ยังต้องควานหาชัยชนะนัดแรกใน พรีเมียร์ชิป ปี 2009 ต่อไปสำหรับ ลิเวอร์พูล เมื่อล่าสุดทำได้แค่บุกไปเสมอ วีแกน แอธเลติก 1-1 หล่นมาอยู่อันดับ 3 ในตารางเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่งานใหญ่หลวงกว่ารออยู่ในวันอาทิตย์ที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ เมื่อจะต้องเปิดรัง แอนฟิลด์ เจอกับ เชลซี เพื่อพิสูจน์ใจว่าพวกเขานิ่งพอที่จะกลับสู่เส้นทางลุ้นแชมป์ได้สำเร็จหรือไม่ ส่วนจ่าฝูง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั้น สถานการณ์กำลังเป็นใจเมื่อจะได้เตะก่อนหนึ่งวันเปิด โอลด์ แทรฟฟอร์ด ต้อนรับ เอฟเวอร์ตัน
งานนี้ ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือ ลิเวอร์พูล ต้องรับผิดชอบไปเต็มๆ เพราะติดประมาทในเกมเมื่อวันพุธที่ผ่านมาเมื่อนำอยู่แค่ 1-0 แต่กลับถอดทั้ง เฟอร์นานโด ตอร์เรส และ ยอสซี เบนายูน คนยิงประตูในช่วงท้ายครึ่งแรก ออกในนาทีที่ 72 และ 75 ตามลำดับ จนถูกตีเสมอจากจุดโทษของ มิโด ในนาที 84 จากนั้นดันถอด สตีเวน เจอร์ราร์ด ที่ยิงกู้หน้ามา 2 นัดติดและส่ง ร็อบบี คีน ลงมา เกมไม่ได้ดีขึ้นจนเกือบจะแพ้ดีที่ลูกยิงฟรีคิกของ ฮูโก โรดัลเลกา แข้งใหม่ของ วีแกน ไปชนคาน
ทำให้เวลานี้ ลิเวอร์พูล ที่เสมอ 3 นัดรวด และเป็นการเสมอถึง 5 จาก 7 นัดหลังสุด จึงตกไปรั้งอันดับ 3 ด้วยการมี 48 แต้มจาก 23 นัดเท่ากับ เชลซี แต่ว่าลูกได้-เสียสู้ไม่ได้จึงถูกแซงขึ้นไป แต่ที่เสียหายก็คือตามหลัง แมนฯยู 2 แต้มแถมแข่งมากกว่าหนึ่งนัด คนที่นั่งยิ้ม ก็คือ “ผีแดง” เพราะวันอาทิตย์นี้ “หงส์แดง” และ เชลซี ต้องมาตัดแต้มกันเองด้วย
หลังเกม เบนิเตซ ออกมาเผยอย่างหัวเสียว่า “เราผิดหวังกันมาก เพราะว่าปล่อยสองแต้มหลุดมือ เราทำได้ดีกว่าในครึ่งแรกและคุมเกมได้ทั้งหมด แต่ปิดเกมไม่ได้ นั่นคือ ปัญหา คือ เกมที่บ้ามาก เพราะมาเปลี่ยนในช่วงครึ่งหลังที่เราคุมอะไรไม่ได้เลย ทุกเกมสำคัญมากเมื่อคุณอยู่หัวตาราง แต่เกมสำคัญอยู่ที่ในวันอาทิตย์ หากเราเล่นได้อย่างในครึ่งแรกรับรองเลยว่าสามารถที่จะชนะได้ทุกทีม”
เกมนี้ยังคงเดาการจัดตัวของ เบนิเตซ ยากเช่นเคย แต่น่าจะใช้ระบบ 4-5-1 ส่ง เดิร์ก เคาท์, อัลเบิร์ต ริเอรา และ ชาบี อลอนโซ ลงเป็นตัวจริงทั้งหมด หลังพักให้ออกสตาร์ทที่ม้านั่งสำรองจนทำได้แค่เสมอกับ วีแกน ส่วน ร็อบบี คีน ที่ถูกส่งลงมาท้ายเกม และเวลาไม่มากพอจะทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันคงตกเป็นตัวสำรองต่อไปเช่นเดียวกับ ไรอัน บาเบล แต่ในรายของ ยอสซี เบนายูน น่าสนใจว่าจะมีที่ลงหรือไม่ เพราะเล่นเด่นที่สุดในเกมกับ “ลาติกส์”
ทางด้านอาคันตุกะ เชลซี ที่เกมแรกถูก ลิเวอร์พูล บุกมาหยุดสถิติไร้พ่ายเกมลีกในรังเอาไว้ที่ 86 นัดด้วยสกอร์ 0-1 หมายจะล้างตาให้ได้ในเกมนี้ แต่คงจะงงตัวเองไม่น้อยเมื่อฟอร์มก็ไม่ค่อยจะดีนัก ก่อนที่จะเปิด สแตมฟอร์ด บริดจ์ ชนะ มิดเดิลสโบรช์ 2-0 เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาจากการเหมายิงของ ซาโลมอน กาลู 9 นัดหลังสุดชนะแค่ 3 เท่านั้น แต่เป็น “หงส์แดง” ที่แผ่วกว่าจนส่งให้ “สิงห์บลูส์” กลับขึ้นมารั้งอันดับ 2 ด้วยประตูได้-เสียที่ดีกว่า
