เชลซี เจาะแนวรับ ฮัลล์ ซิตี เข้าไปยิงไม่สำเร็จก่อนจบเกมแบบไข่ไม่แตก 0-0 พร้อมทั้งถูก แอสตัน วิลลา ที่บุกสอย แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 2-0 แซงขึ้นไปรั้งอันดับ 3 พรีเมียร์ชิป อังกฤษ แล้ว
ฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ วันเสาร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2552
เชลซี 0– 0 ฮัลล์ ซิตี
เชลซีเปิดรังสแตมฟอร์ด บริดจ์ รับการมาเยือนของ ฮัลล์ ซิตี เกมนี้เจ้าถิ่นส่ง ริคาร์โด กวาเรสมา ปีกทีมชาติโปรตุเกสที่เพิ่งยืมตัวจาก อินเตอร์ มิลาน ลงลากเลื้อยทันที ขณะที่ ปีเตอร์ เช็ก ไม่มีชื่อแม้กระทั่งตัวสำรอง เฮนริเก ฮิลาริโอ จึงลงเฝ้าเสาแทน ส่วนทีมเยือนวาง เคร็ก เฟแกน กับ ริชาร์ด การ์เซีย เป็นคู่หัวหอก
เริ่มเกมมาได้ไม่ถึง 2 นาที สิงโตน้ำเงินครามเกือบพังตาข่ายออกนำไปก่อนอย่างรวดเร็ว เมื่อ แฟรงค์ แลมพาร์ด เปิดฟรีคิกจากกราบซ้ายให้ มิชาเอล บัลลัค โหม่งเช็ดลงพื้น แม็ตต์ ดุก ปัดจังหวะแรกมาเข้าทาง จอห์น เทอร์รี ได้ซ้ำจ่อๆ แต่กลับกระดกลูกจากระยะ 3 หลาข้ามคานอย่างเหลือเชื่อ
เดอะ ไทเกอร์ส มีโอกาสสร้างความหวาดเสียวบ้างในนาทีที่ 10 เมื่อ เคร็ก เฟแกน แตะบอลคืนให้ โจวานนี วางเท้าหวดจากนอกเขตโทษ ลูกติดไซด์ก้อยผ่านเสาสองไปแบบน่าลุ้น ถัดมา 5 นาที แลมพาร์ด ลองลักไก่ยิงฟรีคิกกว่า 30 หลา บอลเลี้ยวหนีเสาไกลออกไปพอสมควร
นาทีที่ 19 เกมเปิดแลกชนิดเกือบได้ประตูด้วยกันทั้งสองทีม เริ่มจาก โจวานนี ได้สับไกนอกเขตโทษติดบล็อก เทอร์รี ออกหลัง จากนั้น ดีน มาร์นีย์ เปิดลูกเตะมุมให้ ไมเคิล เทอร์เนอร์ โหม่งไปหน้าประตูก่อนถูกหวดเคลียร์ออกมาได้แบบน่าเสียวไส้
ในจังหวะต่อเนื่อง เควิน คิลบาน ตั้งท่าจะยิงสวนแต่จับบอลพลาดถูก ซาโลมง กาลู ฉกแล้วลากขึ้นมาจ่ายให้ กวาเรสมา ล็อกหนึ่งจังหวะจนกองหลังฮัลล์ถลำไป 2 คนก่อนบรรจงปั่นโค้งหวังให้เข้าเสาสอง แต่ แม็ตต์ ดุก ยังพุ่งปัดออกหลังได้อย่างยอดเยี่ยม 1 นาทีให้หลัง แลมพาร์ด เปิดลูกคอร์เนอร์ให้ อเล็กซ์ ขึ้นมาโขกข้ามคาน
เชลซี ยังเปิดเกมรุกเข้ากระหน่ำอย่างไม่หยุดยั้ง นาทีที่ 26 กวาเรสมา เปิดลูกเตะมุมจากด้านซ้ายถูกเคลียร์ออกมา แลมพาร์ด เก็บตกด้วยการหวดสวนด้วยซ้ายถูก ซามูเอล ริคเก็ตต์ส บล็อกออกหลังไป จากนั้นช่วงครึ่งชั่วโมงแรก บัลลัค มีจังหวะปั่นฟรีคิกข้ามกำแพงชนิดที่ ดุก ยืนขาตายแล้ว แต่ลูกไปเฉี่ยวตาข่ายด้านข้างอย่างน่าเสียดาย
ฮัลล์ ที่นานๆ ครั้งจะได้บุกขึ้นมาเกือบพังประตูออกนำไปก่อนในนาทีที่ 40 เมื่อ ซามูเอล ริคเก็ตต์ส โยนโด่งจากปีกขวาเข้ากลาง เควิน คิลบาน โถมตัวเข้ามาโขกกดลงพื้น ฮิลาริโอ ได้แต่ชายตามองแล้ว ทว่า ลูกไปชนเสาออกหลังอย่างน่าเสียดาย จบครึ่งแรกยังเสมอกันอยู่ 0-0
