"สิงห์บลูส์" เชลซี ไล่ถล่ม "ม้าขาว" อิปสวิช ไปอย่างสบาย 3-1 ขณะที่ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด และ ฮัล ซิตี ไม่พลาดเอาชนะทีมรองไปได้ ส่วน ปอร์ทสมัธ แชมป์เก่าพลาดท่าตกรอบหลังถูก สวอนซี บุกมาคว้าชัยคาถิ่น ในการแข่งขันฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบสี่ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา
ผลการแข่งขันฟุตบอล เอฟเอ คัพ รอบสี่
เชลซี 3-1 อิปสวิช
เชลซี ของ หลุยส์ เฟลิเป สโคลารี พลาดการใช้งาน จอห์น เทอร์รี กัปตันทีมเนื่องจากมีปัญหาอาการบาดเจ็บหลังมาตั้งแต่การลงสนามนัดก่อน และ จอห์น โอบี มิเกล ที่ติดโทษแบน รวมถึงยังดร็อป ดิดิเยร์ ดร็อกบา เป็นเพียงตัวสำรองต่อไป ขณะที่ อิปสวิช ของ จิม มาจิลตัน มีข่าวดีเมื่อ เดวิด ไรท์ ปราการหลังตัวสำคัญหายเจ็บกลับมาได้ทัน แต่จะหมดสิทธิ์ใช้งาน โมริตซ์ โวลซ์ และ เบน แธทเชอร์ เนื่องจากบาดเจ็บ
เริ่มเกมครึ่งแรก เชลซี ไม่รอช้ามีโอกาสลุ้นทำประตูก่อนเลยในนาทีที่ 3 เมื่อ มาลูดา ได้ซัดก่อนจังหวะแรกแต่ไปติดกองหลัง ก่อนที่บอลจะกระดอนมาเข้าทาง แลมพาร์ด ซัดแบบเต็มระยะ 10 หลา แต่ ริชาร์ด ไรท์ นายทวารคู่แข่งปัดทิ้งไว้ได้อย่างหวุดหวิด ด้าน อิปสวิช ซึ่งเป็นรองกว่าพยายามใช้ลูกโด่งเข้าโจมตีแต่ ปีเตอร์ เช็ก ไม่พลาดรับไว้ได้หมด และแล้วในที่สุด "สิงห์บลูส์" มาซัลโวออกนำก่อนในนาทีที่ 16 เมื่อ แอชลีย์ โคล เติมเกมขึ้นมาทางซ้าย ก่อนกระชากหนีกองหลังทีมเยือนเปิดบอลมาให้ บัลลัค ซัดไม่เหลือซากเจ้าถิ่นนำ 1-0
หลังทำประตูขึ้นนำเจ้าบ้านยิ่งได้ใจทำเกมรุกต่อเนื่อง นาทีที่ 19 แลมพาร์ด ลากตะลุยขึ้นมาก่อนจะถูกทำฟาวล์หน้าเขตโทษระยะ 20 หลา โดย อเล็กซ์ บรูซ ของทีมเยือนถูกใบเหลือง ก่อนที่มิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษจะลุกขึ้นมาซัดฟรีคิกเองแต่หลุดกรอบประตูออกไป อีกสองนาทีต่อมา บัลลัค ได้ชาร์ตบอลจากลูกเปิดหน้าเขตโทษอีกครั้ง แต่คราวนี้หลุดเสาออกไปนิดเดียว
เชลซี กำลังบุกอย่างเพลินๆ กลับกลายมาถูกยิงประตูตีเสมอในนาทีที่ 34 จากความหละหลวมในการป้องกันลูกตั้งเตะเหมือนเดิม โดย การ์วาน รับหน้าที่เปิดฟรีคิกเข้าไปในกรอบเขตโทษให้ บรูซ ที่วิ่งล่อหลอกอยู่หน้าประตูโฉบมายิงเข้าไปให้ อิปสวิช ตีเสมอ 1-1
