ตามรอยเดวิสฯไทย "นึกว่าระเบิดลง" วันที่สาม 18-09-09
สามวันให้แล้วครับที่ผม (ตัวแทนของ MGR Sport) ได้มาเกาะติดทีมนักหวดลูกสักหลาดทีมชาติไทยชุดบุกเมือง เจียซิง ทำศึก เดวิส คัพ 2009 "นัดหนีตาย" โซนเอเชีย / โอเชียเนีย กลุ่ม 1 รอบ 3 กับทีมชาติจีน ระหว่างวันที่ 18-20 กันยายนนี้ หากทีมใดแพ้จะหล่นไปอยู่กลุ่ม 2 ในปี 2010 ทันที โดยวันศุกร์(18ก.ย.)มีการแข่งขันเดี่ยวสลับมือผลปรากฏว่า จีน กับ ไทย แลกกันไปคนละหมัดเสมอกัน 1-1 อย่างที่แฟนเทนนิสหลายท่านคงทราบผลกันแล้ว ดังนั้นผมจึงขอนำเรื่องราวที่ไม่เกี่ยวกับผลคะเเนนทั้งในและนอกสนามมาฝากกันครับ
ย้อนไปเมื่อวันพฤหัสบดี(17 ก.ย.)เจ้าหน้าที่ทีมจีนเผยกับผมว่าสมาคมเทนนิสแดนมังกรจะไม่ยอมปล่อยให้สนาม เดวิส คัพ อันหรูหราทันสมัยใช้เงินกว่า 300 ล้านบาทก่อสร้าง(ไม่เสียค่าที่ดินเพราะเป็นของรัฐ) ว่างลงในแมตช์พบไทยแน่นอน โดยพวกเขาจะใช้วิธีเกณฑ์คนเข้าสนาม เล่นเอานึกภาพไปได้ว่าจะต้องมีแฟนๆเข้ามาเต็มความจุ 2,600 ที่นั่งเป็นแน่แท้ ทว่าพอถึงการแข่งขันจริงในแมตช์แรกระหว่าง "พ้ง" กิตติพงษ์ และ เจิง เส่า สว่าน ปรากฏว่ามีการเกณฑ์คนเข้ามาตามที่ได้ลั่นวาจา หากแต่ล้วนเป็นเด็กโรงเรียนประถมและมัธยมในเมือง โดยเข้ามาชมเกมเพียงเซตแรกก็ต้องให้คุณครูมาตามกลับไปเรียนหนังสือ เรียกว่าคนจีนเขาใส่ใจการศึกษาจริงๆ
การกลับโรงเรียนไปเรียนหนังสือของอาตี๋และอาหมวยประมาณ 200 คนเหมือนแอบขโมยฟอร์มของ กิตติพงษ์ ไปด้วยเมื่อหวดไทยพลิกจากนำกลับมาแพ้ เจิง เส่า สว่าน 1-3 เซต ก่อนที่ ดนัย จะก้าวมาลงสนามและก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นอีกครั้งเมื่อมีเสียง "หวอ" ดังขึ้นลั่นสนามทำเอา "พี่ปิ๊ก" ของเรารวมถึง "อาจาง" คู่ต่อสู้หยุดเล่นและทำสีหน้าสับสนว่าเกิดอะไรขึ้น ด้านกองเชียร์ชาวไทยประมาณ 20 ชีวิตที่ตามมาที่เมือง เจียซิง ต่างตั้งข้อสังเกตต่างๆนานาไม่ว่าจะเป็น "รถชนข้างนอกสนาม?" หรือ "ไฟไหมด้านหน้าสนาม?" หรือแม้กระทั่ง "ญี่ปุ่นมาทิ้งระเบิด?" อันนี้ออกแนวติดตลกครับ(ฮา)
