ยอสซี เบนายูน มิดฟิลด์ชาวอิสราเอล ลงสนามเป็นสำรองมาพังประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บช่วยให้ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล บุกไปเอาชนะ “เจ้าสัว” ฟูแลม ถึงสนามคราเวน คอตเทจ 1-0 พร้อมแซง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นมารั้งตำแหน่งจ่าฝูงในการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา
ผลการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
ฟูแลม 0 - 1 ลิเวอร์พูล
ฟูแลม ไม่มีปัญหาด้านนักเตะ ผู้เล่นทุกคนอยู่ในสภาพพร้อมเต็มที่โดยส่ง แดนนี เมอร์ฟี มิดฟิลด์ตัวเก่งลงสนามพบกับต้นสังกัดเก่า ส่วน ลิเวอร์พูล หมดสิทธิ์ใช้งาน ซามี ฮูเปีย เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บมาจากเกมทีมชาติ แต่แดนหน้าไม่มีปัญหามี สตีเวน เจอร์ราร์ด และ เฟอร์นานโด ตอร์เรส คอยกดดันคู่แข่งเหมือนเดิม
เริ่มเกมครึ่งแรกมา 9 นาที ลิเวอร์พูล มีโอกาสลุ้นทำประตูก่อนจากจังหวะที่ อลอนโซ วางบอลยาวมาให้ ตอร์เรส หน้าเขตโทษ ก่อนเอี้ยวตัวตวัดบอลเรียดต่อให้ ดอสเซนา หลุดเข้าไปยิงตรงเขตโทษด้านซ้าย แต่ ชวาร์เซอร์ ยังเหนียวลอยตัวปัดทิ้งออกหลังไป และจังหวะลูกเตะมุมต่อเนื่อง เจอร์ราร์ด เปิดเข้ากลาง บอลลอยไปถึงเสาสอง สเคอร์เทล ยืนอยู่พอดีได้ยิงเน้นๆ แต่บอลไปแฉลบหัว ดอสเซนา พุ่งไปชนคานอย่างน่าเสียดาย
ฟูแลมยังหาจังหวะฝ่าแนวรับทีมเยือนเข้าไปยิงประตูแบบจะแจ้งไม่ได้และเกือบมาเสียประตูอีกครั้งในนาที 21 เมื่อ “หงส์แดง” โต้กลับเร็ว เจอร์ราร์ดทำเกมขึ้นมาทางด้านซ้าย ก่อนตบกลับเข้าในให้ ตอร์เรส จับบอลหนึ่งจังหวะก่อนยิงเรียด แต่ ชวาร์เซอร์ ยังทำได้ดีล้มตัวปัดทิ้งออกไปอีกเหมือนเดิม
เกมผ่านครึ่งชั่วโมง ลิเวอร์พูลมาได้ลูกเตะมุม เจอร์ราร์ดรับหน้าที่เปิดบอล กองหลังเจ้าถิ่นพยายามเคลียร์ทิ้ง แต่บอลไม่พ้นอันตรายมาเข้าทางอลอนโซ อัดเต็มแรงนอกเขตโทษ บอลพุ่งแรงแต่ยังไปชนคานอีกพลาดไปอย่างน่าเสียดาย อีก 2 นาทีต่อมาคราวนี้เป็นเสาประตูที่ปฏิเสธลูกยิงของทีมเยือน ในจังหวะการวางบอลยาวจากแดนหลังมาถึง เจอร์ราร์ด ประสานงานกับ ตอร์เรส ก่อนที่ฝ่ายหลังจะหลุดเดี่ยวเข้าไปยิงนิ่มๆสวนตัว ชวาร์เซอร์ แต่บอลยังไหลไปชนเสาอีกกระดอนออกมาอีก