"ม้าขาว" ได้แรงฮึดทำเกมบุกขึ้นมายังพื้นที่เจ้าถิ่นมากขึ้นและเกือบมีลุ้นในนาทีที่ 39 เมื่อ ทอมมี มิลเลอร์ ผู้เล่นตำแหน่งมิดฟิลด์ หลุดเข้าไปยิงในเขตโทษ แต่ ปีเตอร์ เช็ก แก้ตัวให้กองหลังพุ่งเซฟไว้ได้อย่างหวุดหวิด ช่วงท้ายเกม แลมพาร์ด ลองยิงไกลนอกกรอบอีกครั้งแต่ไม่ตรงประตูทำให้จบ 45 นาทีแรกทั้งสองทีมเสมอกันอยู่ 1-1
เริ่มครึ่งหลัง เชลซี ยังหาโอกาสยิงประตูคู่แข่งแบบชัดเจนไม่ได้ต้องอาศัยการยิงไกลมากขึ้นแต่ก็ยังไม่แม่นยำเช่นเดิม รวมถึงบางจังหวะ ริชาร์ด ไรท์ นายด่านทีมเยือนทำหน้าที่ได้ดีป้องกันลูกยิงไว้ได้ มาถึงนาทีที่ 58 แลมพาร์ด เกือบทำประตูให้ทีมขึ้นนำเมื่อได้โอกาสยิงในเขตโทษแบบเน้น แต่กลับซัดเหินข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย
มาถึงนาทีที่ 58 สโคลารี ตัดสินใจแก้เกมด้วยการส่ง ดิดิเยร์ ดร็อกบา ดาวยิงไอเวอรี โคสต์ ลงสนามมาแทน มาลูดา ที่ไม่ค่อยมีส่วนกับเกมในวันนี้ และเพียงนาทีต่อมา เชลซี ก็เป็นฝ่ายทำประตูออกนำอีกครั้ง เมื่อทีมมาได้ลูกฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษ คราวนี้เป็น บัลลัค ลองซัดเองและไม่พลาดบอลพุ่งผ่านมือ ไรท์ เข้าไปให้เจ้าถิ่นนำอีกเป็น 2-1
กัปตันทีมชาติเยอรมนีเกือบทำแฮตทริกได้ในนาทีที่ 68 เมื่อได้ลากบอลขึ้นไปยิงแต่ ไรท์ ออกแรงเซฟได้เยี่ยมปัดทิ้งไปได้ ช่วง 15 นาทีสุดท้าย อิปสวิช หันมาเล่นลูกโด่งโยนยาวเข้าไปลุ้นในกรอบเขตโทษคู่แข่งอีกครั้ง แต่จนแล้วจนรอดกองหลังเจ้าบ้านก็ไม่ทำผิดพลาดสกัดเคลียร์ทิ้งได้หมด จนมาถึงช่วง 5 นาทีสุดท้าย แลมพาร์ด มาทำประตูให้ เชลซี นำห่างเป็น 3-1 เมื่อได้ซัดระยะ 30 หลา บอลเสียบใต้คานอย่างสวยงาม หลังจากนั้นก็ไม่มีทีมใดทำประตูเพิ่มได้จบ 90 นาที "สิงห์บลูส์" ผ่านเข้าสู่รอบต่อไป
ด้านผลการแข่งขันคู่อื่น เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ทำผลงานได้สวยเมื่อบุกไปเอาชนะ ฮาร์เทิลพูล อย่างไม่ยากเย็น 2-0 จากการทำประตูของ วาลอน เบห์รามี ในนาทีที่ 44 ก่อนที่นาทีถัดมา มาร์ก โนเบิล จะซัดจุดโทษปิดกล่อง ขณะที่ ปอร์ทสมัธ แชมป์เก่ามีอันต้องตกรอบไปหลังจากถูก สวอนซี บุกมาคว้าชัยชนะถึงถิ่น 0-2 ส่วน ฮัล ซิตี ผ่านรอบต่อไปอย่างไม่ปัญหาเมื่อเอาชนะ มิลล์วอลล์ ไป 2-0 จากการทำประตูของ ไมเคิล เทอร์เนอร์ นาทีที่ 15 ก่อนที่ เอียน แอชบี จะมาซัดย้ำชัยช่วย 5 นาทีสุดท้าย
