บริษัทรับพนันถูกกฎหมายในอังกฤษหลายแห่งวิ่งวุ่นปิดรับแทงในแมตช์ วิมเบิลดัน 2009 รอบแรกระหว่าง เจอร์เกน เมลเซอร์ นักเทนนิสมือซ้ายจากออสเตรีย พบกับ เวย์น โอเดสนิก จากสหรัฐฯ เมื่อพบความผิดปกติมีการแห่แทงฝั่ง เมลเซอร์ เป็นมูลค่ามหาศาลหลายล้านบาท
ศึกเทนนิสแกรนด์สแลมบนคอร์ตหญ้ารายการ วิมเบิลดัน ณ สังเวียน ออล อิงแลนด์ คลับ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ชิงเงินรางวัลรวม 12.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 688 ล้านบาท) เมื่อคืนวันอังคารที่ 23 มิถุนายน 2552 ยังเป็นการแข่งขันชายเดี่ยว รอบแรก โดย เจอร์เกน เมลเซอร์ มือ 26 จากออสเตรีย เอาชนะ เวย์น โอเดสนิค จากสหรัฐฯ สบายๆ 3-0 เซต 6-1, 6-4, 6-2 หากแต่แมตช์ธรรมดานี้กลายเป็นข่าวดังขึ้นมาหลังจากโต๊ะพนันถูกกฎหมายในอังกฤษหลายแห่งพบความผิดปกติเมื่อนักเสี่ยงโชคแห่แทงข้าง เมลเซอร์ เป็นจำนวนมหาศาล
โดย บริษัท แพดดี พาเวอร์ และ แล็ดโบรกส์ ต้องรีบปิดรับแทงพนันคู่นี้ก่อนการแข่งขันเริ่มขึ้น 1 ชั่วโมงเมื่อมีนักพนันแห่แทงฝั่ง เมลเซอร์ เป็นผู้ชนะเข้ามาในปริมาณที่ไม่สามารถรับไว้ได้
ขณะที่ เบ็คแฟร์ เผยว่าก่อนการแข่งขันเริ่ม 2 ชั่วโมงมีคนแทงว่า เมลเซอร์ จะเป็นผู้ชนะ 3 เซตรวด(ตรงตามผล) เข้ามาแล้ว 365,000 ปอนด์ (ราว 20 ล้านบาท) ซึ่งนับเป็นจำนวนมหาศาลเมื่อเทียบกับแมตช์อื่นๆในรอบแรกซึ่งมีเงินหมุนเวียนเฉลี่ยคู่ละ 10,000 ปอนด์(ราว 570,000 บาท) ทำให้บริษัทต้องรีบปิดรับแทงเช่นกัน
ความผิดปกติของการแห่แทง เมลเซอร์ จะเป็นฝ่ายชนะ โอเดสนิก ด้วยสกอร์ 3 เซตรวดในครั้งนี้เกิดขึ้นกับร้านพนันอีกหลายแห่งในกรุง ลอนดอน โดยหลังการแข่งขันเสร็จสิ้นและพบว่าตนเองตกเป็นเป้าสงสัยของการ "ล้มเทนนิส" โอเดสนิก มือ 109 ของโลกออกมากล่าวว่า "ผมสับสนไปหมดทำไมต้องมีคนมาแทงว่าผมจะแพ้มากมายถึงเพียงนี้ แม้ผมจะลงเล่นคอร์ตหญ้าเป็นรายการแรกในฤดูกาลนี้รวมถึงมีอาการตึงที่ต้นขาเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะต้องแพ้ขาดลอย ไม่มีทางที่ใครรู้ผลการแข่งขันล่วงหน้าแน่นอน"
ทั้งนี้ สหพันธ์เทนนิสนานาชาติยังไม่ได้ออกมาให้ข่าวเกี่ยวกับเรื่องฉาวที่เกิดขึ้นเพราะไม่อยากเรื่องราวบานปลายแต่องค์กรใหญ่ดูเเลเทนนิสโลกเตรียมดำเนินการสอบสวนหาความจริงแน่นอนเพราะนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่วงการเทนนิสเข้าไปพัวพันกับการทุจริตในการพนัน
