ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ดาวยิงชาวบัลแกเรียซัลโวใส่ต้นสังกัดเก่าพร้อมกับเป็นประตูชัยช่วยให้ "ผีแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พลิกกลับมาเอาชนะ "ไก่เดือยทอง" ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ 2-1 หลังจากถูกนำไปก่อน ในการแข่งขันฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบสี่ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา
ผลการแข่งขันฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบสี่
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-1 ท็อตแนม ฮอตสเปอร์
แมนฯ ยูไนเต็ด ของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน พลาดการใช้งานผู้เล่นชุดใหญ่ร่วม 10 คนเนื่องจากปัญหาอาการบาดเจ็บ แต่สำหรับเกมนี้ยังมี คริสเตียโน โรนัลโด นักเตะยอดเยี่ยมของโลก และ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ กองหน้าชาวบัลแกเรีย ลงทำเกมรุกแดนหน้า ขณะที่ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ของ แฮร์รี เรดแนปป์ ก็มีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บหลายคนเช่นกันทั้ง เฮเรลโญ โกเมซ ผู้รักษาประตูมือ 1 , เจมี โอฮารา เจ็บตะโพก หรือ เลดลีย์ คิง ที่เจ็บต้นขา เป็นต้น อย่างไรก็ตามทีมยังมี ลูกา โมดริซ และ โรมัน พาฟลูเชนโก ลงล่าตาข่าย
เริ่มเกมครึ่งแรกมาเพียง 5 นาที สเปอร์ส ก็มาทำประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็วเมื่อเกมรับของเจ้าถิ่นคุมกันได้ไม่ดีปล่อยให้ ฮัดเดิลสตัน ครองบอลได้ก่อนจะเปิดเข้ากลางมาให้ พาฟลูเชนโก เบียดเอาชนะ วิดิช แทรกมาโหม่งบอลผ่านมือ ฟอสเตอร์ เข้าไป ทีมเยือนขยับสกอร์ 1-0
นาทีที่ 10 สโคลส์ วางบอลยาวขึ้นมาให้ เบอร์บาตอฟ จับบอลนิ่มๆ แบบสวยงามแต่ดันยิงหลุดเสาออกไปเอง มาถึงนาทีที่ 18 แมนฯ ยูไนเต็ด น่าทำประตูตีเสมอเมื่อ เตเบซ ได้ยิงบริเวณริมกรอบเขตโทษ บอลพุ่งแรงหมดสิทธิ์ที่ อัลนิก จะเซฟได้แล้วแต่กลับไปชนคานอย่างน่าเสียดาย ผีแดงมาเป็นชุด อีกสามนาทีต่อมาเป็นโอกาสของ เวลเบ็ก บ้างเมื่อเล่นชิงกับเพื่อนร่วมทีมก่อนหลุดเข้าไปยิงแต่ กันเตอร์ ของทีมเยือนเข้ามาบล็อกสกัดได้อย่างหวุดหวิด
ผ่านครึ่งชั่วโมงแรกเกมดำเนินไปอย่างวันเวย์ เมื่อเจ้าถิ่นโหมบุกหนักอยู่ฝ่ายเดียวและในสุดก็มาทำประตูตีเสมอจนได้ในนาทีที่ 35 จากจังหวะที่ สโคลส์ ซัดบอลจากนอกกรอบเขตโทษบอลไปแฉลบ ฮัดเดิลสตัน เปลี่ยนทางเข้าประตูไปให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ไล่ตีเสมอ 1-1
เพียงอึดใจเดียว ลูกทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันทำประตูพลิกขึ้นนำจนได้ เมื่อ คาร์ริก จ่ายบอลจากนอกเขตโทษมาให้ เบอร์บาตอฟ ซัดผ่านมือนายทวารทีมเยือนเข้าไปให้ "ผีแดง" พลิกนำอย่างทันควัน 2-1 โดยช่วงท้ายเกม สเปอร์ส มีลุ้นเล็กน้อยจาก เบนท์ลีย์ ลองยิงไกลระยะ 30 หลาแต่เหินข้ามคานไปทำให้จบ 45 นาทีแรกเจ้าบ้านนำอยู่ 2-1