เกมมาถึงนาที 35 อลอนโซวางบอลยาวจากกลางสนามมาให้เจอร์ราร์ด ทางริมเส้นด้านขวา ก่อนที่มิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษบรรจงเปิดบอลมาให้ ดอสเซนา โถมโหม่งเต็มๆ หน้าประตู แต่เหมือนโชคร้ายบอลพุ่งไปชนคานอีกครั้ง จากนั้นอีก 4 นาทีต่อมา ฟูแลม มาได้ลุ้นบ้างจากลูกฟรีคิกหน้าประตูทีมเยือน เดมป์ซี รับหน้าที่ปั่นด้วยขวา แต่บอลเหินข้ามคานออกไป หลังจากนั้นทั้งสองทีมไม่มีฝ่ายใดทำประตูกันได้ทำให้จบ 45 นาทีแรกเสมอกันอยู่ 0-0
เข้าสู่ครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลยังคงทำเกมได้เหนือกว่าเจ้าบ้านและมีโอกาสลุ้นทำประตูก่อนในนาที 53 เมื่อ อินซัว ได้บอลทางริมเส้นด้านซ้าย ก่อนตัดสินใจเลี้ยงบอลจี้ขึ้นมาเปิดเข้ากลางให้ ตอร์เรส ได้ลอยตัวโหม่ง แต่บอลไปตรงตัว ชวาร์เซอร์ รับไว้ได้อย่างไม่มีปัญหา อีกสองนาทีถัดมา อลอนโซ เก็บตกบอลได้นอกกรอบเขตโทษ ก่อนตัดสินใจสับไกยิง แต่ยังไม่ผ่านมือนายด่านชาวออสเตรเลียอีกเหมือนเดิม
ลูกทีมของราฟาเอล เบนิเตซ เริ่มผ่อนเครื่องลงจนเปิดโอกาสให้ฟูแลมต่อบอลทำเกมรุกขึ้นมากดดันเข้าใส่บ้าง แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่เด็ดขาดพอที่จะสร้างปัญหาหนักใจ เปเป เรนา นายทวารทีมเยือน
“หงส์แดง” กลับมาโหมบุกอย่างหนักอีกครั้งในช่วง 15 นาทีสุดท้าย ทีมต่อบอลกันขึ้นมาถึงเขตโทษเจ้าถิ่น กองหลังเตะเคลียร์ทิ้งไม่ขาดบอลมาเข้าทาง เจอร์ราร์ด ทางริมเขตโทษด้านขวา ตัดสินใจอัดเต็มแรงกึ่งยิงกึ่งผ่านเข้ามา ยอสซี เบนายูน ที่เพิ่งลงมาเป็นตัวสำรอง พยายามไขว่ขายิง แต่โดนไม่ดีบอลหลุดเสาออกไปนิดเดียว
เกมเข้าสู่นาทีสุดท้าย เจอร์ราร์ดวางบอลมาในเขตโทษเลยไปถึงเสาสอง เบนายูน ตามมาเก็บบอลได้ ก่อนล็อกบอลหลอกกองหลังเจ้าถิ่นสับไกยิงเอง บอลหลุดเสาออกไปอีก แต่มิดฟิลด์ชาวอิสราเอลมาแก้ตัวสำเร็จในอีก 2 นาทีต่อมา เมื่อ ฮังเกลันด์ ของเจ้าบ้านสกัดไม่ดีมาเข้าทางจนเจ้าตัวหลุดเข้าไปยิงด้วยขวาตุงตาข่ายให้ ลิเวอร์พูล นำ 1-0 หลังจากนั้นไม่นานกรรมการเป่าหมดเวลาทำให้ทีมเยือนบุกมาเอาชนะไปด้วยสกอร์ข้างต้น
ลิเวอร์พูลเก็บชัยชนะในเกมนี้ทำให้ทีมขยับขึ้นมารั้งตำแหน่งจ่าฝูงของตารางด้วยการมี 67 คะแนนเหนือว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เตรียมลงสนามกับ แอสตัน วิลลา ในวันอาทิตย์นี้ (5 เม.ย.) อยู่ 2 คะแนน แต่แชมป์เก่าได้เปรียบเล็กน้อยเนื่องจากยังมีเกมเหลืออยู่ในมืออีก 1 นัด
รายชื่อผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
