สปอร์ติงไลฟ์ (sportinglife) เว็บไซต์กีฬาชื่อดังของเมืองผู้ดีรายงานว่า ปีเตอร์ รีด โค้ชชาวอังกฤษเริ่มงานผู้ช่วยผู้จัดการทีมสโต๊ค ซิตี แล้วด้วยการนำนักเตะลงซ้อม พร้อมทั้งมีส่วนร่วมกับการเจรจาคว้าตัว โรเบิร์ต ฮูธ มาจาก มิดเดิลสโบรช์
หลังจากเป็นเรื่องฮือฮามาตลอดสัปดาห์ ล่าสุด เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม ข่าวการอำลางานคุมทีมชาติไทยของ รีด ก็ปรากฏความชัดเจนมากขึ้น โดย สปอร์ติงไลฟ์ ระบุว่าอดีตกองกลางเอฟเวอร์ตันอยู่ในสนามในเกมคาร์ลิง คัพ รอบ 2 ที่ “ช่างปั้นหม้อ” บุกไปเฉือนชนะ เลย์ตัน โอเรียนท์ ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 1-0 เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา
พร้อมกันนี้ รีด ยังเริ่มงานกับ เดอะ พ็อตเตอร์ส อย่างไม่เป็นทางการแล้วด้วยการนำผู้เล่นลงฝึกซ้อมเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนทำศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันเสาร์นี้ ที่จะเปิดสนามบริททานเนีย สเตเดียม ต้อนรับ ซันเดอร์แลนด์ อดีตสโมสรเก่าที่เคยรั้งบังเหียน
โดยโค้ชวัย 53 ปี ให้สัมภาษณ์ว่า “ผมมีช่วงเวลาที่วิเศษกับ ซันเดอร์แลนด์ ตลอด 7 ปีครึ่ง ซึ่งรวมถึงการสร้างสนามสเตเดียม ออฟ ไลท์ ขึ้นมาในขณะที่ผมยังทำงานอยู่ที่นั่น ผมพาทีมคว้าอันดับ 7 ของพรีเมียร์ลีกได้ 2 ปีติดต่อกันก่อนรั้งที่ 4 จากท้ายตารางในฤดูกาลต่อมา แต่ตอนนี้สิ่งสำคัญอยู่ที่อนาคตและผมก็กำลังเฝ้ารอที่จะได้ช่วยเหลือ สโต๊ค ซิตี แต่เรื่องที่จะได้คุมทีมเองคงไม่เกิดขึ้น เพราะผมมาที่นี่เพื่อช่วยงาน โทนี พูลิส ถ้าเขาต้องไปจากทีมจริงๆ ผมก็จะออกไปด้วย”
ขณะเดียวกัน ช่างปั้นหม้อสามารถดึง โรเบิร์ต ฮูธ กองหลังชาวเยอรมันมาจาก มิดเดิลสโบรช์ ได้สำเร็จ และเตรียมรวบ ตุนกาย ซานลี กองหน้าทีมชาติตุรกีด้วยค่าตัวรวมกันราว 11 ล้านปอนด์ (ประมาณ 627 ล้านบาท) โดยมีรายงานว่าทั้งสองทีมสามารถตกลงค่าตัวของรายหลังกันได้แล้วด้วย เหลือเพียงการเจรจารายละเอียดส่วนตัวเท่านั้น
ด้าน รีด ออกมาพูดถึง ฮูธ ซึ่งคาดว่ามีค่าตัว 5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 285 ล้านบาท) ว่า “โรเบิร์ต ฮูธ จะเข้ามาเติมคุณภาพให้กับเรา ผมติดตามดูพัฒนาการของเขามาตั้งแต่ตอนย้ายจาก เยอรมนี มาอยู่กับ เชลซี แล้ว ซึ่งเขาเป็นผู้เล่นฝีเท้าดี รูปร่างสูงใหญ่ มีความแข็งแกร่ง เด่นในลูกกลางอากาศ และยังเล่นด้วยเท้าได้ดี แม้จะมีอาการบาดเจ็บเป็นพักๆ แต่จากนี้ไปไม่น่าจะมีปัญหา”
ทั้งนี้ วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ที่ยืนยันก่อนหน้านี้ว่า รีด ซึ่งรับค่าจ้าง 1 ล้านปอนด์ หรือ 57 ล้านบาทต่อปี จะคุมทีมชาติไทยต่อตามสัญญาที่เหลืออยู่ 3 ปีนั้นอยู่ในระหว่างเดินทางเข้าร่วมประชุมบอร์ดบริหารฟีฟาที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งคาดว่าทั้ง 2 ฝ่ายน่าจะนัดหารือกันก่อนที่จะมีข้อสรุปอย่างเป็นทางการในช่วงสุดสัปดาห์นี้