เริ่มเกมครึ่งหลัง เรดแนปป์ ตัดสินใจแก้เกมด้วยการส่ง จิโอวานนี ดอส ซานโตส ดาวรุ่งชาวเม็กซิกัน ลงสนามแทนที่ โมดริซ ที่ปั้นเกมไม่ออกและ สเปอร์ส ก็มีโอกาสลุ้นทำประตูตีเสมอทันทีในนาทีที่ 47 เมื่อ เบนท์ลีย์ ชิพบอลเข้าไปให้ เบล ที่เติมเกมขึ้นมาหลุดไปยิง แต่ก็ซัดออกไปเองเหมือนเดิม ดูเหมือนว่าทีมเยือนจะครองเกมเหนือกว่าเล็กน้อยและมีโอกาสอีกครั้งในนาทีที่ 57 เมื่อ เอก็อตโต เติมเกมขึ้นมาทางริมเส้นด้านขวาก่อนจะเปิดบอลเข้ากลาง กองหลังผีแดงสกัดไม่ดีบอลลอยโด่งมาเข้าทาง เบนท์ลีย์ สับไกยิงหน้าเขตโทษ บอลหลุดเสาออกไปอีก
ผ่านหนึ่งชั่วโมงแรก การทำเกมของทั้งสองทีมเริ่มเนือยลงๆ ไม่ดุดันเหมือนช่วงแรกและโอกาสส่องทำประตูคู่แข่งแบบชัดเจนแทบไม่ปรากฏ กุนซือของทั้งสองทีมพยายามแก้เกมด้วยการส่งผู้เล่นสำรองลงสนามมาเพื่อเป็นจุดพลิกผัน โดย สเปอร์ส ส่ง อเดล ทารับต์ และ เจอร์แมน เดโฟ ลงสนามมา ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ถอด คริสเตียโน โรนัลโด ออกพร้อมกับส่ง โซรัน โทซิช ปีกชาวเซิร์บลงประเดิมสนาม
เข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้าย "ผีแดง" มีลุ้นอีกครั้งจากจังหวะลูกตั้งเตะ โทซิช รับหน้าที่เปิดเข้ากลางมาและเป็น สโคลส์ ลองซัดก่อนคราวแรก แต่ถูกเกมรับบล็อกไว้ได้ บอลกระดอนออกมาเข้าทาง คาร์ริก ตามยิงซ้ำอีกรอบ แต่บอลหลุดกรอบประตูออกไปเหมือนเดิม มาถึงนาทีที่ 84 สเปอร์ส มาได้ลุ้นจังหวะสุดท้ายเมื่อ เอก็อตโต เติมเกมขึ้นมาทางขวา ก่อนเปิดให้ จิโอวานี เข้าชาร์ต แต่บอลก็ไม่ตรงเป้าหมายอีกเหมือนเดิมทำให้สุดท้ายจบ 90 นาที แมนฯ ยูไนเต็ด เฉือนเอาชนะไป 2-1 พร้อมผ่านเข้าสู่รอบต่อไป
รายชื่อผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
แมนฯ ยูไนเต็ด : เบน ฟอสเตอร์, จอห์น โอเชีย, แกรี เนวิลล์ ,เนมันยา วิดิช, ฟาบิโอ ดา ซิลวา, ไมเคิล คาร์ริก ,พอล สโคลส์, คริสเตียโน โรนัลโด, แดนนี เวลเบ็ค, ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ, คาร์ลอส เตเบซ
ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ : เบน อัลนิก, คริส กันเตอร์, เวดรัน ชอร์ลูกา, ไมเคิล ดอว์สัน, เบนัวต์ แอสซู-เอก็อตโต, แกเร็ธ เบล, เดวิด เบนท์ลีย์, ทอม ฮัดเดิลสตัน, ดิดิเยร์ โซโกรา, ลูกา โมดริซ, โรมัน พาฟลูเชนโก
ผลการแข่งขันฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบสี่
ฮาร์ทลีพูล แพ้ เวสต์แฮม 0-2
[0-1 : วาลอน เบห์รามี น.44], [0-2 : มาร์ก โนเบิล ลูกจุดโทษ น.45]
เชลซี ชนะ อิปสวิช 3-1
[1-0 : มิชาเอล บัลลัค น.16], [1-1 : อเล็กซ์ บรูซ น.59], [2-1 : มิชาเอล บัลลัค น.59], [3-1 : แฟรงค์ แลมพาร์ด น.85]