ฟูแลม : มาร์ก ชวาร์เซอร์, เบรเด ฮังเกลันด์, อารอน ฮิวจ์ส, พอล คอนเชสกี, จอห์น แพนท์ซิล, ดิกสัน เอตูฮู, แดนนี เมอร์ฟี, ไซมอน เดวิส, คลินท์ เดมป์ซีย์, บ็อบบี ซาโมรา, แอนดรูวส์ จอห์นสัน
ลิเวอร์พูล : เปเป เรนา, เจมี คาร์ราเกอร์, มาร์ติน สเคอร์เทล, เอมิเลียโน อินชัว, อัลวาโร อาร์เบลัว, ลูคัส, ชาบี อลอนโซ, เฟอร์นานโด ตอร์เรส, สตีเวน เจอร์ราร์ด, อันเดรียส ดอสเซนา, เดิร์ก เคาท์
ด้านผลการแข่งขันของคู่อื่น เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ กองหน้าจอมพลิ้วมาทำ 2 ประตูในนาที 8 และ 49 ช่วยให้ “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล เปิดสนามเอมิเรต สเตเดียม เอาชนะ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี ไป 2-0 ขณะที่ อังเดร ออยเยอร์ กองหลังชาวดัตช์ มาซัดประตูชัยก่อนหมดเวลนาทีเดียวให้ “กุหลาบไฟ” แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส เฉือนชนะ “ไก่เดือยทอง” ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ 2-1 เก็บคะแนนหนีห่างโซนตกชั้น 5 แต้ม
รายชื่อผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
นิวคาสเซิล : สตีฟ ฮาร์เปอร์, ฟาบริซิโอ โคลอชชินี, ฮาบีบ เบย์, โฮเซ เอ็นริเก, ไรอัน เทย์เลอร์, เควิน โนแลน, นิกกี บัตต์, ปีเตอร์ โลเวนครานด์ส, โจนัส กูเตียร์เรส, โอบาเฟมี มาร์ตินส์, ไมเคิล โอเวน
เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก, จอห์น เทอร์รี, อเล็กซ์, แอชลีย์ โคล, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, จอห์น โอบี มิเกล, แฟรงค์ แลมพาร์ด, มิเชล เอสเซียง, ฟลอรองต์ มาลูดา, นิโกลาส์ อเนลกา, ซาโลมง กาลู
ผลการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส ชนะ สเปอร์ส 2-1
[0-1 : ร็อบบี คีน ยิงลูกจุดโทษ น.30], [1-1 : เบนนี แม็คคาร์ธี น.82], [2-1 : อังเดร ออยเยอร์ น.89]
อาร์เซนอล ชนะ แมนฯ ซิตี 2-0
[1-0 : เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ น.8], [2-0 : เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ น.49]
โบลตัน ชนะ มิดเดิลสโบรช์ 4-1
[1-0 : เควิน เดวีส์ น.8], [1-1 : แกรี โอนีล น.38], [2-1 : แกรี เคฮิลล์ น.44], [3-1 : แมทธิว เทย์เลอร์ น.78], [4-1 : ริคาร์โด การ์เนอร์ น.84]
ฮัลล์ ซิตี เสมอ ปอร์ทสมัธ 0-0
นิวคาสเซิล แพ้ เชลซี 0-2
[0-1 : แฟรงค์ แลมพาร์ด น.56], [0-2 : ฟลอรองต์ มาลูดา น.65]