เห็นดังนั้นผมเลยทนไม่ไหวต้องรีบรุดไปถามเจ้าหน้าที่สาวชาวจีนว่าเสียง "หวอ" ป่วนคอร์ตนั่นมันอะไรกันแน่ ทำไมถึงดังต่อเนื่องยาวนาน จึงได้ความว่าช่วงนี้ประเทศจีนทั้งแผ่นดินกำลังเตรียมงานฉลองวันชาติ (กั๋วชิ่งเจี๋ย) ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ซึ่งปี 2009 นี้มีความพิเศษกว่าทุกปีคือเป็นวันครบรอบ 60 ปีการสถาปนา "สาธารณรัฐประชาชนจีน" พวกเขาจึงต้องเตรียมตัวกันล่วงหน้า ซึ่งโดยอุปนิสัยของคนจีนเวลาทำอะไรมักทำ "เต็มที่" จนถึง "เกิน" แม้กระทั่งอยู่ในช่วงเตรียมความพร้อมจึงต้องมีการเปิด "หวอ" ชุดใหญ่เพื่อซ้อมระบบเตือนภัยกันทั่วเมือง เจียซิง และอีกหลายๆเมืองในประเทศ โดยเรื่องอื่นๆไม่ว่าจะเป็นกีฬาหรือบันเทิงจำเป็นต้องถูกลดความสำคัญไปชั่วคราว
สำหรับเทนนิส เดวิส คัพ "ไทย VS จีน" หนนี้ว่าไปเหมือนจังหวะเวลาไม่ค่อยดีนอกจากถูก สนุกเกอร์ เซียงไฮ้ มาสเตอร์ ซึ่งจบไปหนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้าและกรีฑา โกลเดน ลีก ที่ เซี่ยงไฮ้ ในสัปดาห์นี้ขโมยพื้นที่สื่อไปพอสมควรแล้ว ยังมาถูก "งานใหญ่" อย่างการเตรียมพิธีฉลองวันชาติครบ 60 ปีเล่นงานอีก ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ชาวบ้านทั่วไปจะไม่ทราบข่าวคราวของเทนนิสรายการนี้ โดยระหว่างการแข่งขันของ ดนัย ในช่วงบ่ายวันศุกร์(18ก.ย.) (หลังเกิดเสียง "หวอ") ผมเดินออกมาด้านหน้าสนามเพื่อเก็บบรรยากาศปรากฏว่าแอบตกใจเมื่อเห็นกลุ่มคนจีนประมาณ 100 คนส่วนใหญ่เป็นผู้สูงวัยเดินตรงเข้าสู่ประตูสนามทำให้คิดไปว่าลุงป้ากลุ่มนี้น่าจะเป็นแฟนเทนนิสรุ่นเก๋าที่มาตามมาเชียร์ทีมจีนในตอนบ่าย ทว่าหลังไปสอบถาม "อาอี๊" รายหนึ่งได้ความว่ากลุ่มของเธอเป็นคุณครูโรงเรียนประถมในเมืองที่มา สนาม เจียซิง เพื่อชมสภาพภายนอกของสนามเทนนิสแห่งใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จเมื่อต้นปี หาได้มาดูเทนนิสไม่และไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีเทนนิสระดับชาติแข่งขันกันด้านใน
ถึงแม้กระแส เดวิส คัพ ไทย - จีน วันแรกยังไม่คึกคักแต่เชื่อว่าในวันเสาร์นี้(19ก.ย.) จะมีแฟนสักหลาดสนท้องถิ่นเข้ามาชมเกมในสนามแข่งมากขึ้นเนื่องจากเป็นวันหยุด โดย เจิง เส่า สว่าน และ จาง เจ๋อ ซึ่งจะลงเล่นประเภทคู่ต่างออกมาเรียกร้องให้เพื่อนร่วมชาติเข้ามาให้กำลังใจกันมากๆ เพราะตอนนี้สกอร์เสมอ 1-1 ผลแพ้ชนะออกได้ทั้งสองท้าง ด้าน "ต้น-ต้อง" สนฉัตร - สรรค์ชัย เองก็ปรารถนาให้แฟนหวดแดนมังกรเข้าสนามช่วยสร้างบรรยากาศเทนนิส เดวิส คัพ รวมถึงมาเป็นพยานในแมตช์ที่พวกเขาประกาศจะเอาชนะเจ้าถิ่นเพื่อพาไทยขึ้นนำ 2-1 ให้จงได้
