ลีกอื่นทั่วทั้งยุโรปปิดฉากพักแข้งหนีหนาวกันไปแล้ว แต่ศึก พรีเมียร์ชิป ยังตะบี้ตะบันแลกแข้ง โดยเฉพาะสุดสัปดาห์นี้เลื่อนมาเตะเร็วขึ้นในวันศุกร์ที่ 26 ธันวาคม เนื่องจากเข้าสู่ช่วงโปรแกรมโหดที่ขนานนามกันว่า "บ็อกซิงเดย์" ลิเวอร์พูล ยังคงรั้งจ่าฝูงแม้ว่าจะสะดุดมาหลายนัด โดยจะต้องเปิด แอนฟิลด์ รับมือ โบลตัน วันเดอเรอร์ส
ต้องยอมรับว่าตำแหน่งของทีมดังจากลุ่มแม่น้ำเมอร์ซี่ย์ นอกจากมีฝีเท้าแล้วยังพกดวงดีมาเต็มกระเป๋า เมื่อผลงาน 5 นัดหลังสุดเสมอถึง 4 นัด ชนะแค่นัดเดียว แต่ยังคงนำเป็นจ่าฝูงโดยทิ้งห่าง เชลซี หนึ่งแต้ม เนื่องจาก "สิงห์บลูส์" ก็ฟอร์มลุ่มๆ ดอนๆ เช่นเดียวกันชนะ 1 เสมอ 3 และแพ้ 1 นัด ดูแล้วจึงน่าจะเป็นปีที่สโมสรที่คว้าแชมป์จะมีแต้มไม่สูงหรือทิ้งห่างกันมากนัก
แต่การสะดุดของ ลิเวอร์พูล และ เชลซี เหมือนเป็นการหยุดรอ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ไปคว้าแชมป์สโมสรโลกสมัยที่ 2 ถึงประเทศญี่ปุ่นมาหมาดๆ หากเก็บชัยชนะ 2 นัดที่แข่งน้อยกว่าในมือได้สำเร็จก็จะพุ่งขึ้นมาตามหลัง "หงส์แดง" เพียงแค่แต้มเดียวทันที รวมถึงมี แอสตัน วิลลา ทีมอันดับ 3 ที่ห่างอยู่แค่ 5 แต้ม เข้ามาขอมีเอี่ยวด้วยอีกหนึ่งทีม
สำหรับ ลิเวอร์พูล เพิ่งบุกไปเสมอกับ อาร์เซนอล อย่างน่าเสียดาย 1-1 ทั้งที่ตัวผู้เล่นมากกว่า จนถูก อาร์แซน เวนเกอร์ นายใหญ่ "ปืนโต" ออกมาเหน็บว่าใจไม่กล้าที่จะเสี่ยงเพื่อสามแต้ม เกมนี้จะต้องรับมือ โบลตัน ทีมอันดับ 9 ที่เคยบุกไปเอาชนะถึง รีบอค สเตเดียม มาแล้วด้วยสกอร์ 2-0 เมื่อกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
ลิเวอร์พูล ที่ถือเป็นการรั้งจ่าฝูงในช่วงคริสต์มาสต่อจากปี 1996 อาจจะได้ เฟอร์นานโด ตอร์เรส ดาวยิงความหวังสูงสุด กลับมาอยู่ที่ม้านั่งสำรอง หลังเจ็บเข่าต้องวืดลงสนาม 5 นัดหลังสุด ส่วนคู่หน้ามีสิทธิที่จะเป็น เดิร์ก เคาท์ และ ร็อบบี คีน โดยเฉพาะรายหลังที่ถูกวิจารณ์ถึงฟอร์มสุดฝืด แต่ว่ายิงได้แล้วในเกมกับ อาร์เซนอล ประสานงานร่วมกันไปก่อน
ส่วน มาร์ติน สเคอร์เทล กองหลังอีกคนที่กลับมาซ้อมแล้ว แต่น่าจะยังไม่พร้อมในเกมนี้ อย่างไรก็ตาม ฮาเวียร์ มาสเชราโน มิดฟิลด์ตัวรับที่ป่วยในเกมกับ อาร์เซนอล อาจจะได้คืนสนาม เช่นเดียวกับ ราฟาเอล เบนิเตซ นายใหญ่ชาวสแปนิช ที่แผลจากการผ่าตัดนิ่วทุเลาลงแล้ว คงจะกลับมาบัญชาเกมข้างสนามไม่ต้องโฟนอินเหมือนในแมตช์ล่าสุด
ด้านทีมเยือน แกรี เม็กสัน กุนซือ โบลตัน คงจะไม่เปลี่ยนทีมจากชุดเดิมที่เปิด รีบอค สเตเดียม เอาชนะ ปอร์ทสมัธ 2-1 ในนัดล่าสุด เนื่องจากไม่มีตัวเลือกมากนัก โจอี โอไบรอัน และ ทาเมียร์ โคเฮน ยังคงได้รับบาดเจ็บไม่น่าจะพร้อมในเกมนี้ แต่รายหลังใกล้คืนสนามได้แล้ว ส่วนรายแรกน่าจะหลังจากช่วงปีใหม่ไม่นาน
ถึงกระนั้นตัวหลักๆ ของ โบลตัน ยังอยู่กันครบทั้ง เควิน เดวีส์ ดาวซัลโวประจำทีมที่ซัดไปแล้ว 6 ประตู รวมถึงตัวยิงไกลคมๆ อย่าง โยฮัน เอลมานเดอร์ และ แม็ทธิว เทย์เลอร์ ที่ซัดไปแล้วคนละ 5 ประตู แต่ดูแล้วน่าหนักใจสำหรับทีมเยือน เพราะสถิติชนะครั้งสุดท้ายที่ แอนฟิลด์ ต้องย้อนไปไกลโพ้นคือ ดิวิชัน 1 เดิมเมื่อปี 1953-54 เลยทีเดียว