เวสต์บรอมวิช แพ้ สโต๊ค ซิตี 0-2
[0-1 : ริคาร์โด ฟูลเลอร์ น.2], [0-2 : เจมส์ บีตตี น.49]
เวสต์แฮม ชนะ ซันเดอร์แลนด์ 2-0
[1-0 : จูเนียร์ สตานิสลาส น.42], [2-0 : เจมส์ ทอมกินส์ น.53]
ผลการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
ฟูแลม 0 - 1 ลิเวอร์พูล
ฟูแลม ไม่มีปัญหาด้านนักเตะ ผู้เล่นทุกคนอยู่ในสภาพพร้อมเต็มที่โดยส่ง แดนนี เมอร์ฟี มิดฟิลด์ตัวเก่งลงสนามพบกับต้นสังกัดเก่า ส่วน ลิเวอร์พูล หมดสิทธิ์ใช้งาน ซามี ฮูเปีย เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บมาจากเกมทีมชาติ แต่แดนหน้าไม่มีปัญหามี สตีเวน เจอร์ราร์ด และ เฟอร์นานโด ตอร์เรส คอยกดดันคู่แข่งเหมือนเดิม
เริ่มเกมครึ่งแรกมา 9 นาที ลิเวอร์พูล มีโอกาสลุ้นทำประตูก่อนจากจังหวะที่ อลอนโซ วางบอลยาวมาให้ ตอร์เรส หน้าเขตโทษ ก่อนเอี้ยวตัวตวัดบอลเรียดต่อให้ ดอสเซนา หลุดเข้าไปยิงตรงเขตโทษด้านซ้าย แต่ ชวาร์เซอร์ ยังเหนียวลอยตัวปัดทิ้งออกหลังไป และจังหวะลูกเตะมุมต่อเนื่อง เจอร์ราร์ด เปิดเข้ากลาง บอลลอยไปถึงเสาสอง สเคอร์เทล ยืนอยู่พอดีได้ยิงเน้นๆ แต่บอลไปแฉลบหัว ดอสเซนา พุ่งไปชนคานอย่างน่าเสียดาย
ฟูแลมยังหาจังหวะฝ่าแนวรับทีมเยือนเข้าไปยิงประตูแบบจะแจ้งไม่ได้และเกือบมาเสียประตูอีกครั้งในนาที 21 เมื่อ “หงส์แดง” โต้กลับเร็ว เจอร์ราร์ดทำเกมขึ้นมาทางด้านซ้าย ก่อนตบกลับเข้าในให้ ตอร์เรส จับบอลหนึ่งจังหวะก่อนยิงเรียด แต่ ชวาร์เซอร์ ยังทำได้ดีล้มตัวปัดทิ้งออกไปอีกเหมือนเดิม
เกมผ่านครึ่งชั่วโมง ลิเวอร์พูลมาได้ลูกเตะมุม เจอร์ราร์ดรับหน้าที่เปิดบอล กองหลังเจ้าถิ่นพยายามเคลียร์ทิ้ง แต่บอลไม่พ้นอันตรายมาเข้าทางอลอนโซ อัดเต็มแรงนอกเขตโทษ บอลพุ่งแรงแต่ยังไปชนคานอีกพลาดไปอย่างน่าเสียดาย อีก 2 นาทีต่อมาคราวนี้เป็นเสาประตูที่ปฏิเสธลูกยิงของทีมเยือน ในจังหวะการวางบอลยาวจากแดนหลังมาถึง เจอร์ราร์ด ประสานงานกับ ตอร์เรส ก่อนที่ฝ่ายหลังจะหลุดเดี่ยวเข้าไปยิงนิ่มๆสวนตัว ชวาร์เซอร์ แต่บอลยังไหลไปชนเสาอีกกระดอนออกมาอีก
เกมมาถึงนาที 35 อลอนโซวางบอลยาวจากกลางสนามมาให้เจอร์ราร์ด ทางริมเส้นด้านขวา ก่อนที่มิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษบรรจงเปิดบอลมาให้ ดอสเซนา โถมโหม่งเต็มๆ หน้าประตู แต่เหมือนโชคร้ายบอลพุ่งไปชนคานอีกครั้ง จากนั้นอีก 4 นาทีต่อมา ฟูแลม มาได้ลุ้นบ้างจากลูกฟรีคิกหน้าประตูทีมเยือน เดมป์ซี รับหน้าที่ปั่นด้วยขวา แต่บอลเหินข้ามคานออกไป หลังจากนั้นทั้งสองทีมไม่มีฝ่ายใดทำประตูกันได้ทำให้จบ 45 นาทีแรกเสมอกันอยู่ 0-0