กลับมาสู้กันต่อในครึ่งหลัง นาทีที่ 54 เฟแกน โฉบเอาบอลจาก จอห์น โอบี มิเกล ได้ก่อนลากเข้าไปชิป แต่เบาเกินไปถูก ฮิลาริโอ กระโดดคว้าเอาไว้ได้ ก่อนที่ แอชลีย์ โคล จะลองทำแบบเดียวกันใน 4 นาทีต่อมา หลังจากเห็น ดุก ออกมาจากเส้นประตู ทว่าก็ล้นข้ามคานออกหลัง
ทีมเยือนหวิดได้ประตูออกนำในนาทีที่ 68 โดย โจวานนี จ่ายตัดแนวรับให้ ดีน มาร์นีย์ สอดเข้าไปหักข้อซัดในเขตโทษลูกถากเสาสองไปเพียงนิดเดียว จากนั้น 2 นาทีมีจังหวะปัญหาเกิดขึ้น เมื่อ กาลู ยิงไกลไปติดแขน แอนดี ดอว์สัน ในเขตโทษ แต่ผู้ตัดสิน ลี เมสัน ไม่จับแฮนด์บอล ปล่อยให้เล่นต่อ
ช่วงท้ายเกมต่างฝ่ายต่างเปิดแลกหวังเอาชนะ นาทีที่ 87 ดิดิเยร์ ดร็อกบา ยิงฟรีคิกหลุดทางเสาแรก ก่อนที่ เอียน แอชบี จะลุ้นให้อาคันตุกะในนาทีสุดท้ายแต่ก็ซัดออกข้างเสาไปเอง จบเกมจึงเสมอกันไปแบบไม่มีประตูเกิดขึ้น 0-0 เชลซี เก็บเพิ่มเป็น 49 คะแนน ทว่าถูก แอสตัน วิลลา ที่บุกไปชนะ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 2-0 เบียดตกลงมาอยู่ที่ 4 ส่วน ฮัลล์ มี 29 คะแนน อยู่อันดับ 12 ของตาราง
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เชลซี – เฮนริเก ฮิลาริโอ, โฮเซ โบซิงวา, อเล็กซ์, จอห์น เทอร์รี, แอชลีย์ โคล, จอห์น โอบี มิเกล, มิชาเอล บัลลัค, แฟรงค์ แลมพาร์ด, ซาโลมง กาลู, ริคาร์โด กวาเรสมา, นิโกลาส์ อเนลกา
ฮัลล์ ซิตี – แม็ตต์ ดุก, ซามูเอล ริคเก็ตต์ส, ไมเคิล เทอร์เนอร์, คามิล ซายัตเต, แอนดี ดอว์สัน, เอียน แอชบี, ดีน มาร์นีย์, โจวานนี, เควิน คิลบาน, ริชาร์ด การ์เซีย, เคร็ก เฟแกน
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ
แมนเชสเตอร์ ซิตี ชนะ มิดเดิลสโบรช์ 1-0 (เคร็ก เบลลามี 1-0 น.52)
แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส แพ้ แอสตัน วิลลา 0-2 (เจมส์ มิลเนอร์ 0-1 น.27), (กาเบรียล อักบอนลาฮอร์ 0-2 น.90)
เชลซี เสมอ ฮัลล์ ซิตี 0-0
เอฟเวอร์ตัน ชนะ โบลตัน วันเดอเรอร์ส 3-0 (มิเกล อาร์เตตา 1-0 จุดโทษ น.40), (โจ 2-0 น.49), (โจ 3-0 จุดโทษ น.90)
ซันเดอร์แลนด์ ชนะ สโต๊ค ซิตี 2-0 (เคนวีน โจนส์ 1-0 น.78), (เดวิด ฮีลี 2-0 น.90)
เวสต์บรอมวิช อัลเบียน แพ้ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 2-3 (เดเมียน ดัฟฟ์ 0-1 น.2), (มาร์ค-อองตวน ฟอร์จูน 1-1 น.4), (ปีเตอร์ โลเวนครานด์ส 1-2 น.9), (สตีเวน เทย์เลอร์ 1-3 น.41), (มาร์ค-อองตวน ฟอร์จูน 2-3 น.73)
วีแกน แอธเลติก เสมอ ฟูแลม 0-0
