เคานต์ดาวน์พรีเมียร์ฯ “หงส์-นิว” ลุ้นหืด / เซียนไก๋

โอกาสลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ชิป ของ ลิเวอร์พูล เหลือน้อยลงทุกทีแล้ว ในขณะที่จ่าฝูง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังไม่สะดุด ส่วน “หงส์แดง” ก็ต้องเก็บชนะในอีก 3 นัดที่เหลือ โดยในวันเสาร์ที่ 9 พฤษภาคม นี้ มีเกมหนักจะต้องบุกไปเยือน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ก่อนที่จะนั่งลุ้น “ผีแดง” จะทำศึกดาร์บีแมตช์ กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี ในวันอาทิตย์

ลิเวอร์พูล ยังคงตามหลังอยู่ 3 คะแนน แถมแข่งมากกว่าอีก 1 นัด ทำให้อีก 4 นัดที่เหลือของ แมนฯยูไนเต็ด ต้องการแค่ 7 คะแนนเท่านั้น ก็จะเข้าป้ายความแชมป์หัวมงกุฎสมัยที่ 3 ติดต่อกันทันที สุดท้ายไม่ว่าจะได้แชมป์หรือไม่ก็ตาม ต้องยอมรับว่า “หงส์แดง” ยกระดับขึ้นมาได้อย่างน่ากลัวจริงๆ ทำให้นึกถึงช่วงปลายทศวรรษ 80 ที่เครื่องจักรสีแดงเดินเกมรุกถล่มคู่ต่อสู้เป็นว่าเล่น หากยังรักษาจังหวะการเล่นแบบนี้เอาไว้ได้รับรองปีหน้าลุ้นมันกว่านี้แน่

เกมนี้ ราฟาเอล เบนิเตซ ต้องเช็กความฟิตของ ชาบี อลอนโซ ห้องเครื่องเชิงสูง ที่โดน โจอี บาร์ตัน เสียบในเกมล่าสุดที่ถล่ม นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 3-0 แต่ในรายของ ฮาเวียร์ มาสเชราโน ที่เจ็บในเกมเดียวกัน และ เฟอร์นานโด ตอร์เรส ดาวยิงหน้าหยก ที่เจ็บก่อนเกมดังกล่าว น่าจะคืนทัพพร้อมล่าตาข่ายในถิ่น อัพตัน ปาร์ค ส่วน เดิร์ก เคาท์ และ ยอสซี เบนายูน ที่ฟอร์มกำลังฮอตพร้อมประจำการต่อไป

เจ้าถิ่น เวสต์แฮม ต้องพยายามเกาะอันดับ 7 ให้เหนียวแน่นเพื่อลุ้นไป ยูโรปา ลีก ในฤดูกาลหน้า เพราะเวลานี้นำ แมนฯซิตี, ฟูแลม และ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ เพียงแค่แต้มเดียวเท่านั้น ฟอร์มของลูกทีม จิอันฟรังโก โซลา นั้นยากจะคาดเดา เพราะ 5 นัดหลังสุดยามเล่นในรังชนะแค่ 2 นัดเท่านั้น แต่อย่าลืมว่าปีที่แล้ว ลิเวอร์พูล บุกมาแพ้ที่นี่ 0-1 จากลูกจุดโทษช่วงทดเวลาบาดเจ็บของ มาร์ค โนเบิล ฉะนั้น ก็ห้ามประมาทอย่างเด็ดขาด

อีกคู่ แมนฯยูไนเต็ด ที่ทะลุเข้าไปป้องกันแชมป์ ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ที่กรุงโรม ในวันที่ 27 พ.ค.นี้ โดยจะพบกับคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้ออย่าง บาร์เซโลนา สามารถมุ่งสมาธิมาที่เกมลีกได้อย่างเต็มตัว หากชนะ แมนฯซิตี ในวันอาทิตย์นี้ และเก็บ 3 แต้มจากแมตช์ตกค้างกับ วีแกน แอธเลติก ในวันพุธที่จะถึงนี้ได้สำเร็จ ก็น่าจะจบและสามารถพักตัวผู้เล่นได้ในอีก 2 นัดที่เหลือกับ อาร์เซนอล และ ฮัลล์ ซิตี เพื่อขออีกแค่แต้มเดียวเท่านั้น

เกมนี้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เจ้านายใหญ่ แมนฯยู จำต้องงัดวิชาโรเตชันออกมาใช้ จอนนี อีแวนส์, คาร์ลอส เตเบซ และ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ที่เป็นตัวสำรองในเกมรอบตัดเชือก นัดสอง ที่อัด อาร์เซนอล 3-1 น่าจะได้รับโอกาสออกสตาร์ทเป็นตัวจริง เกมแรกบุกไปเอาชนะอริร่วมเมืองมาก่อน 1-0 แต่เมื่อฤดูกาลที่แล้วโดน “เรือใบสีฟ้า” ในยุค สเวน โกรัน อิริคส์สัน ทำแสบด้วยการเอาชนะได้ทั้งเหย้าและเยือน

