สงครามยังไม่จบ “หงส์” บี้ “ผี” ต่อ / เซียนไก๋

“แชมป์เก่า” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ฉีกหนี ลิเวอร์พูล ออกไป 3 แต้ม แถมแข่งน้อยกว่าหนึ่งนัด หลังจากเอาชนะ ปอร์ทสมัธ 2-0 เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม “สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร” ทั้งคู่ต้องมาสู้กันต่อในช่วงสุดสัปดาห์นี้ “ผีแดง” จะรับมือ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ส่วน “หงส์แดง” จะไปเยือน ฮัลล์ ซิตี

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา แมนฯยู เปิด โอลด์ แทรฟฟอร์ด ชนะ ปอร์ทสมัธ จากการยิงของ เวย์น รูนีย์ และ ไมเคิล คาร์ริค หลายคนบอกว่า น่าจะคว้าแชมป์หัวมงกุฎ 3 สมัยติดต่อกันอีกครั้งแน่นอน อย่างไรก็ตาม ห้ามประมาท เพราะ “ผีแดง” ยังมีโปรแกรมหนักกับ อาร์เซนอล รออยู่ รวมถึงต้องแบ่งสมาธิไปยังศึก ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก อีกด้วย

หลังเกม เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือ แมนฯยู กล่าวอย่างกังวล หลังเสียกองหลัง 2 คนที่เจ็บในเกมนี้ ว่า “แกรี เนวิลล์ และ จอห์น โอเชีย อาจต้องพักไม่ต่ำกว่า 2 สัปดาห์ หลังจากถูกปะทะอย่างหนัก การเสียแบ็กขวาถึง 2 คนในเกมเดียวกันนับว่าโชคร้ายมาก แต่นับว่ายังดีที่ เวส บราวน์ กำลังจะกลับมา ทั้งคู่ถูกเสียบอย่างรุนแรง แต่ผู้ตัดสิน ปีเตอร์ วอลตัน กลับนิ่งเฉย ไม่ทำอะไรเลย นั่นทำให้ผมผิดหวังมาก”

ตำแหน่งแบ็กขวาอาจจะถูกแทนที่ด้วย เวส บราวน์ หรือไม่ก็ ราฟาเอล ดา ซิลวา ที่หายจากอาการบาดเจ็บแล้ว ส่วนเซนเตอร์ฮาล์ฟต้องลุ้นว่า ริโอ เฟอร์ดินานด์ ที่เจ็บจากเกม เอฟเอ คัพ รอบตัดเชือก และไม่ได้เล่นในเกมกับ ปอร์ทสมัธ จะพร้อมลงคุมแนวรับในเกมกับ สเปอร์ส หรือไม่ ส่วนกองกลางและกองหน้าไม่ต้องห่วงยังอยู่กันครบ อย่างไรก็ตาม การจัดตัวนี้อาจจะมีห่วงเล็กน้อย เนื่องจากมีศึกยุโรปรอบตัดเชือกกับ อาร์เซนอล รออยู่กลางสัปดาห์หน้า

ทางฝั่งทีมเยือน สเปอร์ส ที่ว่ากันว่า เจอกับ แมนฯยู ครั้งใดมักจะกลายเป็นเชือกกล้วยเสมอ เพราะตั้งแต่มี พรีเมียร์ชิป ยังไม่เคยบุกไปเอาชนะที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ได้เลย เจอกันมาแล้วในฤดูกาลนี้ 3 ครั้งก็เป็นรองอย่างเห็นได้ชัด ไล่ตั้งแต่เกมแรกที่ ไวท์ ฮาร์ท เลน เสมอ 0-0, เอฟเอ คัพ รอบ 4 แพ้ 1-2 และนัดชิง คาร์ลิง คัพ แพ้จุดโทษ

