คอลัมน์ สุดฟากสนาม โดย ธีรพัฒน์ อัครเศรณี
เสาร์ที่ 8 สิงหาคมนี้แล้วนะครับ ที่ฟุตบอลเดอะ แชมเปี้ยนชิป หรือลีกรองของอังกฤษ จะได้ฤกษ์ระเบิดแข้งฤดูกาล 2009-10 หนึ่งสัปดาห์ก่อนพรีเมียร์ลีกตามธรรมเนียมทุกปี
ซีซั่นนี้เดอะ แชมเปี้ยนชิป ลีกถือว่าคึกคักเป็นพิเศษ เพราะ 3 ทีมที่ร่วงลงจากพรีเมียร์ลีกไปสร้างสีสันทีมใหญ่ทั้งนั้น อย่าง เวสต์บรอมวิช มิดเดิลสโบรช์ และนิวคาสเซิล ประกอบกับสโมสรซึ่งมีฝีไม้ลายมืออยู่แล้วอย่าง บาร์นสลี่ย์ วัตฟอร์ด เรดดิ้ง หรือ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ก็ยังอยู่กันครบ มีหวังได้แย่งชิงกันเลื่อนชั้นอย่างดุเดือดแน่
แต่หนึ่งในทีมใหญ่ซึ่งผมได้กล่าวไปแล้วนั้นอย่าง นิวคาสเซิลเช็คชีพจรแล้วดูอาการน่าเป็นห่วงที่สุด สิ่งที่แฟนๆ "สาลิกาดง" หวาดหวั่นว่าการตกชั้นจะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นแห่งหายนะของสโมสร ปรากฏเค้าลางอย่างน่ากลัว
ความเคลื่อนไหวตลอดช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาของนิวคาสเซิล คือการไม่เคลื่อนไหว ทั้งการหาเจ้าของใหม่ นักเตะใหม่ และผู้จัดการทีมคนใหม่ ไม่มีอะไรคืบหน้า
แถมการขายผู้เล่นเพื่อนำเงินเข้ามาหมุนเวียนก็ไม่เกิดขึ้น ที่ทำตลอดซัมเมอร์คือการปล่อยนักเตะหมดสัญญากับทีมออกไป 4 รายนั่นคือ ไมเคิล โอเว่น, มาร์ค วิดูก้า, เคลาดิโอ กาซาป้า และ ดาวิด เอ็ดการ์ ไม่ได้สตางค์กลับมาเลยแม้แต่เพนนีเดียว!
เหลือเชื่อที่ นิวคาสเซิล ยังไม่สามารถปล่อยนักเตะดังๆรายใดแบบมีค่าตัวออกไปได้เลย ไม่ว่าจะเป็น โอบาเฟมี่ มาร์ตินส์, โจอี้ บาร์ตัน, ฟาบริซิโอ โคลอชชินี่, อลัน สมิธ หรือ เดเมี่ยน ดัฟฟ์
ผลงานในสนามช่วงพรีซีซั่นของทีมก็ย่ำแย่ไม่แพ้กัน เมื่อพ่ายให้กับทีมจากลีกวันอย่าง เลย์ตัน โอเรียนท์ ไปอย่างหมดสภาพอดีตทีมพรีเมียร์ลีกถึง 1-6 ภายใต้การคุมทีมของหัวหน้าโค้ชจำเป็นหรือแคร์เทเกอร์ตลอดกาลอย่าง คริส ฮิวจ์ตัน ซึ่งมารับหน้าที่ขัดตาทัพเป็นครั้งที่ 3 ในประวัติศาสตร์สโมสรเข้าให้แล้ว
ถามว่ามีใครมั่นใจในฝีมือของเขาบ้าง?
นักข่าวอังกฤษนั้นเปรียบเทียบมูลค่าของนักเตะในทีมนิวคาสเซิล ราคา 60 ล้านปอนด์ กับ เลย์ตัน โอเรียนท์ที่ทั้งทีมไม่มีค่าตัวเลย ให้แฟนๆเจ็บช้ำใจหนักขึ้นไปอีก
สิ่งที่น่ากลัวก็คือทีมทำท่าว่าจะต้องออกสตาร์ทในเดอะ แชมเปี้ยนชิปฤดูกาลนี้ ด้วยการมีฮิวจ์ตัน นี่แหล่ะเดินนำทัพนักเตะเท่าที่มีอยู่ลงสู่สนาม ก็น่าเห็นใจอดีตนักเตะสเปอร์สผู้นี้อยู่เหมือนกัน ที่ต้องมารับภาระในสภาพที่บอร์ดบริหารไม่อนุญาตให้ซื้อใครมาเพิ่ม แถมไม่มีสิทธิปฏิเสธในการขายนักเตะรายใด ถ้ามีสโมสรอื่นยื่นข้อเสนอเข้ามา
แถวบ้านเราเรียกว่า หัวหลักหัวตอ ดีๆ นี่เอง!