รายชื่อผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก, โฮเซ โบซิงวา, ริคาร์โด คาวัลโญ, อเล็กซ์, แอชลีย์ โคล, ยูเลียโน เบลเล็ตติ, มิชาเอล บัลลัค, แฟรงค์ แลมพาร์ด, ฟลอรองต์ มาลูดา, ซาโลมอน กาลู, นิโกลาส์ อเนลกา
อิปสวิช : ริชาร์ด ไรท์, เดวิด ไรท์, แกเร็ธ แม็คออเลย์, อเล็กซ์ บรูซ, พิม บัลเกสไตน์ ,โอเวน การ์วาน, ทอมมี มิลเลอร์, เดวิด นอร์ริส ,แดนนี เฮย์เนส, พาโบล กอนซาเลส คูนาโก, โจนาธาน วอลเตอร์ส
ผลการแข่งขันฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบสี่
ฮาร์ทลีพูล แพ้ เวสต์แฮม 0-2
[0-1 : วาลอน เบห์รามี น.44], [0-2 : มาร์ก โนเบิล ลูกจุดโทษ น.45]
เชลซี ชนะ อิปสวิช 3-1
[1-0 : มิชาเอล บัลลัค น.16], [1-1 : อเล็กซ์ บรูซ น.59], [2-1 : มิชาเอล บัลลัค น.59], [3-1 : แฟรงค์ แลมพาร์ด น.85]
ดอนคาสเตอร์ เสมอ แอสตัน วิลลา 0-0
ฮัล ซิตี ชนะ มิลวอลล์ 1-0
[1-0 : ไมเคิล เทอร์เนอร์ นง15], [2-0 : เอียน แอชบี น.84]
เก็ตเตอริง แพ้ ฟูแลม 2-4
[0-1 : ไซมอน เดวิส์ นง12], [1-1 : เคร็ก เวสต์คาร์ น.36], [1-2 : แดนนี เมอร์ฟีย์ น.77], [2-2 : เคร็ก เวสต์คาร์ ลูกจุดโทษ นง83], [2-3 : แอนดรูว์ จอห์นสัน น.88], [2-4 : บ็อบบี ซาโมรา น.89]
ปอร์ทสมัธ แพ้ สวอนซี 0-2
[0-1 : นาธาน ไดเออร์ น.26], [0-2 : เจสัน สกอตแลนด์ ลูกจุดโทษ น.45]
เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ชนะ ชาร์ลตัน 2-1
[1-0 : แดนนี เวบเบอร์ น.26], [2-0 : ลี เฮนดรี น.62], [2-1 : คริส ดิกสัน น.69]
ซันเดอร์แลนด์ เสมอ แบล็กเบิร์น 0-0
ทอร์คีย์ แพ้ โคเวนทรี 0-1
[0-1 : เอเลียตต์ วาร์ด นง87]
วัตฟอร์ด ชนะ คริสตัล พาเลซ 4-3
[1-0 : เจย์ เด เมอริต น.17], [2-0 : แจ็ค คอร์ก น.27], [2-1 : คลินท์ ฮิลล์ น.48], [3-1 : วิล ฮอสกินส์ น.67], [4-1 : เกอร์เซกอร์ซ ราเซียค น.70], [4-2 : พอล ฟิล น.83] ,[4-3 : พอล ฟิล น.90]
เวสต์บรอมวิช เสมอ เบิร์นลีย์ 2-2
[0-1 : แกรแฮม อเล็กซานเดอร์ น.25], [1-1 : โรเบิร์ต โกเรน น.31], [2-1 : คิม โด เฮียน น.45], [2-2 : มาร์ติน แพเตอร์สัน น.89]
วูล์ฟแฮมป์ตัน แพ้ มิดเดิลสโบรช์ 1-2
[0-1 : อฟอนโซ อัลเวส น.44], [1-1 : แซม โวกส์ น.63], [1-2 : มาร์วิน เอมเนส น.83]
