คอลัมน์ Final Quarter โดย ลุงแซม
ได้บ้านหลังใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ ไมเคิล วิค ควอเตอร์แบ็กกลับใจที่ลงเอยสัญญา 1 ปีร่วมงาน "อินทรีมรกต" ฟิลาเดลเฟีย อีเกิลส์ ส่วน เบร็ตต์ ฟาร์ฟ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดจอมทัพกระดูกเหล็กน่าจะมานำทัพ มินเนโซตา ไวกิงส์ ลุยศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) ฤดูกาลใหม่กัน
หลังถอนสำมะโนครัวจากการถูกจองจำนาน 18 เดือน ไมเคิล วิค กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ แต่สถานภาพคงไม่อู้ฟู่เหมือนครั้งเด่นเป็นซูเปอร์สตาร์ให้ แอตแลนตา ฟอลคอนส์ หากจำกันได้ครั้งหนึ่งเขาเคยได้รับการต่อสัญญายาว 10 ปี ค่าจ้างสูงถึง 130 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 4,400 ล้านบาท) มาแล้ว
แต่ปัจจุบัน วิค มีค่าเหนื่อยเพียง 1.6 ล้านเหรียญสหรัฐ (54 ล้านบาท) พร้อมอ๊อปชันต่อสัญญาในปีที่สองซึ่งค่าจ้างจะเพิ่มขึ้นเป็น 5.2 ล้านเหรียญ (ราว 176 ล้านบาท) เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะเขาไม่อยู่ในฐานะผู้ได้เปรียบในการเจรจา อีกทั้งต้องมาลุ้นว่า โรเจอร์ กูเดลล์ ประธานลีกจะเปิดไฟเขียวให้ลงสนามจริงได้หลังสัปดาห์ที่ 6 ของฤดูกาลปกติหรือไม่ แต่แค่นี้ควอเตอร์แบ็กวัย 29 ปี ต้องก้มลงกราบงามๆ แนบอก เจฟฟรีย์ ลูรี เจ้าของทีมอีเกิลส์, แอนดี รีด หัวหน้าโค้ชอีเกิลส์ รวมถึง โทนี ดันจี อดีตเฮดโค้ช อินเดียนาโปลิส โคลต์ส ที่พยายามช่วยดิ้นรนหาต้นสังกัดให้มาโดยตลอด ทั้งที่หลายทีมปฏิเสธมอบโอกาสที่สองให้แก่เขา
การมาของ วิค คงไม่ได้มายึดตำแหน่งจอมทัพเป็นแน่ เนื่องจากที่ลินคอล์น ไฟแนนเชียล ฟิลด์ มี โดโนแวน แม็คแนบบ์ อยู่ทั้งคน แต่ด้วยความสามารถเรื่องการวิ่ง แผน "ไวลด์แคท" คงเหมาะสมกับ วิค ไม่น้อย สามารถลงมาล่อหลอกคู่ต่อสู้ สแนปบอลโกยอ้าวเข้าเอ็นด์โซน นี่อาจเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์เด็ดของอีเกิลส์ ดีไม่ดีเราอาจได้เห็น วิค ลงไปเล่นในทีมพิเศษ คอยรับลูกวิ่งย้อนก็น่าสนใจอยู่ แต่งานสำหรับ วิค ตอนนี้คือการทำหน้าที่ควอเตอร์แบ็กสำรองให้ดีที่สุด เผื่อเหลือเผื่อขาดกรณี แม็คแนบบ์ ประสบปัญหาบาดเจ็บขึ้นมา