ส่วนฮีโร่ตลอดกาลของชาวทูน อาร์มี่ อย่าง อลัน เชียเร่อร์ นั้นก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวในการกลับมาคุมทีมต่อ เพราะ ไมค์ แอชลี่ย์ เจ้าของยังไม่ยอมตัดสินใจทำอะไรทั้งสิ้นจนกว่าจะหานักลงทุนมาซื้อสโมสรในราคาที่เขาตั้งไว้ 100 ล้านปอนด์ (ประมาณ 6,000 ล้านบาท) ชั่งน้ำหนักกับสถานการณ์ตอนนี้แล้ว คงหาใครหน้ามืดยอมมาลงทุนยากเต็มทน
สรุปแล้ววิกฤติทั้งในและนอกสนาม ทำไม่ดีไปโอกาสที่จะต้องย่ำอยู่ในดิวิชั่นนี้ต่อก็มีสูง ได้แต่หวังว่า นิวคาสเซิล จะพบทางออกก่อนที่ทุกอย่างจะสาย จนต้องเดินตามรอย ลีดส์ ยูไนเต็ด เมื่อหลายปีก่อน
ก็ต้องลุ้นให้ข่าวที่ผู้อำนวยการ ดีเร็ค แลมเบียส ออกมาประกาศว่ามีเศรษฐีดูไบสนใจจะซื้อสโมสร และถ้าเจรจาสำเร็จจะนำกุนซือซูเปอร์เค เควิน คีแกนกลับมาคุมทีม เป็นเรื่องจริงและประสบความสำเร็จ
บอกตรงๆว่าไม่อยากเห็นทีมที่มีแฟนบอลสุดยอดอย่างบรรดา "ทูน อาร์มี่" ต้องเสียใจมากไปกว่านี้
เสาร์ที่ 8 สิงหาคมนี้แล้วนะครับ ที่ฟุตบอลเดอะ แชมเปี้ยนชิป หรือลีกรองของอังกฤษ จะได้ฤกษ์ระเบิดแข้งฤดูกาล 2009-10 หนึ่งสัปดาห์ก่อนพรีเมียร์ลีกตามธรรมเนียมทุกปี
ซีซั่นนี้เดอะ แชมเปี้ยนชิป ลีกถือว่าคึกคักเป็นพิเศษ เพราะ 3 ทีมที่ร่วงลงจากพรีเมียร์ลีกไปสร้างสีสันทีมใหญ่ทั้งนั้น อย่าง เวสต์บรอมวิช มิดเดิลสโบรช์ และนิวคาสเซิล ประกอบกับสโมสรซึ่งมีฝีไม้ลายมืออยู่แล้วอย่าง บาร์นสลี่ย์ วัตฟอร์ด เรดดิ้ง หรือ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ก็ยังอยู่กันครบ มีหวังได้แย่งชิงกันเลื่อนชั้นอย่างดุเดือดแน่
แต่หนึ่งในทีมใหญ่ซึ่งผมได้กล่าวไปแล้วนั้นอย่าง นิวคาสเซิลเช็คชีพจรแล้วดูอาการน่าเป็นห่วงที่สุด สิ่งที่แฟนๆ "สาลิกาดง" หวาดหวั่นว่าการตกชั้นจะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นแห่งหายนะของสโมสร ปรากฏเค้าลางอย่างน่ากลัว
ความเคลื่อนไหวตลอดช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาของนิวคาสเซิล คือการไม่เคลื่อนไหว ทั้งการหาเจ้าของใหม่ นักเตะใหม่ และผู้จัดการทีมคนใหม่ ไม่มีอะไรคืบหน้า
แถมการขายผู้เล่นเพื่อนำเงินเข้ามาหมุนเวียนก็ไม่เกิดขึ้น ที่ทำตลอดซัมเมอร์คือการปล่อยนักเตะหมดสัญญากับทีมออกไป 4 รายนั่นคือ ไมเคิล โอเว่น, มาร์ค วิดูก้า, เคลาดิโอ กาซาป้า และ ดาวิด เอ็ดการ์ ไม่ได้สตางค์กลับมาเลยแม้แต่เพนนีเดียว!