สามวันให้แล้วครับที่ผม (ตัวแทนของ MGR Sport) ได้มาเกาะติดทีมนักหวดลูกสักหลาดทีมชาติไทยชุดบุกเมือง เจียซิง ทำศึก เดวิส คัพ 2009 "นัดหนีตาย" โซนเอเชีย / โอเชียเนีย กลุ่ม 1 รอบ 3 กับทีมชาติจีน ระหว่างวันที่ 18-20 กันยายนนี้ หากทีมใดแพ้จะหล่นไปอยู่กลุ่ม 2 ในปี 2010 ทันที โดยวันศุกร์(18ก.ย.)มีการแข่งขันเดี่ยวสลับมือผลปรากฏว่า จีน กับ ไทย แลกกันไปคนละหมัดเสมอกัน 1-1 อย่างที่แฟนเทนนิสหลายท่านคงทราบผลกันแล้ว ดังนั้นผมจึงขอนำเรื่องราวที่ไม่เกี่ยวกับผลคะเเนนทั้งในและนอกสนามมาฝากกันครับ
ย้อนไปเมื่อวันพฤหัสบดี(17 ก.ย.)เจ้าหน้าที่ทีมจีนเผยกับผมว่าสมาคมเทนนิสแดนมังกรจะไม่ยอมปล่อยให้สนาม เดวิส คัพ อันหรูหราทันสมัยใช้เงินกว่า 300 ล้านบาทก่อสร้าง(ไม่เสียค่าที่ดินเพราะเป็นของรัฐ) ว่างลงในแมตช์พบไทยแน่นอน โดยพวกเขาจะใช้วิธีเกณฑ์คนเข้าสนาม เล่นเอานึกภาพไปได้ว่าจะต้องมีแฟนๆเข้ามาเต็มความจุ 2,600 ที่นั่งเป็นแน่แท้ ทว่าพอถึงการแข่งขันจริงในแมตช์แรกระหว่าง "พ้ง" กิตติพงษ์ และ เจิง เส่า สว่าน ปรากฏว่ามีการเกณฑ์คนเข้ามาตามที่ได้ลั่นวาจา หากแต่ล้วนเป็นเด็กโรงเรียนประถมและมัธยมในเมือง โดยเข้ามาชมเกมเพียงเซตแรกก็ต้องให้คุณครูมาตามกลับไปเรียนหนังสือ เรียกว่าคนจีนเขาใส่ใจการศึกษาจริงๆ
การกลับโรงเรียนไปเรียนหนังสือของอาตี๋และอาหมวยประมาณ 200 คนเหมือนแอบขโมยฟอร์มของ กิตติพงษ์ ไปด้วยเมื่อหวดไทยพลิกจากนำกลับมาแพ้ เจิง เส่า สว่าน 1-3 เซต ก่อนที่ ดนัย จะก้าวมาลงสนามและก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นอีกครั้งเมื่อมีเสียง "หวอ" ดังขึ้นลั่นสนามทำเอา "พี่ปิ๊ก" ของเรารวมถึง "อาจาง" คู่ต่อสู้หยุดเล่นและทำสีหน้าสับสนว่าเกิดอะไรขึ้น ด้านกองเชียร์ชาวไทยประมาณ 20 ชีวิตที่ตามมาที่เมือง เจียซิง ต่างตั้งข้อสังเกตต่างๆนานาไม่ว่าจะเป็น "รถชนข้างนอกสนาม?" หรือ "ไฟไหมด้านหน้าสนาม?" หรือแม้กระทั่ง "ญี่ปุ่นมาทิ้งระเบิด?" อันนี้ออกแนวติดตลกครับ(ฮา)