ดอนคาสเตอร์ เสมอ แอสตัน วิลลา 0-0
ฮัล ซิตี ชนะ มิลวอลล์ 1-0
[1-0 : ไมเคิล เทอร์เนอร์ นง15], [2-0 : เอียน แอชบี น.84]
เก็ตเตอริง แพ้ ฟูแลม 2-4
[0-1 : ไซมอน เดวิส์ นง12], [1-1 : เคร็ก เวสต์คาร์ น.36], [1-2 : แดนนี เมอร์ฟีย์ น.77], [2-2 : เคร็ก เวสต์คาร์ ลูกจุดโทษ นง83], [2-3 : แอนดรูว์ จอห์นสัน น.88], [2-4 : บ็อบบี ซาโมรา น.89]
ปอร์ทสมัธ แพ้ สวอนซี 0-2
[0-1 : นาธาน ไดเออร์ น.26], [0-2 : เจสัน สกอตแลนด์ ลูกจุดโทษ น.45]
เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ชนะ ชาร์ลตัน 2-1
[1-0 : แดนนี เวบเบอร์ น.26], [2-0 : ลี เฮนดรี น.62], [2-1 : คริส ดิกสัน น.69]
ซันเดอร์แลนด์ เสมอ แบล็กเบิร์น 0-0
ทอร์คีย์ แพ้ โคเวนทรี 0-1
[0-1 : เอเลียตต์ วาร์ด นง87]
วัตฟอร์ด ชนะ คริสตัล พาเลซ 4-3
[1-0 : เจย์ เด เมอริต น.17], [2-0 : แจ็ค คอร์ก น.27], [2-1 : คลินท์ ฮิลล์ น.48], [3-1 : วิล ฮอสกินส์ น.67], [4-1 : เกอร์เซกอร์ซ ราเซียค น.70], [4-2 : พอล ฟิล น.83] ,[4-3 : พอล ฟิล น.90]
เวสต์บรอมวิช เสมอ เบิร์นลีย์ 2-2
[0-1 : แกรแฮม อเล็กซานเดอร์ น.25], [1-1 : โรเบิร์ต โกเรน น.31], [2-1 : คิม โด เฮียน น.45], [2-2 : มาร์ติน แพเตอร์สัน น.89]
วูล์ฟแฮมป์ตัน แพ้ มิดเดิลสโบรช์ 1-2
[0-1 : อฟอนโซ อัลเวส น.44], [1-1 : แซม โวกส์ น.63], [1-2 : มาร์วิน เอมเนส น.83]
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ 2-1
[0-1 : โรมัน พาฟลูเชนโก น.5], [1-1 : พอล สโคลส์ น.35], [1-2 : ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ น.36]
ผลการแข่งขันฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบสี่
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-1 ท็อตแนม ฮอตสเปอร์
แมนฯ ยูไนเต็ด ของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน พลาดการใช้งานผู้เล่นชุดใหญ่ร่วม 10 คนเนื่องจากปัญหาอาการบาดเจ็บ แต่สำหรับเกมนี้ยังมี คริสเตียโน โรนัลโด นักเตะยอดเยี่ยมของโลก และ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ กองหน้าชาวบัลแกเรีย ลงทำเกมรุกแดนหน้า ขณะที่ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ของ แฮร์รี เรดแนปป์ ก็มีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บหลายคนเช่นกันทั้ง เฮเรลโญ โกเมซ ผู้รักษาประตูมือ 1 , เจมี โอฮารา เจ็บตะโพก หรือ เลดลีย์ คิง ที่เจ็บต้นขา เป็นต้น อย่างไรก็ตามทีมยังมี ลูกา โมดริซ และ โรมัน พาฟลูเชนโก ลงล่าตาข่าย
เริ่มเกมครึ่งแรกมาเพียง 5 นาที สเปอร์ส ก็มาทำประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็วเมื่อเกมรับของเจ้าถิ่นคุมกันได้ไม่ดีปล่อยให้ ฮัดเดิลสตัน ครองบอลได้ก่อนจะเปิดเข้ากลางมาให้ พาฟลูเชนโก เบียดเอาชนะ วิดิช แทรกมาโหม่งบอลผ่านมือ ฟอสเตอร์ เข้าไป ทีมเยือนขยับสกอร์ 1-0
