังแยกกันได้ นายธนา ก็รุดเข้าไปพูดคุยกับ พ.ต.อ.บูรพา เพื่อเคลียร์เรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดย ผจก.ไทย เปรยว่าตนพร้อมให้สัมภาษณ์กับสื่อผ่านทางโทรศัพท์ แต่คงไม่สามารถตั้งโต๊ะแถลงข่าวได้ ส่วน "เอ็กซ์" มีรายงานว่าถูกย้ายจากห้องเจ้าหน้าที่เล็กๆ ในสนาม เพื่อไปกักตัวอยู่ตรงข้ามสนามกีฬาแห่งชาติ
ด้าน ลิม เมง เคียว ผู้จัดการทีมยิงปืนสิงคโปร์ ที่มาดูลูกทีมแข่งตามปกติ ได้พูดคุยกับทีมข่าว MGR Sport ถึงเรื่องนี้ "ผมรู้เรื่องว่าสมามคมยิงปืนไทยกำลังมีปัญหา แต่ผมไม่ได้รู้ลึก ส่วนที่สิงคโปร์มีปัญหาบ้างหรือไม่ คงต้องบอกตามตรงว่าทุกประเทศล้วนมีปัญหากันหมด แต่ปัญหาเป็นยาดีให้เราได้ต่อสู้เพื่อพัฒนาทีมกันต่อไป โดยผมพยายามย้ำกับนักกีฬาเสมอว่าให้มองไปที่เป้าหมายส่วนรวมของประเทศชาติเป็นหลัก"
ซึ่งทีมข่าว MGR Sport มีการสอบถามด้วยว่าที่สิงคโปร์ มีการจำกัดโควตาให้นักกีฬายิงกันแค่ 3 รุ่นหรือไม่ ก็ได้คำตอบจาก ลิม เมง เคียว ดังนี้ "เรายึดเอาผลงานของนักกีฬาเป็นหลัก ใครเก่งหลายประเภท สามารถคัดเลือกติดอันดับ 1, 2, 3 ก็สามารถเข้ามาติดทีมลงแข่งได้ สิงคโปร์มีนักกีฬา 2 คน (ไก ปิน และ โปห์ ลิบ เหมง) ลงแข่งในซีเกมส์ครั้งนี้ถึง 10 ประเภท"
เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. จักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม นักแม่นปืนที่เพิ่งถูกสมาคมกีฬายิงปืนแห่งประเทศไทยตัดชื่อออกจากการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 25 ได้เดินทางมายังสนามยิงปืนในสนามกีฬาแห่งชาติ กม.16 เพื่อแถลงข่าวตามที่เคยลั่นวาจาไว้ ถึงปัญหาคาราคาซังกับสมาคมฯ และพ.ต.อ.บูรพา ฤกษ์สังเกตุ ที่มาแตกหักเอาเมื่อวานนี้
โดย เอ็กซ์ เปิดเผยต่อหน้าทีมข่าว MGR Sport หนึ่งในบรรดานักข่าว 50 กว่าคนที่มาร่วมเป็นสักขีพยานในครั้งนี้ "ผมคิดว่าผู้จัดการทีม (พ.ต.อ.บูรพา) ตัดความรวบรัดเกินไป เหตุมันเกิดตั้งแต่สองทุ่มเมื่อ 2 คืนก่อน ซึ่งครั้งนี้ผมไม่ได้ทำอะไรผิดอะไรเลย และที่ผมพูดไปนั่นก็พูดว่าผมไม่ใช่สุนัขรับใช้ของสมาคม ไม่ได้หมายความถึงคนอื่นเลย และการที่ผู้ใหญ่คาดโทษนักกีฬาทั้งที่ไม่ได้ทำผิด แถมใช้คำรุนแรงว่าจะตัดจากทีมบ้าง ถอนชื่อจากทีมบ้าง หรือถอนชื่อจากสมาคม จะส่งเรื่องไปยังสหพันธ์ยิงปืนโลก เป็นการข่มขู่กันชัดๆ"
"ที่สำคัญ ผจก.ทีม พยายามพูดเสมอว่าถ้าไม่ขึ้นรับเหรียญจะตัดออกจากทีม นั่นเป็นเรื่องเก่าตั้งสองปีมาแล้ว ครั้งนั้นผมติดงานจริงๆ ต้องนั่งมอเตอร์ไซด์รับจ้างเพื่อไปทำงานที่เซ็นสัญญาไว้ ถ้าผมไม่ไปผมก็โดนฟ้องร้อง น่าจะมีความเมตตาให้อภัยกันบ้าง นักกีฬายิงปืนที่พลาดเหรียญทองไปหลายคน ไม่เห็นจะมีการไปปลอบใจกันแม้แต่น้อย มีแต่มาบั่นทอนกำลังใจกันแบบนี้" จักรกฤษณ์ ระบาย