เข้าสู่ครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลยังคงทำเกมได้เหนือกว่าเจ้าบ้านและมีโอกาสลุ้นทำประตูก่อนในนาที 53 เมื่อ อินซัว ได้บอลทางริมเส้นด้านซ้าย ก่อนตัดสินใจเลี้ยงบอลจี้ขึ้นมาเปิดเข้ากลางให้ ตอร์เรส ได้ลอยตัวโหม่ง แต่บอลไปตรงตัว ชวาร์เซอร์ รับไว้ได้อย่างไม่มีปัญหา อีกสองนาทีถัดมา อลอนโซ เก็บตกบอลได้นอกกรอบเขตโทษ ก่อนตัดสินใจสับไกยิง แต่ยังไม่ผ่านมือนายด่านชาวออสเตรเลียอีกเหมือนเดิม
ลูกทีมของราฟาเอล เบนิเตซ เริ่มผ่อนเครื่องลงจนเปิดโอกาสให้ฟูแลมต่อบอลทำเกมรุกขึ้นมากดดันเข้าใส่บ้าง แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่เด็ดขาดพอที่จะสร้างปัญหาหนักใจ เปเป เรนา นายทวารทีมเยือน
“หงส์แดง” กลับมาโหมบุกอย่างหนักอีกครั้งในช่วง 15 นาทีสุดท้าย ทีมต่อบอลกันขึ้นมาถึงเขตโทษเจ้าถิ่น กองหลังเตะเคลียร์ทิ้งไม่ขาดบอลมาเข้าทาง เจอร์ราร์ด ทางริมเขตโทษด้านขวา ตัดสินใจอัดเต็มแรงกึ่งยิงกึ่งผ่านเข้ามา ยอสซี เบนายูน ที่เพิ่งลงมาเป็นตัวสำรอง พยายามไขว่ขายิง แต่โดนไม่ดีบอลหลุดเสาออกไปนิดเดียว
เกมเข้าสู่นาทีสุดท้าย เจอร์ราร์ดวางบอลมาในเขตโทษเลยไปถึงเสาสอง เบนายูน ตามมาเก็บบอลได้ ก่อนล็อกบอลหลอกกองหลังเจ้าถิ่นสับไกยิงเอง บอลหลุดเสาออกไปอีก แต่มิดฟิลด์ชาวอิสราเอลมาแก้ตัวสำเร็จในอีก 2 นาทีต่อมา เมื่อ ฮังเกลันด์ ของเจ้าบ้านสกัดไม่ดีมาเข้าทางจนเจ้าตัวหลุดเข้าไปยิงด้วยขวาตุงตาข่ายให้ ลิเวอร์พูล นำ 1-0 หลังจากนั้นไม่นานกรรมการเป่าหมดเวลาทำให้ทีมเยือนบุกมาเอาชนะไปด้วยสกอร์ข้างต้น
ลิเวอร์พูลเก็บชัยชนะในเกมนี้ทำให้ทีมขยับขึ้นมารั้งตำแหน่งจ่าฝูงของตารางด้วยการมี 67 คะแนนเหนือว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เตรียมลงสนามกับ แอสตัน วิลลา ในวันอาทิตย์นี้ (5 เม.ย.) อยู่ 2 คะแนน แต่แชมป์เก่าได้เปรียบเล็กน้อยเนื่องจากยังมีเกมเหลืออยู่ในมืออีก 1 นัด
รายชื่อผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
ฟูแลม : มาร์ก ชวาร์เซอร์, เบรเด ฮังเกลันด์, อารอน ฮิวจ์ส, พอล คอนเชสกี, จอห์น แพนท์ซิล, ดิกสัน เอตูฮู, แดนนี เมอร์ฟี, ไซมอน เดวิส, คลินท์ เดมป์ซีย์, บ็อบบี ซาโมรา, แอนดรูวส์ จอห์นสัน