ส่วนกรณีของ เบร็ตต์ ฟาร์ฟ ณ วันปั่นต้นฉบับยังไม่เซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการกับ มินเนโซตา ไวกิงส์ แต่จากบทสัมภาษณ์ รวมถึงความต้องการของ ไวกิงส์ ที่ถวิลหาควอเตอร์แบ็กฝีมือดีมาตลอด คงไม่มีอะไรพลิกโผ ซึ่งการเข้ามาของ ฟาร์ฟ น่าสนใจในหลายประเด็น อย่างแรกสภาพร่างกายจอมทัพที่จะอายุครบ 40 ปีบริบูรณ์ในเดือนตุลาคมนี้ แกร่งพอสำหรับฤดูกาลที่โหดร้ายหรือไม่ ในเมื่อซีซั่นก่อน ฟาร์ฟ แสดงให้เห็นถึงอาการแผ่วปลายจากปัญหาเรื่องสภาพร่างกาย ทำให้ นิวยอร์ก เจ็ตส์ ฝันค้างพลาดหวังเข้าสู่เพลย์ออฟ
แต่หากเทียบกันต้องยอมรับว่า ไวกิงส์ มีองค์ประกอบที่เอื้ออำนวยมากกว่า เจ็ตส์ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม ฟาร์ฟ ถึงยอมกลืนน้ำลายตัวเองหนที่สามในการคัมแบ็กสู่ลีก และดูเหมือนหัวหน้าโค้ช แบรด ชิลเดรสส์ได้เจอจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายที่เขาตามหามานาน เพราะถ้าขืนใช้บริการ เซจ โรเซนเฟลส์ หรือว่า ทาร์วาริส แจ็คสัน ไม่มีทางที่ "วินซ์ ลอมบาร์ดี โทรฟี" จะมีโอกาสมาแห่ในมินเนโซตา เป็นแน่
เมื่อฤดูกาล 2009/10 เปิดฉากทั้ง วิค และ ฟาร์ฟ ซึ่งชื่อชั้นเก่าๆ ยังพอขายได้อยู่จะเป็นส่วนผสมสำคัญช่วยให้คอคนชนคนกระดกเหล้ายี่ห้อ "อีเกิลส์" และ "ไวกิงส์" โฉมใหม่ได้ลื่นคอขึ้นหรือไม่ หรือว่าแฟนๆ ของทั้งสองทีมต้องกัดฟันทนอาการขมลิ้นต่อไปอีกปี...ต้องคอยติดตามดูกัน
ได้บ้านหลังใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ ไมเคิล วิค ควอเตอร์แบ็กกลับใจที่ลงเอยสัญญา 1 ปีร่วมงาน "อินทรีมรกต" ฟิลาเดลเฟีย อีเกิลส์ ส่วน เบร็ตต์ ฟาร์ฟ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดจอมทัพกระดูกเหล็กน่าจะมานำทัพ มินเนโซตา ไวกิงส์ ลุยศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) ฤดูกาลใหม่กัน
หลังถอนสำมะโนครัวจากการถูกจองจำนาน 18 เดือน ไมเคิล วิค กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ แต่สถานภาพคงไม่อู้ฟู่เหมือนครั้งเด่นเป็นซูเปอร์สตาร์ให้ แอตแลนตา ฟอลคอนส์ หากจำกันได้ครั้งหนึ่งเขาเคยได้รับการต่อสัญญายาว 10 ปี ค่าจ้างสูงถึง 130 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 4,400 ล้านบาท) มาแล้ว
แต่ปัจจุบัน วิค มีค่าเหนื่อยเพียง 1.6 ล้านเหรียญสหรัฐ (54 ล้านบาท) พร้อมอ๊อปชันต่อสัญญาในปีที่สองซึ่งค่าจ้างจะเพิ่มขึ้นเป็น 5.2 ล้านเหรียญ (ราว 176 ล้านบาท) เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะเขาไม่อยู่ในฐานะผู้ได้เปรียบในการเจรจา อีกทั้งต้องมาลุ้นว่า โรเจอร์ กูเดลล์ ประธานลีกจะเปิดไฟเขียวให้ลงสนามจริงได้หลังสัปดาห์ที่ 