ข้ามมาอีกคู่ที่ว่ากันว่าจะเป็นสองทีมที่ต้องลุ้นแย่งตั๋วใบสุดท้ายไปลุย ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ในฤดูกาลหน้า แอสตัน วิลลา ทีมอันดับ 3 จะเปิด วิลลา ปาร์ค รับมือ อาร์เซนอล ที่รูดไปอยู่อันดับ 5 ก่อนเกมทั้งคู่ห่างกันอยู่ 3 แต้ม นัดแรกของฤดูกาลเป็น "สิงห์ผงาด" ที่บุกไปยัดเยียดความปราชัยถึงถิ่น เอมิเรตส์ สเตเดียม ด้วยสกอร์ 2-0
เกมนี้จึงมีความหมายอย่างยิ่งสำหรับ อาร์เซนอล ห้ามแพ้เด็ดขาดเพื่อไม่ให้ถูกทิ้งห่างไปเป็น 6 แต้ม แต่ว่าฟอร์มของทีมในฤดูกาลนี้ก็คาดเดาอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น หลังจากเกมนัดล่าสุดเล่น 10 คนเสมอกับ ลิเวอร์พูล 1-1 ทำให้เป็นการเสมอ 2 นัดรวดในลีก โอกาสลุ้นแชมป์ต้องบอกว่ายาก เพราะตาม "หงส์แดง" จ่าฝูงอยู่ 8 คะแนนเข้าให้แล้ว
อาร์เซนอล จะไม่มี เชส ฟาเบรกาส มิดฟิลด์จอมทัพที่เข่าพังต้องพักนานถึง 4 เดือน คนที่จะทดแทนได้ก็คือ ซาเมียร์ นาสรี ที่จะต้องหุบจากปีกมาคุมจังหวะกลางสนาม นอกจากนี้ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ก็จะโดนแบนจากใบแดงในเกมเจ๊า ลิเวอร์พูล ทำให้ นิคคลาส เบนด์ทเนอร์ จะต้องลงมาจับคู่ล่าตาข่ายกับ โรบิน ฟาน เพอร์ซี แทน
วิลลา ฟอร์มจัดจ้านเหลือเกินบุกไปอัด เวสต์ แฮม ยูไนเต็ด 1-0 ทำให้คว้าชัยมาแล้ว 3 นัดรวด หากนับ 6 เกมหลังสุดชนะถึง 4 นัดไม่แพ้ทีมใดเลย แต่ว่านัดนี้ มาร์ติน โอนีลล์ มีปัญหาเมื่อ มาร์ติน เลาร์เซน และ คาร์ลอส กูเอลยาร์ สองกองหลังมีอาการบาดเจ็บ หากเล่นไม่ได้ แซต ไนท์ จะลงมายืนเซนเตอร์ฮาล์ฟ และ ไนเจล รีโอ โคเกอร์ เล่นแบ็กขวาแทน
แม้ วิลลา จะไม่มี เลาร์เซน กัปตันทีมลงคุมแนวรับ แต่ยังเป็นทีมที่เล่นกันอย่างเป็นระบบ แกเร็ธ แบร์รี, สตีฟ ซิดเวลล์ และ สติลิยัน เปตรอฟ คุมแดนกลาง ส่วน อาร์เซนอล ก็ยังคงมีมาตรฐาน ส่วนสถิติเจอกัน เจ้าถิ่นไม่ชนะมาแล้ว 9 ฤดูกาลแถมเป็นการแพ้ถึง 5 ส่วน "ปืนโต" ไม่แพ้ในวันบ็อกซิงเดย์มาแล้ว 8 ปี เกมนี้จึงมีสิทธิที่จะเสมอกันสูงมาก
ฟันธงตรงเผง โดย เซียนไก๋ เจริญกรุง
สโต๊ค แพ้ แมนฯยู 0-2
ปอร์ทสมัธ ชนะ เวสต์ แฮม 2-1
เชลซี ชนะ เวสต์ บรอม 3-0
สเปอร์ส ชนะ ฟูแลม 2-1
วีแกน เสมอ นิวคาสเซิล 0-0
ลิเวอร์พูล ชนะ โบลตัน 2-0
แมนฯซิตี เสมอ ฮัลล์ 1-1
มิดเดิลสโบรช์ ชนะ เอฟเวอร์ตัน 2-1
ซันเดอร์แลนด์ เสมอ แบล็คเบิร์น 2-2
วิลลา เสมอ อาร์เซนอล 1-1
โปรแกรมฟุตบอล พรีเมียร์ชิป วันศุกร์ที่ 26 ธันวาคมนี้
สโต๊ค พบ แมนฯยู เวลา 19.45น.
ปอร์ทสมัธ พบ เวสต์ แฮม เวลา 20.00น.
เชลซี พบ เวสต์ บรอม เวลา 20.00น.
สเปอร์ส พบ ฟูแลม เวลา 20.00น.
วีแกน พบ นิวคาสเซิล เวลา 22.00น.
ลิเวอร์พูล พบ โบลตัน เวลา 22.00น.
แมนฯซิตี พบ ฮัลล์ เวลา 22.00น.
มิดเดิลสโบรช์ พบ เอฟเวอร์ตัน เวลา 22.00น.
ซันเดอร์แลนด์ พบ แบล็คเบิร์น เวลา 22.00น.
วิลลา พบ อาร์เซนอล เวลา 00.15น.