"อย่างไรก็ตาม ผมยังยืนยันว่าจะยิงปืนต่อไป ถ้าไม่ยิงถือว่าผมทรยศชาติ สิ่งที่ผมทำอยู่นี้เพื่อให้ทุกๆ สมาคมกีฬาได้เห็นว่า ผมเป็นนักสู้แห่งวงการกีฬา ผมไม่ได้ทำผิดร้ายแรง ถึงขั้นต้องถูกลงโทษให้ส่งตัวกลับบ้าน แต่ถึงวันนี้ผมกลับแพ้ให้แก่ความอยุติธรรม ตอนนี้ก็ไม่รู้จะตั้งหลักอย่างไรดี รู้สึกผิดหวังมากที่คนไทยมาทำร้ายคนไทยด้วยกันเอง ไม่มองประโยชน์ของชาติมาก่อน เอาอารมณ์ของตนมาตัดสินเท่านั้น" นักแม่นปืนคนจริงเผย
ทันทีที่แถลงจบ มีหนุ่มใหญ่ชาวลาวคนหนึ่งที่สืบทราบมาว่าเป็นเจ้าหน้าที่ในสมาคมยิงปืนแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ได้ตะโกนสวนขึ้นมาทันควันว่า "ไอ้คนที่ใส่เสื้อเหลืองออกไปเลย คุณไม่มีสิทธิอีกต่อไปแล้ว" หลังจากนั้นหนุ่มปริศนารายดังกล่าวก็รีบเดินออกจากบริเวณแถลงข่าว ตรงห้องให้ผู้สื่อข่าวทำงาน
ภายหลัง โอภาส เรืองปัญญาวุฒิ ที่เดินทางมาให้กำลังใจ เอ็กซ์ เผยกับทีมข่าว MGR Sport "ผมมองว่าในสมาคมฯ ของเราก็มีอดีตนักกีฬายิงปืนหลายคนที่เข้าใจนักกีฬาเป็นอย่างดี แต่กลับไม่เลือกมาเป็นผู้จัดการทีม กลับนำคนใจร้อนมาทำหน้าที่ ถามว่าเรื่องขัดแย้งที่เกิดขึ้น รอให้การแข่งขันจบก่อนแล้วค่อยแก้ปัญหากันได้หรือไม่ นี่เป็นมหกรรมกีฬาจะส่งใครกลับ ควรแจ้งทางโอลิมปิกไทยก่อนหรือไม่ ไม่ใช่ดำเนินการเสร็จสรรพแบบนี้แล้วค่อยไปแจ้งภายหลัง"
จากนั้น จักรกฤษณ์ ก็ชูตั๋วเครื่องบินและพาสปอร์ตให้บรรดานักข่าวได้ดู พร้อมเผย "นี่คือสิ่งที่นักยิงปืนระดับโอลิมปิกได้รับ เป็นการสั่งเปลี่ยนเครื่องบินให้ผมกลับไทยเร็วที่สุด พร้อมคืนพาสปอร์ตแต่ต้องขอกล่าวขอบพระคุณ นายธนา ไชยประสิทธิ์ (หัวหน้าคณะนักกีฬาไทย) ที่ได้ประสานมาและแจ้งว่ายังไม่มีการเปลี่ยนตั๋ว ดังนั้นผมจะอยู่เชียร์เพื่อนต่อไป และผมได้ขอร้องให้พี่โอ (โอภาส) อย่าถอนตัวจากการแข่งขัน ต้องอยู่สู้ต่อไป เพื่อคนไทย แม้จะกดดันและขมขื่นก็ต้องยอม"
หลังจากนั้นทั้ง เอ็กซ์-โอ กำลังจะนั่งรถกระบะของเพื่อนที่มาส่งกลับออกจากสนาม แต่เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจลาว 2 นายตามมาประกบพร้อมคุมตัว จักรกฤษณ์ ไปยังห้องเล็กๆ ของเจ้าหน้าที่เพื่อรอการสอบสวน ไม่อนุญาตให้นักข่าวตามสัมภาษณ์โดยมีตำรวจอีกนายเฝ้าคุมกันอยู่หน้าห้อง โดยตำรวจเผยว่า นายสนามยิงปืนได้รับจดหมายเป็นลายลักษณ์อักษรของผู้จัดการทีมยิงปืนไทยว่าถ้าเกิด "เอ็กซ์" เข้ามาก่อกวนก็ให้ดำเนินการได้ตามสมควร ซึ่งการที่ จักรกฤษณ์ มาแถลงข่าวโดยไม่แจ้งให้เราทราบนั้น ถือเป็นการกระทำความผิด