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ 2-1
[0-1 : โรมัน พาฟลูเชนโก น.5], [1-1 : พอล สโคลส์ น.35], [1-2 : ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ น.36]
ผลการแข่งขันฟุตบอล เอฟเอ คัพ รอบสี่
เชลซี 3-1 อิปสวิช
เชลซี ของ หลุยส์ เฟลิเป สโคลารี พลาดการใช้งาน จอห์น เทอร์รี กัปตันทีมเนื่องจากมีปัญหาอาการบาดเจ็บหลังมาตั้งแต่การลงสนามนัดก่อน และ จอห์น โอบี มิเกล ที่ติดโทษแบน รวมถึงยังดร็อป ดิดิเยร์ ดร็อกบา เป็นเพียงตัวสำรองต่อไป ขณะที่ อิปสวิช ของ จิม มาจิลตัน มีข่าวดีเมื่อ เดวิด ไรท์ ปราการหลังตัวสำคัญหายเจ็บกลับมาได้ทัน แต่จะหมดสิทธิ์ใช้งาน โมริตซ์ โวลซ์ และ เบน แธทเชอร์ เนื่องจากบาดเจ็บ
เริ่มเกมครึ่งแรก เชลซี ไม่รอช้ามีโอกาสลุ้นทำประตูก่อนเลยในนาทีที่ 3 เมื่อ มาลูดา ได้ซัดก่อนจังหวะแรกแต่ไปติดกองหลัง ก่อนที่บอลจะกระดอนมาเข้าทาง แลมพาร์ด ซัดแบบเต็มระยะ 10 หลา แต่ ริชาร์ด ไรท์ นายทวารคู่แข่งปัดทิ้งไว้ได้อย่างหวุดหวิด ด้าน อิปสวิช ซึ่งเป็นรองกว่าพยายามใช้ลูกโด่งเข้าโจมตีแต่ ปีเตอร์ เช็ก ไม่พลาดรับไว้ได้หมด และแล้วในที่สุด "สิงห์บลูส์" มาซัลโวออกนำก่อนในนาทีที่ 16 เมื่อ แอชลีย์ โคล เติมเกมขึ้นมาทางซ้าย ก่อนกระชากหนีกองหลังทีมเยือนเปิดบอลมาให้ บัลลัค ซัดไม่เหลือซากเจ้าถิ่นนำ 1-0
หลังทำประตูขึ้นนำเจ้าบ้านยิ่งได้ใจทำเกมรุกต่อเนื่อง นาทีที่ 19 แลมพาร์ด ลากตะลุยขึ้นมาก่อนจะถูกทำฟาวล์หน้าเขตโทษระยะ 20 หลา โดย อเล็กซ์ บรูซ ของทีมเยือนถูกใบเหลือง ก่อนที่มิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษจะลุกขึ้นมาซัดฟรีคิกเองแต่หลุดกรอบประตูออกไป อีกสองนาทีต่อมา บัลลัค ได้ชาร์ตบอลจากลูกเปิดหน้าเขตโทษอีกครั้ง แต่คราวนี้หลุดเสาออกไปนิดเดียว
เชลซี กำลังบุกอย่างเพลินๆ กลับกลายมาถูกยิงประตูตีเสมอในนาทีที่ 34 จากความหละหลวมในการป้องกันลูกตั้งเตะเหมือนเดิม โดย การ์วาน รับหน้าที่เปิดฟรีคิกเข้าไปในกรอบเขตโทษให้ บรูซ ที่วิ่งล่อหลอกอยู่หน้าประตูโฉบมายิงเข้าไปให้ อิปสวิช ตีเสมอ 1-1
"ม้าขาว" ได้แรงฮึดทำเกมบุกขึ้นมายังพื้นที่เจ้าถิ่นมากขึ้นและเกือบมีลุ้นในนาทีที่ 39 เมื่อ ทอมมี มิลเลอร์ ผู้เล่นตำแหน่งมิดฟิลด์ หลุดเข้าไปยิงในเขตโทษ แต่ ปีเตอร์ เช็ก แก้ตัวให้กองหลังพุ่งเซฟไว้ได้อย่างหวุดหวิด ช่วงท้ายเกม แลมพาร์ด ลองยิงไกลนอกกรอบอีกครั้งแต่ไม่ตรงประตูทำให้จบ 45 นาทีแรกทั้งสองทีมเสมอกันอยู่ 1-1