6 ของฤดูกาลปกติหรือไม่ แต่แค่นี้ควอเตอร์แบ็กวัย 29 ปี ต้องก้มลงกราบงามๆ แนบอก เจฟฟรีย์ ลูรี เจ้าของทีมอีเกิลส์, แอนดี รีด หัวหน้าโค้ชอีเกิลส์ รวมถึง โทนี ดันจี อดีตเฮดโค้ช อินเดียนาโปลิส โคลต์ส ที่พยายามช่วยดิ้นรนหาต้นสังกัดให้มาโดยตลอด ทั้งที่หลายทีมปฏิเสธมอบโอกาสที่สองให้แก่เขา
การมาของ วิค คงไม่ได้มายึดตำแหน่งจอมทัพเป็นแน่ เนื่องจากที่ลินคอล์น ไฟแนนเชียล ฟิลด์ มี โดโนแวน แม็คแนบบ์ อยู่ทั้งคน แต่ด้วยความสามารถเรื่องการวิ่ง แผน "ไวลด์แคท" คงเหมาะสมกับ วิค ไม่น้อย สามารถลงมาล่อหลอกคู่ต่อสู้ สแนปบอลโกยอ้าวเข้าเอ็นด์โซน นี่อาจเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์เด็ดของอีเกิลส์ ดีไม่ดีเราอาจได้เห็น วิค ลงไปเล่นในทีมพิเศษ คอยรับลูกวิ่งย้อนก็น่าสนใจอยู่ แต่งานสำหรับ วิค ตอนนี้คือการทำหน้าที่ควอเตอร์แบ็กสำรองให้ดีที่สุด เผื่อเหลือเผื่อขาดกรณี แม็คแนบบ์ ประสบปัญหาบาดเจ็บขึ้นมา
ส่วนกรณีของ เบร็ตต์ ฟาร์ฟ ณ วันปั่นต้นฉบับยังไม่เซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการกับ มินเนโซตา ไวกิงส์ แต่จากบทสัมภาษณ์ รวมถึงความต้องการของ ไวกิงส์ ที่ถวิลหาควอเตอร์แบ็กฝีมือดีมาตลอด คงไม่มีอะไรพลิกโผ ซึ่งการเข้ามาของ ฟาร์ฟ น่าสนใจในหลายประเด็น อย่างแรกสภาพร่างกายจอมทัพที่จะอายุครบ 40 ปีบริบูรณ์ในเดือนตุลาคมนี้ แกร่งพอสำหรับฤดูกาลที่โหดร้ายหรือไม่ ในเมื่อซีซั่นก่อน ฟาร์ฟ แสดงให้เห็นถึงอาการแผ่วปลายจากปัญหาเรื่องสภาพร่างกาย ทำให้ นิวยอร์ก เจ็ตส์ ฝันค้างพลาดหวังเข้าสู่เพลย์ออฟ
แต่หากเทียบกันต้องยอมรับว่า ไวกิงส์ มีองค์ประกอบที่เอื้ออำนวยมากกว่า เจ็ตส์ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม ฟาร์ฟ ถึงยอมกลืนน้ำลายตัวเองหนที่สามในการคัมแบ็กสู่ลีก และดูเหมือนหัวหน้าโค้ช แบรด ชิลเดรสส์ได้เจอจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายที่เขาตามหามานาน เพราะถ้าขืนใช้บริการ เซจ โรเซนเฟลส์ หรือว่า ทาร์วาริส แจ็คสัน ไม่มีทางที่ "วินซ์ ลอมบาร์ดี โทรฟี" จะมีโอกาสมาแห่ในมินเนโซตา เป็นแน่
เมื่อฤดูกาล 2009/10 เปิดฉากทั้ง วิค และ ฟาร์ฟ ซึ่งชื่อชั้นเก่าๆ ยังพอขายได้อยู่จะเป็นส่วนผสมสำคัญช่วยให้คอคนชนคนกระดกเหล้ายี่ห้อ "อีเกิลส์" และ "ไวกิงส์" โฉมใหม่ได้ลื่นคอขึ้นหรือไม่ หรือว่าแฟนๆ ของทั้งสองทีมต้องกัดฟันทนอาการขมลิ้นต่อไปอีกปี...ต้องคอยติดตามดูกัน