นาทีที่ 10 สโคลส์ วางบอลยาวขึ้นมาให้ เบอร์บาตอฟ จับบอลนิ่มๆ แบบสวยงามแต่ดันยิงหลุดเสาออกไปเอง มาถึงนาทีที่ 18 แมนฯ ยูไนเต็ด น่าทำประตูตีเสมอเมื่อ เตเบซ ได้ยิงบริเวณริมกรอบเขตโทษ บอลพุ่งแรงหมดสิทธิ์ที่ อัลนิก จะเซฟได้แล้วแต่กลับไปชนคานอย่างน่าเสียดาย ผีแดงมาเป็นชุด อีกสามนาทีต่อมาเป็นโอกาสของ เวลเบ็ก บ้างเมื่อเล่นชิงกับเพื่อนร่วมทีมก่อนหลุดเข้าไปยิงแต่ กันเตอร์ ของทีมเยือนเข้ามาบล็อกสกัดได้อย่างหวุดหวิด
ผ่านครึ่งชั่วโมงแรกเกมดำเนินไปอย่างวันเวย์ เมื่อเจ้าถิ่นโหมบุกหนักอยู่ฝ่ายเดียวและในสุดก็มาทำประตูตีเสมอจนได้ในนาทีที่ 35 จากจังหวะที่ สโคลส์ ซัดบอลจากนอกกรอบเขตโทษบอลไปแฉลบ ฮัดเดิลสตัน เปลี่ยนทางเข้าประตูไปให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ไล่ตีเสมอ 1-1
เพียงอึดใจเดียว ลูกทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันทำประตูพลิกขึ้นนำจนได้ เมื่อ คาร์ริก จ่ายบอลจากนอกเขตโทษมาให้ เบอร์บาตอฟ ซัดผ่านมือนายทวารทีมเยือนเข้าไปให้ "ผีแดง" พลิกนำอย่างทันควัน 2-1 โดยช่วงท้ายเกม สเปอร์ส มีลุ้นเล็กน้อยจาก เบนท์ลีย์ ลองยิงไกลระยะ 30 หลาแต่เหินข้ามคานไปทำให้จบ 45 นาทีแรกเจ้าบ้านนำอยู่ 2-1
เริ่มเกมครึ่งหลัง เรดแนปป์ ตัดสินใจแก้เกมด้วยการส่ง จิโอวานนี ดอส ซานโตส ดาวรุ่งชาวเม็กซิกัน ลงสนามแทนที่ โมดริซ ที่ปั้นเกมไม่ออกและ สเปอร์ส ก็มีโอกาสลุ้นทำประตูตีเสมอทันทีในนาทีที่ 47 เมื่อ เบนท์ลีย์ ชิพบอลเข้าไปให้ เบล ที่เติมเกมขึ้นมาหลุดไปยิง แต่ก็ซัดออกไปเองเหมือนเดิม ดูเหมือนว่าทีมเยือนจะครองเกมเหนือกว่าเล็กน้อยและมีโอกาสอีกครั้งในนาทีที่ 57 เมื่อ เอก็อตโต เติมเกมขึ้นมาทางริมเส้นด้านขวาก่อนจะเปิดบอลเข้ากลาง กองหลังผีแดงสกัดไม่ดีบอลลอยโด่งมาเข้าทาง เบนท์ลีย์ สับไกยิงหน้าเขตโทษ บอลหลุดเสาออกไปอีก
ผ่านหนึ่งชั่วโมงแรก การทำเกมของทั้งสองทีมเริ่มเนือยลงๆ ไม่ดุดันเหมือนช่วงแรกและโอกาสส่องทำประตูคู่แข่งแบบชัดเจนแทบไม่ปรากฏ กุนซือของทั้งสองทีมพยายามแก้เกมด้วยการส่งผู้เล่นสำรองลงสนามมาเพื่อเป็นจุดพลิกผัน โดย สเปอร์ส ส่ง อเดล ทารับต์ และ เจอร์แมน เดโฟ ลงสนามมา ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ถอด คริสเตียโน โรนัลโด ออกพร้อมกับส่ง โซรัน โทซิช ปีกชาวเซิร์บลงประเดิมสนาม
เข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้าย "ผีแดง" มีลุ้นอีกครั้งจากจังหวะลูกตั้งเตะ โทซิช รับหน้าที่เปิดเข้ากลางมาและเป็น สโคลส์ ลองซัดก่อนคราวแรก แต่ถูกเกมรับบล็อกไว้ได้ บอลกระดอนออกมาเข้าทาง คาร์ริก ตามยิงซ้ำอีกรอบ แต่บอลหลุดกรอบประตูออกไปเหมือนเดิม มาถึงนาทีที่ 84 สเปอร์ส มาได้ลุ้นจังหวะสุดท้ายเมื่อ เอก็อตโต เติมเกมขึ้นมาทางขวา ก่อนเปิดให้ จิโอวานี เข้าชาร์ต แต่บอลก็ไม่ตรงเป้าหมายอีกเหมือนเดิมทำให้สุดท้ายจบ 90 นาที แมนฯ ยูไนเต็ด เฉือนเอาชนะไป 2-1 พร้อมผ่านเข้าสู่รอบต่อไป