หลังจากแพ้ แมนฯยู 0-3 เชลซี ก็คืนฟอร์มกลับมาชนะ 2 นัดรวดไล่ตั้งแต่ สโต๊ก ซิตี ตามด้วย มิดเดิลสโบรช์ หลังเกม หลุยส์ เฟลิเป สโคลารี นายใหญ่ชาวบราซิเลียน ส่ง เรย์ วิลกินส์ ผู้ช่วยออกมาเผยว่า “แมตช์นี้ยากดั่งที่เราคิดเอาไว้ เพราะต้องสู้กับทีมที่อยู่ค่อนล่างของตาราง อีกทั้ง มิดเดิลสโบรช์ วางผู้เล่นไว้หนาแน่น พวกเขาสร้างความลำบากให้เราเป็นอย่างยิ่ง อย่างไรก็ดี เรามาได้ผลงานของ กาลู ช่วยเอาไว้”
นัดนี้ เชลซี คงส่งผู้เล่นชุดเดียวกับที่ชนะ มิดเดิลสโบรช์ โดยยังไม่มี ริคาร์โด คาร์วัลโญ เซนเตอร์ฮาล์ฟโปรตุกีส ที่ยังบาดเจ็บ ทำให้ จอห์น เทอร์รี จะยืนคู่กับ อเล็กซ์ ต่อไป เช่นเดียวกับ โจ โคล ตัวปั้นเกมร่างจิ๋วที่เจ็บยาวต้องพักทั้งฤดูกาล ทำให้ ฟลอร็องต์ มาลูดา กับ กาลู จะทำเกมทางกราบเพื่อป้อนบอลให้กับ นิโกลาส์ อเนลกา ที่ฟอร์มกำลังฝืดสนิท
พร้อมกันนี้ วิลกินส์ ยังกล่าวถึงเกมไปเยือน แอนฟิลด์ วันอาทิตย์นี้อีกว่า “จากนี้ทุกแมตช์ของเราคงยากขึ้น แต่คงไม่มีเกมไหนที่หนักไปกว่าการเล่นกับ ลิเวอร์พูล อย่างไรก็ตาม เชลซี จะยังเล่นฟุตบอลในสไตล์ของตัวเองและก็หวังว่าจะได้ชัยชนะกลับมา ชัยชนะถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเชลซี มันเป็นความท้าทาย เมื่อใดที่คว้าชัยชนะได้ย่อมส่งผลในแง่บวก ตอนนี้ผู้เล่นทุกคนคงต้องมุ่งมั่นกับทุกแมตช์รวมถึงการเผชิญหน้า ลิเวอร์พูล ด้วย”
ค่อนข้างเหลือเชื่อที่ใน 4 ฤดูกาลหลังสุดทั้งคู่พบกันมาจนเอียนปีละ 5 ครั้งรวมทุกรายการ แต่หากจะนับเฉพาะที่ แอนฟิลด์ ในเกมลีก 2 ปีหลัง ลิเวอร์พูล ชนะ 2-0 และเสมอ 1-1 ส่วน เชลซี บุกมาชนะครั้งสุดท้ายในฤดูกาล 2005-06 ด้วยสกอร์ 4-1 ในยุคของ โฮเซ มูรินโญ ส่วนเกมนี้ทั้งคู่เด่นที่แผงกองกลางเหมือนกัน ส่วนกองหน้าก็นัดกันฝืด แถมไม่มีทีมใดอยากแพ้ อยู่ที่ใครจะกล้าเปิดเกมรุกแลกมากกว่ากัน หากยังจัดทีมกล้าๆ กลัวๆ ก็คงเสมอกันไป
ฟันธง ตรงเผง โดย เซียนไก๋ เจริญกรุง
สโต๊ก แพ้ แมนฯซิตี 0-2
มิดเดิลสโบรช์ เสมอ แบล็กเบิร์น 1-1
อาร์เซนอล ชนะ เวสต์แฮม 2-0
วิลลา ชนะ วีแกน 2-0
โบลตัน แพ้ สเปอร์ส 1-2
ฟูแลม เสมอ ปอร์ทสมัธ 0-0
ฮัลล์ เสมอ เวสต์บรอม 1-1
แมนฯยู ชนะ เอฟเวอร์ตัน 2-1
นิวคาสเซิล ชนะ ซันเดอร์แลนด์ 1-0
ลิเวอร์พูล เสมอ เชลซี 0-0
โปรแกรมฟุตบอล พรีเมียร์ชิป ช่วงสุดสัปดาห์นี้
วันเสาร์ที่ 31 มกราคม 2551
สโต๊ก พบ แมนฯซิตี เวลา 19.45 น.
มิดเดิลสโบรช์ พบ แบล็กเบิร์น เวลา 22.00 น.
อาร์เซนอล พบ เวสต์แฮม เวลา 22.00 น.
วิลลา พบ วีแกน เวลา 22.00 น.
โบลตัน พบ สเปอร์ส เวลา 22.00 น.
ฟูแลม พบ ปอร์ทสมัธ เวลา 22.00 น.
ฮัลล์ พบ เวสต์ บรอม เวลา 22.00 น.
แมนฯยู พบ เอฟเวอร์ตัน เวลา 00.30 น.
วันอาทิตย์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2552
นิวคาสเซิล พบ ซันเดอร์แลนด์ เวลา 20.30 น.
ลิเวอร์พูล พบ เชลซี เวลา 23.00 น.