เริ่มครึ่งหลัง เชลซี ยังหาโอกาสยิงประตูคู่แข่งแบบชัดเจนไม่ได้ต้องอาศัยการยิงไกลมากขึ้นแต่ก็ยังไม่แม่นยำเช่นเดิม รวมถึงบางจังหวะ ริชาร์ด ไรท์ นายด่านทีมเยือนทำหน้าที่ได้ดีป้องกันลูกยิงไว้ได้ มาถึงนาทีที่ 58 แลมพาร์ด เกือบทำประตูให้ทีมขึ้นนำเมื่อได้โอกาสยิงในเขตโทษแบบเน้น แต่กลับซัดเหินข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย
มาถึงนาทีที่ 58 สโคลารี ตัดสินใจแก้เกมด้วยการส่ง ดิดิเยร์ ดร็อกบา ดาวยิงไอเวอรี โคสต์ ลงสนามมาแทน มาลูดา ที่ไม่ค่อยมีส่วนกับเกมในวันนี้ และเพียงนาทีต่อมา เชลซี ก็เป็นฝ่ายทำประตูออกนำอีกครั้ง เมื่อทีมมาได้ลูกฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษ คราวนี้เป็น บัลลัค ลองซัดเองและไม่พลาดบอลพุ่งผ่านมือ ไรท์ เข้าไปให้เจ้าถิ่นนำอีกเป็น 2-1
กัปตันทีมชาติเยอรมนีเกือบทำแฮตทริกได้ในนาทีที่ 68 เมื่อได้ลากบอลขึ้นไปยิงแต่ ไรท์ ออกแรงเซฟได้เยี่ยมปัดทิ้งไปได้ ช่วง 15 นาทีสุดท้าย อิปสวิช หันมาเล่นลูกโด่งโยนยาวเข้าไปลุ้นในกรอบเขตโทษคู่แข่งอีกครั้ง แต่จนแล้วจนรอดกองหลังเจ้าบ้านก็ไม่ทำผิดพลาดสกัดเคลียร์ทิ้งได้หมด จนมาถึงช่วง 5 นาทีสุดท้าย แลมพาร์ด มาทำประตูให้ เชลซี นำห่างเป็น 3-1 เมื่อได้ซัดระยะ 30 หลา บอลเสียบใต้คานอย่างสวยงาม หลังจากนั้นก็ไม่มีทีมใดทำประตูเพิ่มได้จบ 90 นาที "สิงห์บลูส์" ผ่านเข้าสู่รอบต่อไป
ด้านผลการแข่งขันคู่อื่น เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ทำผลงานได้สวยเมื่อบุกไปเอาชนะ ฮาร์เทิลพูล อย่างไม่ยากเย็น 2-0 จากการทำประตูของ วาลอน เบห์รามี ในนาทีที่ 44 ก่อนที่นาทีถัดมา มาร์ก โนเบิล จะซัดจุดโทษปิดกล่อง ขณะที่ ปอร์ทสมัธ แชมป์เก่ามีอันต้องตกรอบไปหลังจากถูก สวอนซี บุกมาคว้าชัยชนะถึงถิ่น 0-2 ส่วน ฮัล ซิตี ผ่านรอบต่อไปอย่างไม่ปัญหาเมื่อเอาชนะ มิลล์วอลล์ ไป 2-0 จากการทำประตูของ ไมเคิล เทอร์เนอร์ นาทีที่ 15 ก่อนที่ เอียน แอชบี จะมาซัดย้ำชัยช่วย 5 นาทีสุดท้าย
รายชื่อผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก, โฮเซ โบซิงวา, ริคาร์โด คาวัลโญ, อเล็กซ์, แอชลีย์ โคล, ยูเลียโน เบลเล็ตติ, มิชาเอล บัลลัค, แฟรงค์ แลมพาร์ด, ฟลอรองต์ มาลูดา, ซาโลมอน กาลู, นิโกลาส์ อเนลกา