รายชื่อผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
แมนฯ ยูไนเต็ด : เบน ฟอสเตอร์, จอห์น โอเชีย, แกรี เนวิลล์ ,เนมันยา วิดิช, ฟาบิโอ ดา ซิลวา, ไมเคิล คาร์ริก ,พอล สโคลส์, คริสเตียโน โรนัลโด, แดนนี เวลเบ็ค, ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ, คาร์ลอส เตเบซ
ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ : เบน อัลนิก, คริส กันเตอร์, เวดรัน ชอร์ลูกา, ไมเคิล ดอว์สัน, เบนัวต์ แอสซู-เอก็อตโต, แกเร็ธ เบล, เดวิด เบนท์ลีย์, ทอม ฮัดเดิลสตัน, ดิดิเยร์ โซโกรา, ลูกา โมดริซ, โรมัน พาฟลูเชนโก
ผลการแข่งขันฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบสี่
ฮาร์ทลีพูล แพ้ เวสต์แฮม 0-2
[0-1 : วาลอน เบห์รามี น.44], [0-2 : มาร์ก โนเบิล ลูกจุดโทษ น.45]
เชลซี ชนะ อิปสวิช 3-1
[1-0 : มิชาเอล บัลลัค น.16], [1-1 : อเล็กซ์ บรูซ น.59], [2-1 : มิชาเอล บัลลัค น.59], [3-1 : แฟรงค์ แลมพาร์ด น.85]
ดอนคาสเตอร์ เสมอ แอสตัน วิลลา 0-0
ฮัล ซิตี ชนะ มิลวอลล์ 1-0
[1-0 : ไมเคิล เทอร์เนอร์ นง15], [2-0 : เอียน แอชบี น.84]
เก็ตเตอริง แพ้ ฟูแลม 2-4
[0-1 : ไซมอน เดวิส์ นง12], [1-1 : เคร็ก เวสต์คาร์ น.36], [1-2 : แดนนี เมอร์ฟีย์ น.77], [2-2 : เคร็ก เวสต์คาร์ ลูกจุดโทษ นง83], [2-3 : แอนดรูว์ จอห์นสัน น.88], [2-4 : บ็อบบี ซาโมรา น.89]
ปอร์ทสมัธ แพ้ สวอนซี 0-2
[0-1 : นาธาน ไดเออร์ น.26], [0-2 : เจสัน สกอตแลนด์ ลูกจุดโทษ น.45]
เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ชนะ ชาร์ลตัน 2-1
[1-0 : แดนนี เวบเบอร์ น.26], [2-0 : ลี เฮนดรี น.62], [2-1 : คริส ดิกสัน น.69]
ซันเดอร์แลนด์ เสมอ แบล็กเบิร์น 0-0
ทอร์คีย์ แพ้ โคเวนทรี 0-1
[0-1 : เอเลียตต์ วาร์ด นง87]
วัตฟอร์ด ชนะ คริสตัล พาเลซ 4-3
[1-0 : เจย์ เด เมอริต น.17], [2-0 : แจ็ค คอร์ก น.27], [2-1 : คลินท์ ฮิลล์ น.48], [3-1 : วิล ฮอสกินส์ น.67], [4-1 : เกอร์เซกอร์ซ ราเซียค น.70], [4-2 : พอล ฟิล น.83] ,[4-3 : พอล ฟิล น.90]
เวสต์บรอมวิช เสมอ เบิร์นลีย์ 2-2
[0-1 : แกรแฮม อเล็กซานเดอร์ น.25], [1-1 : โรเบิร์ต โกเรน น.31], [2-1 : คิม โด เฮียน น.45], [2-2 : มาร์ติน แพเตอร์สัน น.89]
วูล์ฟแฮมป์ตัน แพ้ มิดเดิลสโบรช์ 1-2
[0-1 : อฟอนโซ อัลเวส น.44], [1-1 : แซม โวกส์ น.63], [1-2 : มาร์วิน เอมเนส น.83]
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ 2-1
[0-1 : โรมัน พาฟลูเชนโก น.5], [1-1 : พอล สโคลส์ น.35], [1-2 : ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ น.36]