ลิเวอร์พูล : เปเป เรนา, เจมี คาร์ราเกอร์, มาร์ติน สเคอร์เทล, เอมิเลียโน อินชัว, อัลวาโร อาร์เบลัว, ลูคัส, ชาบี อลอนโซ, เฟอร์นานโด ตอร์เรส, สตีเวน เจอร์ราร์ด, อันเดรียส ดอสเซนา, เดิร์ก เคาท์
ด้านผลการแข่งขันของคู่อื่น เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ กองหน้าจอมพลิ้วมาทำ 2 ประตูในนาที 8 และ 49 ช่วยให้ “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล เปิดสนามเอมิเรต สเตเดียม เอาชนะ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี ไป 2-0 ขณะที่ อังเดร ออยเยอร์ กองหลังชาวดัตช์ มาซัดประตูชัยก่อนหมดเวลนาทีเดียวให้ “กุหลาบไฟ” แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส เฉือนชนะ “ไก่เดือยทอง” ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ 2-1 เก็บคะแนนหนีห่างโซนตกชั้น 5 แต้ม
รายชื่อผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
นิวคาสเซิล : สตีฟ ฮาร์เปอร์, ฟาบริซิโอ โคลอชชินี, ฮาบีบ เบย์, โฮเซ เอ็นริเก, ไรอัน เทย์เลอร์, เควิน โนแลน, นิกกี บัตต์, ปีเตอร์ โลเวนครานด์ส, โจนัส กูเตียร์เรส, โอบาเฟมี มาร์ตินส์, ไมเคิล โอเวน
เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก, จอห์น เทอร์รี, อเล็กซ์, แอชลีย์ โคล, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, จอห์น โอบี มิเกล, แฟรงค์ แลมพาร์ด, มิเชล เอสเซียง, ฟลอรองต์ มาลูดา, นิโกลาส์ อเนลกา, ซาโลมง กาลู
ผลการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส ชนะ สเปอร์ส 2-1
[0-1 : ร็อบบี คีน ยิงลูกจุดโทษ น.30], [1-1 : เบนนี แม็คคาร์ธี น.82], [2-1 : อังเดร ออยเยอร์ น.89]
อาร์เซนอล ชนะ แมนฯ ซิตี 2-0
[1-0 : เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ น.8], [2-0 : เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ น.49]
โบลตัน ชนะ มิดเดิลสโบรช์ 4-1
[1-0 : เควิน เดวีส์ น.8], [1-1 : แกรี โอนีล น.38], [2-1 : แกรี เคฮิลล์ น.44], [3-1 : แมทธิว เทย์เลอร์ น.78], [4-1 : ริคาร์โด การ์เนอร์ น.84]
ฮัลล์ ซิตี เสมอ ปอร์ทสมัธ 0-0
นิวคาสเซิล แพ้ เชลซี 0-2
[0-1 : แฟรงค์ แลมพาร์ด น.56], [0-2 : ฟลอรองต์ มาลูดา น.65]
เวสต์บรอมวิช แพ้ สโต๊ค ซิตี 0-2
[0-1 : ริคาร์โด ฟูลเลอร์ น.2], [0-2 : เจมส์ บีตตี น.49]
เวสต์แฮม ชนะ ซันเดอร์แลนด์ 2-0
[1-0 : จูเนียร์ สตานิสลาส น.42], [2-0 : เจมส์ ทอมกินส์ น.53]