สุดสัปดาห์นี้ ศึก พรีเมียร์ชิป อังกฤษ มีเกม “อภิมหาบิ๊กแมตช์” เชลซี จะเปิดรัง สแตมฟอร์ด บริดจ์ รับมือ ลิเวอร์พูล เหตุที่ต้องเรียกให้อลังการเช่นนั้น เพราะเป็นการเจอกันของทีมที่ออกสตาร์ทได้ดีที่สุดในฤดูกาลนี้ แถมยังมีคะแนนเท่ากันนำร่วมอยู่หัวตาราง และเป็นสองทีมที่ยังไม่แพ้ใคร ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญทีมใดคว้า 3 แต้มน่าจะนำยาวและช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นบนเส้นทางลุ้นแชมป์ โดยจะเตะเป็นคู่แรกของวันอาทิตย์ในเวลา 20.30 น.
8 นัดที่ผ่านมาทั้งคู่มี 20 คะแนนเท่ากัน จากการชนะ 6 เสมอ 2 นัด ฟอร์มของ เชลซี ยังคงเส้นคงวาจากเมื่อฤดูกาลที่แล้วที่คว้าทริปเปิลรองแชมป์ ทำให้ทะยานขึ้นไปเป็นเต็งหนึ่งอย่างไม่มีใครกังขา ส่วน ลิเวอร์พูล นั้น ต้องบอกว่า ออกสตาร์ทด้วยฟอร์มแชมป์อย่างแท้จริง โดยเฉพาะการคัมแบ็กมาคว้าชัยได้ถึง 5 นัด รวมทุกรายการที่ลงเล่น ล่าสุดก็พลิกจากตามหลังมาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี และ วีแกน แอธเลติก ด้วยสกอร์เดียวกัน 3-2
ถึงกระนั้นก็ตาม ขุนพลหงส์แดง จำต้องพิสูจน์ตนเองว่าพร้อมจะยืนระยะลุ้นแชมป์ในระยะยาวกับอีก 3 ทีมบิ๊กโฟร์ในช่วง 6-7 เดือน ที่เหลือนับจากนี้ ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือชาวสเปน จึงออกมากระตุ้นลูกทีมว่า “พรีเมียร์ลีก มีฤดูกาลที่ยาวนาน ตอนนี้เราก็มีเกมหนักกับ เชลซี ที่จะต้องแสดงให้เห็นว่าพร้อมแค่ไหน การจะคว้าแชมป์ลีกคุณต้องทำได้ดีเมื่อเผชิญกับคู่แข่งสำคัญ ซึ่งเราทำไม่ได้เมื่อปีที่แล้ว” โดยปีที่แล้ว “หงส์แดง” เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, อาร์เซนอล และ เชลซี ไม่ได้เลย
อย่างไรก็ตาม เบนิเตซ ก็ต้องออกมาเตือนลูกทีมว่าอย่าให้ต้องให้ลุ้นเหนื่อยแบบนี้บ่อยๆ “เราเพิ่งพลิกกลับมาเอาชนะ แมนฯซิตี และ วีแกน ซึ่งทำให้มีความฮึกเหิม กระนั้นคงจะดีกว่าสำหรับแฟนบอลหากเราขึ้นนำไปก่อน 2-3 ลูกก่อนพักครึ่งเวลา ถ้ายังมีเหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นอีก ผมอาจจะต้องหันไปพึ่งจิตแพทย์ก็เป็นได้ ความจริงผมก็ไม่อยากให้เราต้องมาพลิกสถานการณ์ในช่วงท้ายเกมบ่อยๆ หรอก ทว่าสิ่งที่น่ายินดีจากการคว้าชัยชนะในลักษณะนี้คือช่วยให้เรามีสภาพจิตใจที่แข็งแกร่งขึ้น”
ภารกิจนี้ถือว่าหนักแสนสาหัสสำหรับ ลิเวอร์พูล เพราะ 4 ฤดูกาลแล้วที่ไม่สามารถมาชนะที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ นัดสุดท้ายต้องย้อนไปในฤดูกาล 2003-04 ที่บุกมาเฉือนชนะ 1-0 จากฝีเท้าของ บรูโน เชย์รู ส่วนปีที่แล้วทั้งคู่เสมอกันไป 0-0 แถมเจ้าถิ่นยังมีสถิติสุดยอดไม่ปราชัยในบ้านมานานถึง 86 นัดเข้าให้แล้ว
เกมนี้ เฟอร์นานโด ตอร์เรส ดาวยิงที่ซัดไปแล้ว 5 ประตูในฤดูกาลนี้ มีอาการบาดเจ็บ แต่ไม่แน่อาจมีเซอร์ไพรส์ลงวิ่งปร๋อในเกมกับ เชลซี ก็เป็นได้ แต่ที่วืดแน่ๆ ก็คือ มาร์ติน สเคอร์เทล กองหลังที่บาดเจ็บเอ็นหัวเข่าต้องพักยาว ส่วน เดิร์ก เคาท์ ดาวยิงเลือดดัตช์ ที่ฟอร์มกำลังแรงซัดมาแล้ว 3 นัดติดต่อกัน จะคืนตัวจริงอีกครั้ง หลังลงมาเป็นตัวสำรองในเกม ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ที่บุกเสมอกับ แอตเลติโก มาดริด 1-1 เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา
