มาร์ก ฟิลิปปูสซิส อดีตนักเทนนิสมือ 8 ของโลกชาวออสเตรเลีย ซึ่งเจอมรสุมชีวิตจนแทบล้มละลายเตรียมกลับมาลงหวดทัวร์นาเมนท์ที่ประเทศอังกฤษในเดือนหน้าเพื่อหาเงินใช้หนี้ธนาคาร โดยตอนนี้เจ้าตัวเริ่มปลงตกหันมาใช้ชีวิตที่เรียบง่ายกว่าสมัยก่อนที่เคยได้ชื่อว่าเป็นเพลย์บอยคนหนึ่งของวงการลูกสักหลาด
ฟิลิปปูสซิส มีช่วงชีวิตการเล่นเทนนิสอาชีพรุ่งสุดๆเมื่อเคยผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศยูเอส โอเพน ปี 1998 และ วิมเบิลดัน ปี 2003 รวมถึงเคยทำอันดับขึ้นรั้งมือ 8 ของโลกในปี 1999 แต่ต่อมากเจออาการเจ็บเข่าเล่นงานจนเริ่มหายหน้าหายตาไปจากวงการและไม่ได้ลงสนามอีกเลยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ความที่เคยเป็นเพลย์บอยของวงการลูกสักหลาดซึ่งควงสาวคนดังหลายคน อาทิ ปารีส ฮิลตัน ไฮโซฮอลลีวูด หรือ แอนนา คูร์นิโควา อดีตแร็กสาวรัสเซีย เป็นต้น ทำให้ติดนิสัยการใช้เงินฟุ่มเฟื่อย ดังนั้นเมื่อไม่สามารถลงเล่นเทนนิสได้เงินจึงขาดมือ ต่อมาต้องนำบ้านไปจำนองและภายหลังไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยธนาคารได้ต้องขายบ้านที่อยู่ร่วมกับแม่ ในเมืองเมลเบิร์น ประเทศบ้านเกิดออกไป
แต่ล่าสุด นักหวดออสซีเตรียมกลับมาลงสนามอีกครั้งในรายการซีเนียร์ เอกอน มาสเตอร์ ที่รอยัล อัลเบิร์ต ฮอลล์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ระหว่างวันที่ 1-6 ธันวาคมนี้ ซึ่งจะมีอดีตแรกเก็ตชั้นนำมากมายเข้าร่วมการแข่งขัน อาทิ แพทริก ราฟเตอร์, โกรัน อีวานิเซวิช และ เกร็ก รูเซดสกี เป็นต้น โดยอย่างน้อยก็จะได้เงินค่าปรากฎตัวในทัวร์นาเมนท์
โดย ฟิลิปปูสซิส เปิดเผยถึงช่วงเวลาอันเลวร้ายที่ตนประสบมาว่า "เมื่อตอนอายุน้อย คุณใช้จ่ายเงินอย่างฟุ่มเฟือยเพราะคิดว่าจะหาเพิ่มได้ตลอด ผมโชคร้ายที่ต้องผ่าตัดรักษาหัวเข่าถึง 6 ครั้ง เทนนิสเป็นอาชีพเดียวของผมและผมไม่ได้เล่นเลยตลอดเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ตอนนี้หลายคนกำลังประสบปัญหาจากสภาพเศรษฐกิจตกต่ำ แต่ความเลวร้ายนั้นเกิดขึ้นกับผมเป็นเวลา 3 ปี ผมเชื่อใจคนบางคนจากการจำนองบ้านและพวกเขาก็มาเอาเปรียบผม"
อย่างไรก็ตาม นักหวดซึ่งกำลังจะมีอายุครบ 33 ปีเปิดเผยว่าสถานการณ์อันยากลำบากดังกล่าวก็ได้ทำให้ตนเป็นคนใหม่ เลิกความเป็นวัตถุนิยมและหันกลับมาใช้ชีวิตที่เรียบง่ายมากขึ้น
"สถานการณ์ที่ผมประสบมาเป็นสิ่งดีที่สุดที่เกิดกับผม เพราะผมได้ตระหนักรู้ว่าสิ่งใดเป็นสิ่งสำคัญต่อผม ผมเห็นความสำคัญของครอบครัวและผู้หญิงที่ผมรักว่าพวกเขาเป็นคนที่สำคัญ หลายคนให้ความสำคัญกับสิ่งของซึ่งเป็นความพยายามเติมเต็มความว่างเปล่าในชีวิต แต่ตอนนี้ผมได้รู้ว่าชีวิตที่เรียบง่ายทำให้ผมมีความสุข คุณไม่ต้องการสิ่งของมากมาย ตอนนี้ผมตื่นเช้ามาก็มีเป้าหมายและรู้ว่าต้องทำอะไรกับชีวิต" ฟิลิปปูสซิส กล่าว