ปอร์ทสมัธ แพ้ ลิเวอร์พูล 2-3 (เดวิด นูเจนท์ 1-0 น.62), (ฟาบิโอ ออเรลิโอ 1-1 น.69), (เฮอร์มัน ไฮร์ดาร์สสัน 2-1 น.78), (เดิร์ก เคาท์ 2-2 น.85), (เฟอร์นานโด ตอร์เรส 2-3 น.90)
ฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ วันเสาร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2552
เชลซี 0– 0 ฮัลล์ ซิตี
เชลซีเปิดรังสแตมฟอร์ด บริดจ์ รับการมาเยือนของ ฮัลล์ ซิตี เกมนี้เจ้าถิ่นส่ง ริคาร์โด กวาเรสมา ปีกทีมชาติโปรตุเกสที่เพิ่งยืมตัวจาก อินเตอร์ มิลาน ลงลากเลื้อยทันที ขณะที่ ปีเตอร์ เช็ก ไม่มีชื่อแม้กระทั่งตัวสำรอง เฮนริเก ฮิลาริโอ จึงลงเฝ้าเสาแทน ส่วนทีมเยือนวาง เคร็ก เฟแกน กับ ริชาร์ด การ์เซีย เป็นคู่หัวหอก
เริ่มเกมมาได้ไม่ถึง 2 นาที สิงโตน้ำเงินครามเกือบพังตาข่ายออกนำไปก่อนอย่างรวดเร็ว เมื่อ แฟรงค์ แลมพาร์ด เปิดฟรีคิกจากกราบซ้ายให้ มิชาเอล บัลลัค โหม่งเช็ดลงพื้น แม็ตต์ ดุก ปัดจังหวะแรกมาเข้าทาง จอห์น เทอร์รี ได้ซ้ำจ่อๆ แต่กลับกระดกลูกจากระยะ 3 หลาข้ามคานอย่างเหลือเชื่อ
เดอะ ไทเกอร์ส มีโอกาสสร้างความหวาดเสียวบ้างในนาทีที่ 10 เมื่อ เคร็ก เฟแกน แตะบอลคืนให้ โจวานนี วางเท้าหวดจากนอกเขตโทษ ลูกติดไซด์ก้อยผ่านเสาสองไปแบบน่าลุ้น ถัดมา 5 นาที แลมพาร์ด ลองลักไก่ยิงฟรีคิกกว่า 30 หลา บอลเลี้ยวหนีเสาไกลออกไปพอสมควร
นาทีที่ 19 เกมเปิดแลกชนิดเกือบได้ประตูด้วยกันทั้งสองทีม เริ่มจาก โจวานนี ได้สับไกนอกเขตโทษติดบล็อก เทอร์รี ออกหลัง จากนั้น ดีน มาร์นีย์ เปิดลูกเตะมุมให้ ไมเคิล เทอร์เนอร์ โหม่งไปหน้าประตูก่อนถูกหวดเคลียร์ออกมาได้แบบน่าเสียวไส้
ในจังหวะต่อเนื่อง เควิน คิลบาน ตั้งท่าจะยิงสวนแต่จับบอลพลาดถูก ซาโลมง กาลู ฉกแล้วลากขึ้นมาจ่ายให้ กวาเรสมา ล็อกหนึ่งจังหวะจนกองหลังฮัลล์ถลำไป 2 คนก่อนบรรจงปั่นโค้งหวังให้เข้าเสาสอง แต่ แม็ตต์ ดุก ยังพุ่งปัดออกหลังได้อย่างยอดเยี่ยม 1 นาทีให้หลัง แลมพาร์ด เปิดลูกคอร์เนอร์ให้ อเล็กซ์ ขึ้นมาโขกข้ามคาน
เชลซี ยังเปิดเกมรุกเข้ากระหน่ำอย่างไม่หยุดยั้ง นาทีที่ 26 กวาเรสมา เปิดลูกเตะมุมจากด้านซ้ายถูกเคลียร์ออกมา แลมพาร์ด เก็บตกด้วยการหวดสวนด้วยซ้ายถูก ซามูเอล ริคเก็ตต์ส บล็อกออกหลังไป จากนั้นช่วงครึ่งชั่วโมงแรก บัลลัค มีจังหวะปั่นฟรีคิกข้ามกำแพงชนิดที่ ดุก ยืนขาตายแล้ว แต่ลูกไปเฉี่ยวตาข่ายด้านข้างอย่างน่าเสียดาย
ฮัลล์ ที่นานๆ ครั้งจะได้บุกขึ้นมาเกือบพังประตูออกนำไปก่อนในนาทีที่ 40 เมื่อ ซามูเอล ริคเก็ตต์ส โยนโด่งจากปีกขวาเข้ากลาง เควิน คิลบาน โถมตัวเข้ามาโขกกดลงพื้น ฮิลาริโอ ได้แต่ชายตามองแล้ว ทว่า ลูกไปชนเสาออกหลังอย่างน่าเสียดาย จบครึ่งแรกยังเสมอกันอยู่ 0-0