สเปอร์ส แม้จะรั้งอันดับ 9 แต่ยังมีลุ้นไปลุย ยูโรปา ลีก ในฤดูกาลหน้า ห่างจากอันดับ 7 เวสต์ แฮม ยูไนเต็ด เพียงแค่แต้มเดียว เพราะโควตาคงจะต้องหล่นลงมา ไม่ว่า เชลซี หรือ เอฟเวอร์ตัน คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ก็ตาม ฟอร์มล่าสุดใน พรีเมียร์ชิป ถือว่าสุดบรรเจิด 5 นัดหลังสุดชนะถึง 4 นัดเลยทีเดียว

แฮร์รี เรดแนปป์ นายใหญ่ สเปอร์ส ได้ทีมที่ลงตัวแล้ว โดยเฉพาะแผงกองกลางที่อยู่กันครบทั้ง วิลสัน ปาลาซิออส, ทอม ฮัดเดิลสโตน, ลูกา โมดริช และ อารอน เลนนอน ส่วนแนวรุก เจอร์เมน เดโฟ หายเจ็บแล้ว หลังลงมาเป็นตัวสำรองในเกมที่ชนะ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 1-0 นัดนี้จึงมีลุ้นออกสตาร์ทเป็นจริงคู่กับ ร็อบบี คีน ส่วนกองหลังต้อนลุ้นอาการของ เล็ดลีย์ คิง และ ไมเคิล ดอว์สัน ที่มีอาการบาดเจ็บ

อีกคู่ ลิเวอร์พูล จะลงเล่นก่อนเวลา 3 ทุ่มของวันเสาร์ หากชนะก็โยนความกดดันมาให้กับ แมนฯยู อีกครั้ง โดยจะบุกไปเยือนรัง คิงส์ตัน คอมมูนิเคชันส์ สเตเดียม ของ ฮัลล์ ซิตี น้องใหม่ที่นึกว่าจะลอยตัว เนื่องจากต้นฤดูกาลฟอร์มดีมาก แต่เล่นไปเล่นมาตอนนี้รูดมาอยู่อันดับ 16 เหนือโซนแดงแค่ 3 แต้มเท่านั้น ต้องมาดิ้นหนีตายในอีก 5 นัดที่เหลือ

ลิเวอร์พูล สามารถเดินเครื่องเต็มสูบใน พรีเมียร์ชิป ความหวังเดียวที่เหลืออยู่ ล่าสุด เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาเกือบแพ้คา แอนฟิลด์ เป็นนัดแรกของฤดูกาล ก่อนเจ๊าไฟแลบกับ อาร์เซนอล 4-4 ถือเป็นเกมคุณภาพจริงๆ แต่เฉพาะแนวรุกเท่านั้น ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นผลกระทบมาจากการดร็อป มาร์ติน สเคอร์เทล แล้วส่ง เดเนียล แอกเกอร์ ลงไปแทนในแนวรับหรือไม่

ราฟาเอล เบนิเตซ จึงน่าจะส่ง เคอร์เทล ลงไปจับคู่กับ เจมี คาร์ราเกอร์ ในตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟตามเดิม ส่วนที่เหลือน่าจะเป็นชุดเดิม นำทัพโดย เฟอร์นานโด ตอร์เรส หอกจังหวะนรก ที่ซัดไปแล้ว 13 ประตู ตามหลัง นิโกลาส์ อเนลกา ของเชลซี และ โรนัลโด อยู่แค่ 2 ประตูเท่านั้น ส่วน สตีเวน เจอร์ราร์ด กัปตันทีมในไดนาโม ยังคงได้รับบาดเจ็บ

แม้ก่อนเกมจะตาม แมนฯยู อยู่ 3 แต้มแข่งมากกว่าอีกหนึ่งนัด แต่ว่า ยอสซี เบนายูน กองกลางอิสราเอล ของ ลิเวอร์พูล ยังไม่ถอดใจ “ตอนนี้สถานการณ์ยากลำบากมากขึ้น เพราะว่า แมนฯยู คือ ทีมที่แข็งแกร่ง แต่เรายังไม่ถอดใจ และจะพยายามเช่นนี้ต่อไป รวมถึงทำให้ดีที่สุดในช่วงที่เหลือ เราจะมุ่งเป้าคว้าชัยชนะในเกมของตนเองและก็หวังว่าจะทำได้”