หลังจากเป็นเรื่องฮือฮามาตลอดสัปดาห์ ล่าสุด เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม ข่าวการอำลางานคุมทีมชาติไทยของ รีด ก็ปรากฏความชัดเจนมากขึ้น โดย สปอร์ติงไลฟ์ ระบุว่าอดีตกองกลางเอฟเวอร์ตันอยู่ในสนามในเกมคาร์ลิง คัพ รอบ 2 ที่ “ช่างปั้นหม้อ” บุกไปเฉือนชนะ เลย์ตัน โอเรียนท์ ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 1-0 เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา
พร้อมกันนี้ รีด ยังเริ่มงานกับ เดอะ พ็อตเตอร์ส อย่างไม่เป็นทางการแล้วด้วยการนำผู้เล่นลงฝึกซ้อมเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนทำศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันเสาร์นี้ ที่จะเปิดสนามบริททานเนีย สเตเดียม ต้อนรับ ซันเดอร์แลนด์ อดีตสโมสรเก่าที่เคยรั้งบังเหียน
โดยโค้ชวัย 53 ปี ให้สัมภาษณ์ว่า “ผมมีช่วงเวลาที่วิเศษกับ ซันเดอร์แลนด์ ตลอด 7 ปีครึ่ง ซึ่งรวมถึงการสร้างสนามสเตเดียม ออฟ ไลท์ ขึ้นมาในขณะที่ผมยังทำงานอยู่ที่นั่น ผมพาทีมคว้าอันดับ 7 ของพรีเมียร์ลีกได้ 2 ปีติดต่อกันก่อนรั้งที่ 4 จากท้ายตารางในฤดูกาลต่อมา แต่ตอนนี้สิ่งสำคัญอยู่ที่อนาคตและผมก็กำลังเฝ้ารอที่จะได้ช่วยเหลือ สโต๊ค ซิตี แต่เรื่องที่จะได้คุมทีมเองคงไม่เกิดขึ้น เพราะผมมาที่นี่เพื่อช่วยงาน โทนี พูลิส ถ้าเขาต้องไปจากทีมจริงๆ ผมก็จะออกไปด้วย”
ขณะเดียวกัน ช่างปั้นหม้อสามารถดึง โรเบิร์ต ฮูธ กองหลังชาวเยอรมันมาจาก มิดเดิลสโบรช์ ได้สำเร็จ และเตรียมรวบ ตุนกาย ซานลี กองหน้าทีมชาติตุรกีด้วยค่าตัวรวมกันราว 11 ล้านปอนด์ (ประมาณ 627 ล้านบาท) โดยมีรายงานว่าทั้งสองทีมสามารถตกลงค่าตัวของรายหลังกันได้แล้วด้วย เหลือเพียงการเจรจารายละเอียดส่วนตัวเท่านั้น
ด้าน รีด ออกมาพูดถึง ฮูธ ซึ่งคาดว่ามีค่าตัว 5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 285 ล้านบาท) ว่า “โรเบิร์ต ฮูธ จะเข้ามาเติมคุณภาพให้กับเรา ผมติดตามดูพัฒนาการของเขามาตั้งแต่ตอนย้ายจาก เยอรมนี มาอยู่กับ เชลซี แล้ว ซึ่งเขาเป็นผู้เล่นฝีเท้าดี รูปร่างสูงใหญ่ มีความแข็งแกร่ง เด่นในลูกกลางอากาศ และยังเล่นด้วยเท้าได้ดี แม้จะมีอาการบาดเจ็บเป็นพักๆ แต่จากนี้ไปไม่น่าจะมีปัญหา”
ทั้งนี้ วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ที่ยืนยันก่อนหน้านี้ว่า รีด ซึ่งรับค่าจ้าง 1 ล้านปอนด์ หรือ 57 ล้านบาทต่อปี จะคุมทีมชาติไทยต่อตามสัญญาที่เหลืออยู่ 3 ปีนั้นอยู่ในระหว่างเดินทางเข้าร่วมประชุมบอร์ดบริหารฟีฟาที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งคาดว่าทั้ง 2 ฝ่ายน่าจะนัดหารือกันก่อนที่จะมีข้อสรุปอย่างเป็นทางการในช่วงสุดสัปดาห์นี้