"ไบซัน" มิชาเอล เอสเซียง มิดฟิลด์พลังม้าชาวกานาจัดการเหมาคนเดียว 2 ลูกช่วยให้ เชลซี ไล่ต้อน วูล์ฟแฮมป์ตัน ทีมน้องใหม่จนหมดสภาพ 4-0 นำโด่งบนตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ต่อไป
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน 2552
เชลซี 4-0 วูล์ฟแฮมป์ตัน
เปิดฉากมาเพียงแค่นาทีที่ 4 สิงห์บลูส์ จัดการลงโทษหมาป่าทันที หลังจาก โจดี แคร็ดด็อก หวดสกัดพลาดมาเข้าทาง ฟลอร็องต์ มาลูดา บริเวณกลางสนาม ก่อนที่ปีกซ้ายทีมชาติฝรั่งเศสจะเลี้ยงกินแดนขึ้นมาแล้วส่องไกลเต็มข้อเสียบเสาแรกอย่างเฉียบขาดเป็น 1-0
8 นาทีต่อมา สกอร์บอร์ดขยับเพิ่มเป็น 2-0 สำหรับเจ้าบ้าน เมื่อ มาลูดา เปิดลูกเตะมุมทางด้านขวามาที่เสาแรก มิชาเอล เอสเซียง สอดเข้ามาโขกเต็มศีรษะสุดปัญญาที่ เวย์น เฮนเนสซีย์ จะป้องกันเอาไว้ได้ จากนั้นนาทีที่ 22 เอสเซียง มาบวกเม็ดที่ 2 ของตัวเองให้ เชลซี ทะยานห่างเป็น 3-0 หลังจากที่เพื่อนร่วมทีมถ่ายบอลไปทั่วสนามก่อนลงเอยที่ ซาโลมง กาลู ไหลให้เข่นหน้าเขตโทษ บอลลอดตัว เฮนเนสซีย์ เข้าสู่ก้นตาข่าย
ถึงนาทีที่ 39 วูล์ฟแฮมป์ตัน น่าจะได้ประตูตีไข่แตกเป็นที่สุดจากจังหวะที่ แม็ทธิว ยาร์วิส โยนบอลทางกราบซ้ายมาให้ ซิลแวน อีแบงค์ส-เบล็ค โขกกดลงพื้นแบบเหน่งๆ ทำท่าจะซุกตาข่ายอยู่แล้ว แต่ ปีเตอร์ เช็ก โชว์ซูเปอร์เซฟล้มตัวปัดบนเส้นออกหลังไปได้อย่างเหลือเชื่อ จบครึ่งแรกเจ้าบ้านยังคงนำลิ่ว 3-0
เข้าสู่ครึ่งหลังนาทีที่ 56 สิงห์บลูส์ยังไม่เพลาเครื่องก่อนทะลวงอีกลูกเป็น 4-0 จากจังหวะที่ อเนลกา พาบอลเลียบกรอบเขตโทษด้านซ้ายก่อนจ่ายให้ กาลู แปคืนมายัง โจ โคล วางเท้าซัดเน้นๆ ผ่านมือ เฮนเนสซีย์ เข้าไป
จากนั้น 3 นาที เชลซี ส่ง กาแอล กากูตา ดาวเตะวัยรุ่นที่ทีมไปดึงมาจาก ล็องส์ จนถูกฟีฟาสั่งแบนห้ามเซ็นนักเตะใหม่ 2 ช่วงตลาดลงมาแทน อเนลกา ซึ่งเพียงแค่ไม่กี่อึดใจก็โชว์ฤทธิ์เดชทันทีด้วยการล็อกหลบเข้าเขตโทษแล้วแปมุมแคบไปเข้าข้างตาข่าย นาทีที่ 65 เอสเซียง เกือบทำแฮตทริกได้จากการปั่นโค้งหน้าเขตโทษส่งบอลเบียดเสาออกหลังอย่างน่าเสียวไส้
ช่วง 10 นาทีสุดท้าย กากูตา หวิดประเดิมประตูแรกในทีมชุดใหญ่สิงห์บลูส์ได้ทันทีจากการยิงไกลระยะ 25 หลา ทว่าบอลพุ่งวาบผ่านเสาแรกออกหลัง จบเกม เชลซี เป็นฝ่ายคว้าชัยท่วมท้น 4-0 เก็บเพิ่มเป็น 33 คะแนน ยึดจ่าฝูงเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ทิ้งห่าง อาร์เซนอล ทีมอันดับ 2 ที่บุกไปเสียท่าให้กับ ซันเดอร์แลนด์ 0-1 เพิ่มเป็น 8 คะแนน แต่แข่งมากกว่า 1 นัด
รายชื่อ 11 คนแรกของทั้งสองทีม
เชลซี - ปีเตอร์ เช็ก, จูเลียโน เบลเล็ตติ, อเล็กซ์, จอห์น เทอร์รี, แอชลีย์ โคล, จอห์น โอบี มิเกล, มิชาเอล เอสเซียง, โจ โคล, ฟลอร็องต์ มาลูดา, ซาโลมง กาลู, นิโกลาส์ อเนลกา
วูล์ฟแฮมป์ตัน – เวย์น เฮนเนสซีย์, คริสตอฟ แบร์รา, โจดี แคร็ดด็อก, ริชาร์ด สเตียร์แมน, คาร์ล เฮนรี, เซกุนโด คาสติลโญ, เกร็ก ฮัลฟอร์ด, เดวิด เอ็ดเวิร์ดส, แอนดรูว์ เซอร์แมน, แม็ทธิว ยาร์วิส, ซิลแวน อีแบงค์ส-เบล็ค
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
ลิเวอร์พูล เสมอ แมนเชสเตอร์ ซิตี 2-2 (มาร์ติน สเคอร์เทล 1-0 นาที 50), (เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ 1-1 นาที 69), (สตีเฟน ไอร์แลนด์ 1-2 นาที 76), (ยอสซี เบนายูน 2-2 นาที 77)
เบอร์มิงแฮม ซิตี ชนะ ฟูแลม 1-0 (ลี โบว์เยอร์ 1-0 นาที 16)
เบิร์นลีย์ เสมอ แอสตัน วิลลา 1-1 (สตีเฟน คัลด์เวลล์ 1-0 นาที 9), (เอมิล เฮสกีย์ 1-1 นาที 86)
เชลซี ชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน 4-0 (ฟลอร็องต์ มาลูดา 1-0 นาที 4), (มิชาเอล เอสเซียง 2-0 นาที 12), (มิชาเอล เอสเซียง 3-0 นาที 22), (โจ โคล 4-0 นาที 56)
ซันเดอร์แลนด์ ชนะ อาร์เซนอล 1-0 (ดาร์เรน เบนท์ 1-0 นาที 71)
ฮัลล์ ซิตี เสมอ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 3-3 (กิเยร์โม ฟรังโก 0-1 นาที 5), (แจ็ค คอลลิสัน 0-2 นาที 11), (คาร์ลตัน โคล 1-2 ทำเข้าประตูตัวเอง นาที 27), (คามิล ซายัตเต 2-2 นาที 44), (จิมมี บุลลาร์ด 3-2 จุดโทษ นาที 45), (มานูเอล ดา คอสตา 3-3 นาที 69)
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ เอฟเวอร์ตัน 3-0 (ดาร์เรน เฟลทเชอร์ 1-0 นาที 35), (ไมเคิล คาร์ริค 2-0 นาที 67), (อันโตนิโอ วาเลนเซีย 3-0 นาที 76)