เจ้าถิ่น ฮัลล์ จะต้อนรับการมาเยือนของ ลิเวอร์พูล ที่ เคซี สเตเดียม เป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้เจอกันที่ บูธแฟร์รี ปาร์ค ใน ลีก คัพ เมื่อปี 1999 ซึ่งสถิติที่ผ่านมาเจอกัน 13 นัด ไม่ว่าถ้วยไหน “หงส์แดง” ไม่เคยแพ้เลย ส่วนนัดแรกของฤดูกาลนี้ “เจ้าเสือน้อย” ทำเซอร์ไพรส์บุกไปเสมอที่ แอนฟิลด์ 2-2 แต่ระยะหลังฟอร์มตกไม่ชนะในรัง 8 นัดรวด ล่าสุดแพ้มา 2 นัดรวดต่อ มิดเดิลสโบรช์ 1-3 และ ซันเดอร์แลนด์ 0-1

ปีนี้ ฮัลล์ เคยชนะ อาร์เซนอล และเสมอกับ เชลซี มาแล้ว แม้จะแพ้ แมนฯยู แต่ว่าก็ยิงได้ในเกมนั้นถึง 3 ลูก แต่เกมนี้คงยากหากหวังจะมีแต้มแม้จะเล่นในรังก็ตาม เนื่องจาก ลิเวอร์พูล มีความมุ่งมั่นเต็มเปี่ยมแถมเกมรุกกำลังเข้าฝัก เจ้าถิ่นจะมีลุ้นคงจากลูกเซตพีซของ จิโอวานนี รวมถึงการเติมมาโหม่งของกองหลัง ไมเคิล เทอร์เนอร์ แต่สุดท้ายน่าจะแพ้ไป

ฟันธง ตรงเผง โดย เซียนไก๋ เจริญกรุง
โบลตัน เสมอ วิลลา 1-1
เอฟเวอร์ตัน ชนะ แมนฯซิตี 1-0
ฟูแลม ชนะ สโต๊ก 2-1
ฮัลล์ แพ้ ลิเวอร์พูล 1-2
เวสต์บรอม เสมอ ซันเดอร์แลนด์ 2-2
เวสต์แฮม เสมอ เชลซี 0-0
แมนฯยู เสมอ สเปอร์ส 1-1
อาร์เซนอล ชนะ มิดเดิลสโบรช์ 2-0
แบล็กเบิร์น เสมอ วีแกน 1-1
นิวคาสเซิล ชนะ ปอร์ทสมัธ 3-2

โปรแกรมฟุตบอลพรีเมียร์ชิปสัปดาห์นี้
วันเสาร์ที่ 25 เมษายน 2552
โบลตัน พบ วิลลา เวลา 21.00 น.
เอฟเวอร์ตัน พบ แมนฯซิตี เวลา 21.00 น.
ฟูแลม พบ สโต๊ก เวลา 21.00 น.
ฮัลล์ พบ ลิเวอร์พูล เวลา 21.00 น.
เวสต์บรอม พบ ซันเดอร์แลนด์ เวลา 21.00 น.
เวสต์แฮม พบ เชลซี เวลา 21.00 น.
แมนฯยู พบ สเปอร์ส เวลา 23.30 น.
วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน 2552
อาร์เซนอล พบ มิดเดิลสโบรช์ เวลา 19.30 น.
แบล็กเบิร์น พบ วีแกน เวลา 22.00 น.
วันจันทร์ที่ 27 เมษายน 2552
นิวคาสเซิล พบ ปอร์ทสมัธ เวลา 02.00 น.