อิปสวิช : ริชาร์ด ไรท์, เดวิด ไรท์, แกเร็ธ แม็คออเลย์, อเล็กซ์ บรูซ, พิม บัลเกสไตน์ ,โอเวน การ์วาน, ทอมมี มิลเลอร์, เดวิด นอร์ริส ,แดนนี เฮย์เนส, พาโบล กอนซาเลส คูนาโก, โจนาธาน วอลเตอร์ส
ผลการแข่งขันฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบสี่
ฮาร์ทลีพูล แพ้ เวสต์แฮม 0-2
[0-1 : วาลอน เบห์รามี น.44], [0-2 : มาร์ก โนเบิล ลูกจุดโทษ น.45]
เชลซี ชนะ อิปสวิช 3-1
[1-0 : มิชาเอล บัลลัค น.16], [1-1 : อเล็กซ์ บรูซ น.59], [2-1 : มิชาเอล บัลลัค น.59], [3-1 : แฟรงค์ แลมพาร์ด น.85]
ดอนคาสเตอร์ เสมอ แอสตัน วิลลา 0-0
ฮัล ซิตี ชนะ มิลวอลล์ 1-0
[1-0 : ไมเคิล เทอร์เนอร์ นง15], [2-0 : เอียน แอชบี น.84]
เก็ตเตอริง แพ้ ฟูแลม 2-4
[0-1 : ไซมอน เดวิส์ นง12], [1-1 : เคร็ก เวสต์คาร์ น.36], [1-2 : แดนนี เมอร์ฟีย์ น.77], [2-2 : เคร็ก เวสต์คาร์ ลูกจุดโทษ นง83], [2-3 : แอนดรูว์ จอห์นสัน น.88], [2-4 : บ็อบบี ซาโมรา น.89]
ปอร์ทสมัธ แพ้ สวอนซี 0-2
[0-1 : นาธาน ไดเออร์ น.26], [0-2 : เจสัน สกอตแลนด์ ลูกจุดโทษ น.45]
เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ชนะ ชาร์ลตัน 2-1
[1-0 : แดนนี เวบเบอร์ น.26], [2-0 : ลี เฮนดรี น.62], [2-1 : คริส ดิกสัน น.69]
ซันเดอร์แลนด์ เสมอ แบล็กเบิร์น 0-0
ทอร์คีย์ แพ้ โคเวนทรี 0-1
[0-1 : เอเลียตต์ วาร์ด นง87]
วัตฟอร์ด ชนะ คริสตัล พาเลซ 4-3
[1-0 : เจย์ เด เมอริต น.17], [2-0 : แจ็ค คอร์ก น.27], [2-1 : คลินท์ ฮิลล์ น.48], [3-1 : วิล ฮอสกินส์ น.67], [4-1 : เกอร์เซกอร์ซ ราเซียค น.70], [4-2 : พอล ฟิล น.83] ,[4-3 : พอล ฟิล น.90]
เวสต์บรอมวิช เสมอ เบิร์นลีย์ 2-2
[0-1 : แกรแฮม อเล็กซานเดอร์ น.25], [1-1 : โรเบิร์ต โกเรน น.31], [2-1 : คิม โด เฮียน น.45], [2-2 : มาร์ติน แพเตอร์สัน น.89]
วูล์ฟแฮมป์ตัน แพ้ มิดเดิลสโบรช์ 1-2
[0-1 : อฟอนโซ อัลเวส น.44], [1-1 : แซม โวกส์ น.63], [1-2 : มาร์วิน เอมเนส น.83]
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ 2-1
[0-1 : โรมัน พาฟลูเชนโก น.5], [1-1 : พอล สโคลส์ น.35], [1-2 : ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ น.36]