เห็นดังนั้นผมเลยทนไม่ไหวต้องรีบรุดไปถามเจ้าหน้าที่สาวชาวจีนว่าเสียง "หวอ" ป่วนคอร์ตนั่นมันอะไรกันแน่ ทำไมถึงดังต่อเนื่องยาวนาน จึงได้ความว่าช่วงนี้ประเทศจีนทั้งแผ่นดินกำลังเตรียมงานฉลองวันชาติ (กั๋วชิ่งเจี๋ย) ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ซึ่งปี 2009 นี้มีความพิเศษกว่าทุกปีคือเป็นวันครบรอบ 60 ปีการสถาปนา "สาธารณรัฐประชาชนจีน" พวกเขาจึงต้องเตรียมตัวกันล่วงหน้า ซึ่งโดยอุปนิสัยของคนจีนเวลาทำอะไรมักทำ "เต็มที่" จนถึง "เกิน" แม้กระทั่งอยู่ในช่วงเตรียมความพร้อมจึงต้องมีการเปิด "หวอ" ชุดใหญ่เพื่อซ้อมระบบเตือนภัยกันทั่วเมือง เจียซิง และอีกหลายๆเมืองในประเทศ โดยเรื่องอื่นๆไม่ว่าจะเป็นกีฬาหรือบันเทิงจำเป็นต้องถูกลดความสำคัญไปชั่วคราว
สำหรับเทนนิส เดวิส คัพ "ไทย VS จีน" หนนี้ว่าไปเหมือนจังหวะเวลาไม่ค่อยดีนอกจากถูก สนุกเกอร์ เซียงไฮ้ มาสเตอร์ ซึ่งจบไปหนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้าและกรีฑา โกลเดน ลีก ที่ เซี่ยงไฮ้ ในสัปดาห์นี้ขโมยพื้นที่สื่อไปพอสมควรแล้ว ยังมาถูก "งานใหญ่" อย่างการเตรียมพิธีฉลองวันชาติครบ 60 ปีเล่นงานอีก ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ชาวบ้านทั่วไปจะไม่ทราบข่าวคราวของเทนนิสรายการนี้ โดยระหว่างการแข่งขันของ ดนัย ในช่วงบ่ายวันศุกร์(18ก.ย.) (หลังเกิดเสียง "หวอ") ผมเดินออกมาด้านหน้าสนามเพื่อเก็บบรรยากาศปรากฏว่าแอบตกใจเมื่อเห็นกลุ่มคนจีนประมาณ 100 คนส่วนใหญ่เป็นผู้สูงวัยเดินตรงเข้าสู่ประตูสนามทำให้คิดไปว่าลุงป้ากลุ่มนี้น่าจะเป็นแฟนเทนนิสรุ่นเก๋าที่มาตามมาเชียร์ทีมจีนในตอนบ่าย ทว่าหลังไปสอบถาม "อาอี๊" รายหนึ่งได้ความว่ากลุ่มของเธอเป็นคุณครูโรงเรียนประถมในเมืองที่มา สนาม เจียซิง เพื่อชมสภาพภายนอกของสนามเทนนิสแห่งใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จเมื่อต้นปี หาได้มาดูเทนนิสไม่และไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีเทนนิสระดับชาติแข่งขันกันด้านใน
ถึงแม้กระแส เดวิส คัพ ไทย - จีน วันแรกยังไม่คึกคักแต่เชื่อว่าในวันเสาร์นี้(19ก.ย.) จะมีแฟนสักหลาดสนท้องถิ่นเข้ามาชมเกมในสนามแข่งมากขึ้นเนื่องจากเป็นวันหยุด โดย เจิง เส่า สว่าน และ จาง เจ๋อ ซึ่งจะลงเล่นประเภทคู่ต่างออกมาเรียกร้องให้เพื่อนร่วมชาติเข้ามาให้กำลังใจกันมากๆ เพราะตอนนี้สกอร์เสมอ 1-1 ผลแพ้ชนะออกได้ทั้งสองท้าง ด้าน "ต้น-ต้อง" สนฉัตร - สรรค์ชัย เองก็ปรารถนาให้แฟนหวดแดนมังกรเข้าสนามช่วยสร้างบรรยากาศเทนนิส เดวิส คัพ รวมถึงมาเป็นพยานในแมตช์ที่พวกเขาประกาศจะเอาชนะเจ้าถิ่นเพื่อพาไทยขึ้นนำ 2-1 ให้จงได้