กลับมาสู้กันต่อในครึ่งหลัง นาทีที่ 54 เฟแกน โฉบเอาบอลจาก จอห์น โอบี มิเกล ได้ก่อนลากเข้าไปชิป แต่เบาเกินไปถูก ฮิลาริโอ กระโดดคว้าเอาไว้ได้ ก่อนที่ แอชลีย์ โคล จะลองทำแบบเดียวกันใน 4 นาทีต่อมา หลังจากเห็น ดุก ออกมาจากเส้นประตู ทว่าก็ล้นข้ามคานออกหลัง
ทีมเยือนหวิดได้ประตูออกนำในนาทีที่ 68 โดย โจวานนี จ่ายตัดแนวรับให้ ดีน มาร์นีย์ สอดเข้าไปหักข้อซัดในเขตโทษลูกถากเสาสองไปเพียงนิดเดียว จากนั้น 2 นาทีมีจังหวะปัญหาเกิดขึ้น เมื่อ กาลู ยิงไกลไปติดแขน แอนดี ดอว์สัน ในเขตโทษ แต่ผู้ตัดสิน ลี เมสัน ไม่จับแฮนด์บอล ปล่อยให้เล่นต่อ
ช่วงท้ายเกมต่างฝ่ายต่างเปิดแลกหวังเอาชนะ นาทีที่ 87 ดิดิเยร์ ดร็อกบา ยิงฟรีคิกหลุดทางเสาแรก ก่อนที่ เอียน แอชบี จะลุ้นให้อาคันตุกะในนาทีสุดท้ายแต่ก็ซัดออกข้างเสาไปเอง จบเกมจึงเสมอกันไปแบบไม่มีประตูเกิดขึ้น 0-0 เชลซี เก็บเพิ่มเป็น 49 คะแนน ทว่าถูก แอสตัน วิลลา ที่บุกไปชนะ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 2-0 เบียดตกลงมาอยู่ที่ 4 ส่วน ฮัลล์ มี 29 คะแนน อยู่อันดับ 12 ของตาราง
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เชลซี – เฮนริเก ฮิลาริโอ, โฮเซ โบซิงวา, อเล็กซ์, จอห์น เทอร์รี, แอชลีย์ โคล, จอห์น โอบี มิเกล, มิชาเอล บัลลัค, แฟรงค์ แลมพาร์ด, ซาโลมง กาลู, ริคาร์โด กวาเรสมา, นิโกลาส์ อเนลกา
ฮัลล์ ซิตี – แม็ตต์ ดุก, ซามูเอล ริคเก็ตต์ส, ไมเคิล เทอร์เนอร์, คามิล ซายัตเต, แอนดี ดอว์สัน, เอียน แอชบี, ดีน มาร์นีย์, โจวานนี, เควิน คิลบาน, ริชาร์ด การ์เซีย, เคร็ก เฟแกน
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ
แมนเชสเตอร์ ซิตี ชนะ มิดเดิลสโบรช์ 1-0 (เคร็ก เบลลามี 1-0 น.52)
แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส แพ้ แอสตัน วิลลา 0-2 (เจมส์ มิลเนอร์ 0-1 น.27), (กาเบรียล อักบอนลาฮอร์ 0-2 น.90)
เชลซี เสมอ ฮัลล์ ซิตี 0-0
เอฟเวอร์ตัน ชนะ โบลตัน วันเดอเรอร์ส 3-0 (มิเกล อาร์เตตา 1-0 จุดโทษ น.40), (โจ 2-0 น.49), (โจ 3-0 จุดโทษ น.90)
ซันเดอร์แลนด์ ชนะ สโต๊ค ซิตี 2-0 (เคนวีน โจนส์ 1-0 น.78), (เดวิด ฮีลี 2-0 น.90)
เวสต์บรอมวิช อัลเบียน แพ้ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 2-3 (เดเมียน ดัฟฟ์ 0-1 น.2), (มาร์ค-อองตวน ฟอร์จูน 1-1 น.4), (ปีเตอร์ โลเวนครานด์ส 1-2 น.9), (สตีเวน เทย์เลอร์ 1-3 น.41), (มาร์ค-อองตวน ฟอร์จูน 2-3 น.73)
วีแกน แอธเลติก เสมอ ฟูแลม 0-0
ปอร์ทสมัธ แพ้ ลิเวอร์พูล 2-3 (เดวิด นูเจนท์ 1-0 น.62), (ฟาบิโอ ออเรลิโอ 1-1 น.69), (เฮอร์มัน ไฮร์ดาร์สสัน 2-1 น.78), (เดิร์ก เคาท์ 2-2 น.85), (เฟอร์นานโด ตอร์เรส 2-3 น.90)