แต่ฤดูกาลนี้ แมนฯซิตี ในยุคของ มาร์ก ฮิวจ์ส ฟอร์มลุ่มๆ ดอนๆ อย่างไรก็ตาม 3 นัดหลังสุดกระเตื้องขึ้นมาด้วยการคว้าชัยเรียบวุธ ทำให้พุ่งขึ้นมามีลุ้นไป ยูโรปา ลีก ตัวหลักยังอยู่กับครบทั้ง โรบินโญ, สตีเฟน ไอร์แลนด์ และ เอลาโน ทว่าเกมนี้ต้องออกไปเยือน ซึ่งปีนี้ชนะแค่ 2 นัดเท่านั้น ดูแล้วน่าจะรอดเงื้อมมือของเจ้าถิ่นยาก

ปิดท้ายด้วยคู่ชี้ชะตาหนีตกชั้น นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด จะเปิด เซนต์ เจมส์ ปาร์ค รับมือ มิดเดิลสโบรช์ เป็นแมตช์มันเดย์ไนต์ หากทีมใดชนะอาจจะเป็นจุดเปลี่ยนแห่งฤดูกาลนี้ให้อยู่รอดปลอดภัยต่อไป แต่ถ้าพ่ายแพ้น่าจะเกี่ยวแขนกับ เวสต์บรอมวิช อัลเบียน ตกชั้นไป อย่างไรก็ตาม อีกมุมสุดท้ายที่ไม่มีฝ่ายใดต้องการก็คือเสมอกันไปกอดคอร่วงทั้งคู่

อลัน เชียเรอร์ อาจจะปรับทัพ นิวคาสเซิล อีกครั้ง เพราะยังไม่ได้ 11 คนแรกที่ลงตัว โดยเฉพาะการบั่นทอนศักยภาพทีมด้วยการเอา เดเมียน ดัฟฟ์ ไปเล่นแบ็กซ้าย และ อลัน สมิธ ไปเล่นกองกลางดูจะยังไม่เข้าตา แต่ที่แน่ๆ บาร์ตัน กองกลางจอมซ่า จะหมดสิทธิ์ลงสนามหลังโดนใบแดงในเกมพ่าย ลิเวอร์พูล แล้วไปเปรี้ยวกับเจ้านายในห้องแต่งตัว

ทีมเยือน มิดเดิลสโบรช์ โชคร้ายเจอโปรแกรมหนักกับ อาร์เซนอล และ แมนฯยู ทำให้แพ้มา 2 นัดรวด อีก 2 นัดถัดจาก นิวคาสเซิล ก็ถือว่ายังมีลุ้นเพราะจะรับมือ แอสตัน วิลลา และออกไปเยือน เวสต์ แฮม แต่เกมนี้เมื่อดูประสบการณ์ของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ที่มีมากกว่า เชียเรอร์ และทีมที่ลงตัวกว่าทั้ง ตูนกาย ซานลี, สจ๊วร์ต ดาวนิง และ อฟองโซ อัลเวส ทำให้ “สิงห์แดง” เหนือกว่าเล็กน้อย แถม 4 ฤดูกาลหลังสุดที่มาเยือนที่นี่ไม่เคยแพ้เลย ด้วยการเสมอกลับออกไปทั้งหมด

ฟันธง ตรงเผง โดย เซียนไก๋ เจริญกรุง
แบล็กเบิร์น ชนะ ปอร์ทสมัธ 2-1
โบลตัน ชนะ ซันเดอร์แลนด์ 3-1
เอฟเวอร์ตัน เสมอ สเปอร์ส 1-1
ฟูแลม เสมอ วิลลา 0-0
ฮัลล์ ชนะ สโต๊ก 2-1
เวสต์บรอม ชนะ วีแกน 2-0
เวสต์แฮม เสมอ ลิเวอร์พูล 1-1
แมนฯยู ชนะ แมนฯซิตี 2-0
อาร์เซนอล เสมอ เชลซี 1-1
นิวคาสเซิล เสมอ มิดเดิลสโบรช์ 2-2

โปรแกรมฟุตบอลพรีเมียร์ชิปช่วงสุดสัปดาห์
วันเสาร์ที่ 9 พฤษภาคม 2552
แบล็กเบิร์น พบ ปอร์ทสมัธ เวลา 21.00 น.
โบลตัน พบ ซันเดอร์แลนด์ เวลา 21.00 น.
เอฟเวอร์ตัน พบ สเปอร์ส เวลา 21.00 น.
ฟูแลม พบ วิลลา เวลา 21.00 น.
ฮัลล์ พบ สโต๊ก เวลา 21.00 น.
เวสต์บรอม พบ วีแกน เวลา 21.00 น.
เวสต์แฮม พบ ลิเวอร์พูล เวลา 23.30 น.
วันอาทิตย์ที่ 10 พฤษภาคม 2552
แมนฯยู พบ แมนฯซิตี เวลา 19.30 น.
อาร์เซนอล พบ เชลซี 22.00 น.
วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม 2552
นิวคาสเซิล พบ มิดเดิลสโบรช์ เวลา 02.00 น.