เหลือเชื่อที่ นิวคาสเซิล ยังไม่สามารถปล่อยนักเตะดังๆรายใดแบบมีค่าตัวออกไปได้เลย ไม่ว่าจะเป็น โอบาเฟมี่ มาร์ตินส์, โจอี้ บาร์ตัน, ฟาบริซิโอ โคลอชชินี่, อลัน สมิธ หรือ เดเมี่ยน ดัฟฟ์
ผลงานในสนามช่วงพรีซีซั่นของทีมก็ย่ำแย่ไม่แพ้กัน เมื่อพ่ายให้กับทีมจากลีกวันอย่าง เลย์ตัน โอเรียนท์ ไปอย่างหมดสภาพอดีตทีมพรีเมียร์ลีกถึง 1-6 ภายใต้การคุมทีมของหัวหน้าโค้ชจำเป็นหรือแคร์เทเกอร์ตลอดกาลอย่าง คริส ฮิวจ์ตัน ซึ่งมารับหน้าที่ขัดตาทัพเป็นครั้งที่ 3 ในประวัติศาสตร์สโมสรเข้าให้แล้ว
ถามว่ามีใครมั่นใจในฝีมือของเขาบ้าง?
นักข่าวอังกฤษนั้นเปรียบเทียบมูลค่าของนักเตะในทีมนิวคาสเซิล ราคา 60 ล้านปอนด์ กับ เลย์ตัน โอเรียนท์ที่ทั้งทีมไม่มีค่าตัวเลย ให้แฟนๆเจ็บช้ำใจหนักขึ้นไปอีก
สิ่งที่น่ากลัวก็คือทีมทำท่าว่าจะต้องออกสตาร์ทในเดอะ แชมเปี้ยนชิปฤดูกาลนี้ ด้วยการมีฮิวจ์ตัน นี่แหล่ะเดินนำทัพนักเตะเท่าที่มีอยู่ลงสู่สนาม ก็น่าเห็นใจอดีตนักเตะสเปอร์สผู้นี้อยู่เหมือนกัน ที่ต้องมารับภาระในสภาพที่บอร์ดบริหารไม่อนุญาตให้ซื้อใครมาเพิ่ม แถมไม่มีสิทธิปฏิเสธในการขายนักเตะรายใด ถ้ามีสโมสรอื่นยื่นข้อเสนอเข้ามา
แถวบ้านเราเรียกว่า หัวหลักหัวตอ ดีๆ นี่เอง!
ส่วนฮีโร่ตลอดกาลของชาวทูน อาร์มี่ อย่าง อลัน เชียเร่อร์ นั้นก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวในการกลับมาคุมทีมต่อ เพราะ ไมค์ แอชลี่ย์ เจ้าของยังไม่ยอมตัดสินใจทำอะไรทั้งสิ้นจนกว่าจะหานักลงทุนมาซื้อสโมสรในราคาที่เขาตั้งไว้ 100 ล้านปอนด์ (ประมาณ 6,000 ล้านบาท) ชั่งน้ำหนักกับสถานการณ์ตอนนี้แล้ว คงหาใครหน้ามืดยอมมาลงทุนยากเต็มทน
สรุปแล้ววิกฤติทั้งในและนอกสนาม ทำไม่ดีไปโอกาสที่จะต้องย่ำอยู่ในดิวิชั่นนี้ต่อก็มีสูง ได้แต่หวังว่า นิวคาสเซิล จะพบทางออกก่อนที่ทุกอย่างจะสาย จนต้องเดินตามรอย ลีดส์ ยูไนเต็ด เมื่อหลายปีก่อน
ก็ต้องลุ้นให้ข่าวที่ผู้อำนวยการ ดีเร็ค แลมเบียส ออกมาประกาศว่ามีเศรษฐีดูไบสนใจจะซื้อสโมสร และถ้าเจรจาสำเร็จจะนำกุนซือซูเปอร์เค เควิน คีแกนกลับมาคุมทีม เป็นเรื่องจริงและประสบความสำเร็จ
บอกตรงๆว่าไม่อยากเห็นทีมที่มีแฟนบอลสุดยอดอย่างบรรดา "ทูน อาร์มี่" ต้องเสียใจมากไปกว่านี้