ซึ่ง โอกาส ถึงกับก่นการกระทำครั้งนี้ "เอ็กซ์ แค่จะมาเอาปืนของตัวเองกลับไป และก็แถลงข่าวกับสื่อตามปกติ ไม่ได้มากล่าวให้ร้ายทางการลาวเลย ไม่น่าทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้"
ไม่นานนัก พ.ต.อ.บูรพา ก็ปรากฏตัวในสนามยิงปืน ซึ่งทีมข่าว MGR Sport ปรี่เข้าไปไถ่ถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทันที "ทางการลาวถามผมว่า เอ็กซ์ ยังเป็นนักกีฬาของเราหรือไม่ หลังโดนยึดไอดีการ์ด ผมก็แค่ตอบว่าไม่เท่านั้น"
เมื่อถูกกระแซะถามว่าได้ดำเนินการยื่นจดหมายเป็นลายลักษณ์อักษรไปยังทางการลาวหรือไม่ "บิ๊กบูรพา" เลี่ยงที่จะตอบคำถามดังกล่าวกับทีมข่าว MGR Sport และก็เปรยขึ้นว่า "ผมขอสอบถามไปยังทางการลาวก่อนว่าจะให้สัมภาษณ์ตรงนี้ได้หรือไม่ ผมเป็นตำรวจ อย่าให้ผมมาติดคุกในลาวเลย" จากนั้นผจก.ยิงปืนไทยก็เดินจากไป
จากนั้นเวลาประมาณ 12.20 น. นายธนา ไชยประสิทธิ์ ก็เดินทางมาถึงยังสนามยิงปืนในกม.16 ทันทีที่ลงจากรถยนต์ ก็จะเดินเข้ามาให้สัมภาษณ์กับสื่อไทยที่รอรับอยู่คับคั่ง แต่เรื่องเหลือเชื่อก็เกิดขึ้นอีกเมื่อ ตำรวจเข้ามากันเอาไว้ อีกทั้งยังมีเจ้าหน้าที่อีกนายหนึ่งผลักเข้าที่ด้านหลังของ "บิ๊กต้อม" ทำให้ทัพสื่อมวลชนแดนสยามไม่พอใจการกระทำครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง หลังแยกกันได้ นายธนา ก็รุดเข้าไปพูดคุยกับ พ.ต.อ.บูรพา เพื่อเคลียร์เรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดย ผจก.ไทย เปรยว่าตนพร้อมให้สัมภาษณ์กับสื่อผ่านทางโทรศัพท์ แต่คงไม่สามารถตั้งโต๊ะแถลงข่าวได้ ส่วน "เอ็กซ์" มีรายงานว่าถูกย้ายจากห้องเจ้าหน้าที่เล็กๆ ในสนาม เพื่อไปกักตัวอยู่ตรงข้ามสนามกีฬาแห่งชาติ
ด้าน ลิม เมง เคียว ผู้จัดการทีมยิงปืนสิงคโปร์ ที่มาดูลูกทีมแข่งตามปกติ ได้พูดคุยกับทีมข่าว MGR Sport ถึงเรื่องนี้ "ผมรู้เรื่องว่าสมามคมยิงปืนไทยกำลังมีปัญหา แต่ผมไม่ได้รู้ลึก ส่วนที่สิงคโปร์มีปัญหาบ้างหรือไม่ คงต้องบอกตามตรงว่าทุกประเทศล้วนมีปัญหากันหมด แต่ปัญหาเป็นยาดีให้เราได้ต่อสู้เพื่อพัฒนาทีมกันต่อไป โดยผมพยายามย้ำกับนักกีฬาเสมอว่าให้มองไปที่เป้าหมายส่วนรวมของประเทศชาติเป็นหลัก"
ซึ่งทีมข่าว MGR Sport มีการสอบถามด้วยว่าที่สิงคโปร์ มีการจำกัดโควตาให้นักกีฬายิงกันแค่ 3 รุ่นหรือไม่ ก็ได้คำตอบจาก ลิม เมง เคียว ดังนี้ "เรายึดเอาผลงานของนักกีฬาเป็นหลัก ใครเก่งหลายประเภท สามารถคัดเลือกติดอันดับ 1, 2, 3 ก็สามารถเข้ามาติดทีมลงแข่งได้ สิงคโปร์มีนักกีฬา 2 คน (ไก ปิน และ โปห์ ลิบ เหมง) ลงแข่งในซีเกมส์ครั้งนี้ถึง 10 ประเภท"