ส่วนเจ้าถิ่น เชลซี กำลังอยู่ในช่วงมั่นใจเต็มเปี่ยม หลังการมาของ หลุยส์ เฟลิเป สโคลารี กุนซือชาวบราซิเลียน ที่ปรับมาใช้ระบบ 4-5-1 รวมถึงได้นักเตะอย่าง เดโก และ โฮเซ โบซิงวา สองตัวทีมชาติโปรตุเกส มาเสริมทัพ ทำให้ แฟรงค์ แลมพาร์ด ห้องเครื่องทีมชาติอังกฤษ มั่นใจอย่างยิ่งว่าจะลบความผิดหวังจากเมื่อฤดูกาลที่แล้วได้แน่นอน
“เรามีความตั้งใจและรู้สึกกระปรี้กระเปร่า ตอนนี้พวกเราขึ้นรั้งจ่าฝูงของตารางแล้วเช่นเดียวกับในศึก แชมเปียนส์ ลีก ก็น่าจะผ่านเข้ารอบต่อไปได้ ดังนั้นจึงเป็นความรู้สึกที่ดีมากสำหรับสถานการณ์ของทีม ณ เวลานี้ เรายังประกอบไปด้วยทีมผู้เล่นที่แข็งแกร่ง นักเตะแต่ละคนก็ยังปรับตัวเข้าหากันได้อย่างลงตัว ผมเชื่อว่าถ้ายังคงเป็นเช่นนี้ต่อไปพวกเราจะมีโอกาสที่ดีที่จะคว้าแชมป์ได้อย่างแน่นอน” แลมพาร์ด เผย
เชลซี เพิ่งจะถล่ม มิดเดิลสโบรช์ มาแบบถล่มถลาย 5-0 แถมนักเตะตัวหลักๆ เริ่มทยอยกลับมาจากอาการบาดเจ็บแล้ว ล่าสุดก็ ริคาร์โด คาร์วัลโญ กองหลัง คืนทัพแล้วในเกมเฉือนชนะ โรมา 1-0 ในศึก ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ที่ใช้ระบบ 4-4-2 นิโกลาส์ อเนลกา คู่กับ ซาโลมอน กาลู อย่างไรก็ตาม เกมกับ ลิเวอร์พูล น่าจะกลับมาใช้ระบบเดิม
นัดนี้ เชลซี ต้องลุ้น แอชลีย์ โคล แบ็กซ้ายคนสำคัญว่าจะคืนทัพได้หรือไม่ เช่นเดียวกับ โจ โคล แนวรุกร่างเล็ก แต่ที่ลงไม่ได้แน่นอน ก็คือ มิคาแอล เอสเซียง กองกลางพันธุ์ถึก ที่เจ็บต้องพักยาวถึงปีหน้า เช่นเดียวกับ ดิดิเยร์ ดร็อกบา ดาวยิงมฤตยูดำ ที่ฟอร์มยังตกต่อเนื่องจากเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ส่วนหนึ่งก็เพราะมีปัญหาอาการบาดเจ็บรังควาน
เป็นเกมที่ก้ำกึ่งสูสีอย่างมาก แถมเจอกันในช่วงที่ท็อปฟอร์มด้วยกันทั้งคู่ จึงมีสิทธิที่จะออกเสมอสูง แต่ว่า เชลซี ได้เปรียบตรงที่เล่นในบ้านซึ่งมีสถิติที่สวยหรู แถม ลิเวอร์พูล ไม่มี ตอร์เรส ส่วน เคาท์ กับ ร็อบบี คีน คงต้องเจอการประกบติด ดังนั้นจึงอยากจะเอียงไปทางฝั่งเจ้าถิ่นที่มีเกมรุกหลากหลายมากกว่าสามารถยิงได้ทั้งใกล้และไกล รวมถึงมีนักเตะที่ความสามารถเฉพาะตัวสูงจึงน่าจะฉีกแนวรับทีมเยือนพร้อมกับเอาชนะไปได้
ฟันธง ตรงเผง โดย เซียนไก๋ เจริญกรุง
เชลซี เชือด 1-0
โปรแกรมฟุตบอล พรีเมียร์ชิป ช่วงสุดสัปดาห์นี้
วันเสาร์ที่ 25 ตุลาคม 2551
เอฟเวอร์ตัน พบ แมนฯยู เวลา 18.00 น.
ซันเดอร์แลนด์ พบ นิวคาสเซิล เวลา 18.45 น.
เวสต์บรอม พบ ฮัลล์ เวลา 21.00 น.
แบล็กเบิร์น พบ มิดเดิลสโบรช์ เวลา 23.30 น.
วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2551
เชลซี พบ ลิเวอร์พูล เวลา 20.30 น.
วีแกน พบ วิลลา เวลา 22.00 น.
แมนฯซิตี พบ สโต๊ก เวลา 22.00 น.
สเปอร์ส พบ โบลตัน เวลา 22.00 น.
เวสต์ แฮม พบ อาร์เซนอล เวลา 23.00น.
ปอร์ทสมัธ พบ ฟูแลม เวลา 00.00น.
เซียนไก๋ ฟันธง!
เอฟเวอร์ตัน แพ้ แมนฯยู 0-2
ซันเดอร์แลนด์ เสมอ นิวคาสเซิล 1-1
เวสต์บรอม เสมอ ฮัลล์ 1-1
แบล็กเบิร์น ชนะ มิดเดิลสโบรช์ 2-1
วีแกน แพ้ วิลลา 1-2
แมนฯซิตี ชนะ สโต๊ก 3-0
สเปอร์ส ชนะ โบลตัน 1-0
ปอร์ทสมัธ ชนะ ฟูแลม 2-1
เวสต์แฮม แพ้ อาร์เซนอล 0-2