ฟิลิปปูสซิส มีช่วงชีวิตการเล่นเทนนิสอาชีพรุ่งสุดๆเมื่อเคยผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศยูเอส โอเพน ปี 1998 และ วิมเบิลดัน ปี 2003 รวมถึงเคยทำอันดับขึ้นรั้งมือ 8 ของโลกในปี 1999 แต่ต่อมากเจออาการเจ็บเข่าเล่นงานจนเริ่มหายหน้าหายตาไปจากวงการและไม่ได้ลงสนามอีกเลยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ความที่เคยเป็นเพลย์บอยของวงการลูกสักหลาดซึ่งควงสาวคนดังหลายคน อาทิ ปารีส ฮิลตัน ไฮโซฮอลลีวูด หรือ แอนนา คูร์นิโควา อดีตแร็กสาวรัสเซีย เป็นต้น ทำให้ติดนิสัยการใช้เงินฟุ่มเฟื่อย ดังนั้นเมื่อไม่สามารถลงเล่นเทนนิสได้เงินจึงขาดมือ ต่อมาต้องนำบ้านไปจำนองและภายหลังไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยธนาคารได้ต้องขายบ้านที่อยู่ร่วมกับแม่ ในเมืองเมลเบิร์น ประเทศบ้านเกิดออกไป
แต่ล่าสุด นักหวดออสซีเตรียมกลับมาลงสนามอีกครั้งในรายการซีเนียร์ เอกอน มาสเตอร์ ที่รอยัล อัลเบิร์ต ฮอลล์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ระหว่างวันที่ 1-6 ธันวาคมนี้ ซึ่งจะมีอดีตแรกเก็ตชั้นนำมากมายเข้าร่วมการแข่งขัน อาทิ แพทริก ราฟเตอร์, โกรัน อีวานิเซวิช และ เกร็ก รูเซดสกี เป็นต้น โดยอย่างน้อยก็จะได้เงินค่าปรากฎตัวในทัวร์นาเมนท์
โดย ฟิลิปปูสซิส เปิดเผยถึงช่วงเวลาอันเลวร้ายที่ตนประสบมาว่า "เมื่อตอนอายุน้อย คุณใช้จ่ายเงินอย่างฟุ่มเฟือยเพราะคิดว่าจะหาเพิ่มได้ตลอด ผมโชคร้ายที่ต้องผ่าตัดรักษาหัวเข่าถึง 6 ครั้ง เทนนิสเป็นอาชีพเดียวของผมและผมไม่ได้เล่นเลยตลอดเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ตอนนี้หลายคนกำลังประสบปัญหาจากสภาพเศรษฐกิจตกต่ำ แต่ความเลวร้ายนั้นเกิดขึ้นกับผมเป็นเวลา 3 ปี ผมเชื่อใจคนบางคนจากการจำนองบ้านและพวกเขาก็มาเอาเปรียบผม"
อย่างไรก็ตาม นักหวดซึ่งกำลังจะมีอายุครบ 33 ปีเปิดเผยว่าสถานการณ์อันยากลำบากดังกล่าวก็ได้ทำให้ตนเป็นคนใหม่ เลิกความเป็นวัตถุนิยมและหันกลับมาใช้ชีวิตที่เรียบง่ายมากขึ้น
"สถานการณ์ที่ผมประสบมาเป็นสิ่งดีที่สุดที่เกิดกับผม เพราะผมได้ตระหนักรู้ว่าสิ่งใดเป็นสิ่งสำคัญต่อผม ผมเห็นความสำคัญของครอบครัวและผู้หญิงที่ผมรักว่าพวกเขาเป็นคนที่สำคัญ หลายคนให้ความสำคัญกับสิ่งของซึ่งเป็นความพยายามเติมเต็มความว่างเปล่าในชีวิต แต่ตอนนี้ผมได้รู้ว่าชีวิตที่เรียบง่ายทำให้ผมมีความสุข คุณไม่ต้องการสิ่งของมากมาย ตอนนี้ผมตื่นเช้ามาก็มีเป้าหมายและรู้ว่าต้องทำอะไรกับชีวิต" ฟิลิปปูสซิส กล่าว