อังเดร อากัสซี อดีตนักเทนนิสมือ 1 ของโลกวัย 39 ปี เผยผ่านหนังสือ "โอเพน" อัตชีวประวัติของตนเองว่า ครั้งหนึ่งเคยเสพยา "ไอซ์" ทว่าได้โกหกเจ้าหน้าที่ตรวจสารกระตุ้นจนรอดพ้นความผิด
หลังเลิกเล่นไปแล้วหรือแม้กระทั่งยังแข่งขันอยู่ นักกีฬาดังของโลกมักออกหนังสือ อัตชีวประวัติ ออกมาวางจำหน่าย ส่วนใหญ่อาศัยการเปิดเผยส่วนที่น่าสนใจในหนังสือเพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขาย เช่นเดียวกับครั้งนี้ที่ อังเดร อากัาซี อดีตแชมป์แกรนด์สแลม 8 สมัยออกมาเผยในหนังสือของเขาว่าครั้งหนึ่งเคยเสพยาไอซ์มาแล้ว
โดย อากัสซี ร่วมมือกับ หนังสือพิมพ์ เดอะ ไทมส์ ใน ลอนดอน คลอดอัตชีวประวัติ "โอเพน" ออกมาจำหน่าย ซึ่งเว็บไซต์ของสื่อดังจากอังกฤษได้นำเนื้อหาส่วนหนึ่งในหนังสือเล่มดังกล่าวมาเปิดเผยว่า ยอดหวดจาก เนวาดา เคยจงใจเสพยาไอซ์ แต่ได้ให้โกหกเจ้าหน้าที่ของ เอทีพี ทัวร์ จนรอดพ้นโทษแบนได้สำเร็จ
"สลิม (ชื่อสมมติ) นำบ่องเสพยาขึ้นมาบนโต๊ะอาหารที่บ้านของผมแล้วก็หั่นยา จากนั้นก็สูดมันเข้าไป ผมเลยขอลองสูดบ้าง จากนั้นก็ไปนั่งเคลิ้มที่โซฟา ทว่าหลังจากนั้นผมรู้สึกว่าตนเองไม่ควรทำอะไรแบบนี้ จึงรีบทำความสะอาดบ้าน เก็บกวาดเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้น จัดเตียงใหม่ และนำบ่องยาไปทิ้ง" อากัสซี เผยผ่านหนังสือ
หลังจากนั้นไม่นาน เจ้าหน้าที่ เอทีพี ทัวร์ ได้โทรศัพท์มาหา อากัสซี เพื่อแจ้งว่าตัวเขาต้องถูกสั่งพักการแข่งขันชั่วคราว 3 เดือนเนื่องจากผลการตรวจสารเสพติดไม่ผ่าน ทำให้ แชมป์ ออสเตรเลียน โอเพน 4 สมัยรีบคิดหาทางออก ซึ่งคือการโกหก
"ชื่อเสียงของผม อาชีพของผม ทุกสิ่งทุกอย่างแขวนอยู่บนเส้นด้าย ผมตัดสินใจนั่งเขียนจดหมายถึง เอทีพี ทัวร์ เพื่อชี้แจงสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งต้องยอมรับว่าจดหมายฉบับนั้นมีความจริงแค่ส่วยเล็กน้อยเท่านั้น โดยผมบอกว่าสลิมเป็นคนเล่นยาแต่เพียงผู้เดียวโดยใช้แก้วน้ำในบ้านใส่โซดาแล้วใส่ยาลงไปในนั้น ส่วนตัวผมเพียงแต่ไปใช้แก้วใบนั้นดื่มน้ำทำให้มีสารเสพติดเข้ามาอยู่ในร่างกาย" เจ้าของหนังสือ อัตชีวประวัติ "โอเพน" สารภาพความจริง
ก่อนหน้านี้ในปี 2002 รอย คีน อดีตนักฟุตบอล กัปตันทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เคยออกมาเผยผ่านอัตชีวประวัติในทำนองเดียวกันนี้ว่าระหว่างเกม "ดาร์บี แมตช์" ระหว่างทีม ผีแดง และ แมนเชสเตอร์ ซิตี ในปี 2001 เขาจงใจเข้าเสียบสกัด อัล์ฟ อินเก ฮาแลนด์ กองกลางทีมเรือใบ โดยหวังให้หมดอนาคตการเป็นนักเตะ ทำให้ "คีโน" ถูกสมาคมฟุตบอลอังกฤษแบน 8 แมตช์ พร้อมปรับเงินอีก 150,000 ปอนด์(ราว 8 ล้านบาท) ในข้อหาทำให้วงการฟุตบอลเสียเกียรติ