ลิเวอร์พูล โชว์ลูกฮึดด้วยการพลิกจากตามหลัง 2 ลูกกลับมาแซง แมนเชสเตอร์ ซิตี คว้าชัย 3-2 โดย เดิร์ก เคาท์ เป็นพระเอกทำประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ขณะที่ เชลซี เปิดบ้านทุบ แอสตัน วิลลา 2-0 รั้งจ่าฝูงพรีเมียร์ชิป อังกฤษ ต่อไป
ฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ วันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคม 2551
แมนเชสเตอร์ ซิตี 2-3 ลิเวอร์พูล
“เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี เปิดสนามซิตี ออฟ แมนเชสเตอร์ สเตเดียม รับมือ ลิเวอร์พูล นัดนี้เจ้าถิ่นยังคงใช้ทีมชุดเก่งนำโดย 3 ประสานบราซิเลียน เอลาโน บลูแมร์, โรบินโญ และ โจ ส่วนอาคันตุกะพัก ร็อบบี คีน ไว้เป็นตัวสำรอง พร้อมทั้งส่ง อัลเบิร์ต ริเอรา ลงเล่นปีกซ้าย โดยมี เฟอร์นานโด ตอร์เรส ยืนเป็นหัวหอกตัวเป้า
เปิดฉากมา 4 นาที หงส์แดงได้โอกาสลุ้นทำประตูจากจังหวะขึ้นเกมทางขวาแล้วเปิดขวางมาทางด้านซ้าย ริเอรา ลองยิงยัดเข้าไปทางมุมแคบ แต่ถูก โจ ฮาร์ท ที่ดักรออยู่แล้วบล็อกออกหลังไป ริเอรา ยังทำเกมได้วูบวาบทางกราบซ้าย นาทีที่ 17 ปีกชาวสแปนิชพาบอลแหวกแนวรับ แมนฯ ซิตี ไปถึงเส้นหลังก่อนหักกลับมาตรงกลางให้ เดิร์ก เคาท์ ทว่า กองหน้าทีมชาติฮอลแลนด์ กลับตวัดยิงโด่งข้ามคานออกไปไกล
เจ้าถิ่นมาทะลวงตาข่ายขึ้นนำไปก่อน 1-0 ในนาทีที่ 19 โดย ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ ตามไปตบบอลที่เกือบจะออกหลังเข้ามาตรงกลางให้ โรบินโญ แต่ถูก อัลบาโร อาร์เบลัว เบียดเอาไว้ อย่างไรก็ตาม ลูกกระฉอกมาเข้าทาง สตีเฟน ไอร์แลนด์ ที่จัดการกระหน่ำเต็มเท้าขวาเข้าประตูชนิดตาข่ายแทบขาด
พอเสียประตู ลิเวอร์พูล ก็เดินเครื่องหวังยิงคืน แต่ยังเจาะไม่เข้า นาทีที่ 37 ชาบี อลอนโซ ลองหาจังหวะซัดไกลนอกเขตโทษ แต่ลูกพุ่งไปเข้าซอง โจ ฮาร์ท รับสบาย
ถึงนาทีที่ 42 เรือใบสีฟ้าก็มาทำประตูหนีห่างไปเป็น 2-0 จากลูกฟรีคิกเยื้องมาทางมุมเขตโทษด้านขวาที่ ฮาเบียร์ การ์ริโด รับหน้าที่ปั่นโค้งข้ามกำแพงเบียดเสาแรกตุงตาข่ายอย่างสวยงาม โดยที่ โฮเซ เรนา พุ่งมาปัดไม่ทัน ก่อนจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้
กลับมาเล่นต่อในครึ่งหลังได้ไม่ถึง 1 นาที เดิร์ก เคาท์ มีโอกาสหลุดเข้าไปในเขตโทษแล้วถูก ริชาร์ด ดันน์ ตามเข้ามาเบียดล้มลง แต่ผู้ตัดสิน ปีเตอร์ วอลตัน ปล่อยให้เกมดำเนินต่อไป
สกอร์บอร์ดมาขยับเป็น 2-1 ในนาทีที่ 55 เมื่อหงส์แดงตามตีตื้นได้สำเร็จจากจังหวะที่ อาร์เบลัว เติมเกมรุกขึ้นมาทางขวาทำชิ่งกับ สตีเวน เจอร์ราร์ด ก่อนหลุดเข้าไปเปิดเรียดให้ ตอร์เรส สอดมาชาร์จในกรอบ 6 หลาผ่านมือ โจ ฮาร์ท เข้าซุกก้นตาข่าย
เรือใบสีฟ้า น่าได้ประตูที่ 3 เป็นอย่างยิ่งในนาทีที่ 64 จากจังหวะที่ ไรท์-ฟิลลิปส์ กระชากหนี ฟาบิโอ ออเรลิโอ ขึ้นมาทางขวาแล้วเปิดมาหน้าประตูให้ โรบินโญ เข้าฮอสโล่งๆ ชนิดเหลือแค่เสากับตาข่าย ทว่ากลับยิงข้ามคานอย่างไม่น่าเชื่อ
เจ้าถิ่นมาเหลือผู้เล่น 10 คนในนาทีที่ 67 เมื่อ ปาโบล ซาบาเลตา พุ่งเข้าเสียบใส่ข้อเท้าของ ชาบี อลอนโซ อย่างหนักหน่วง ทำให้ ปีเตอร์ วอลตัน ชักใบแดงไล่ออกจากสนาม ก่อนที่ทีมเยือนจะมาตามตีเสมอเป็น 2-2 ในนาทีที่ 73 จากลูกเตะมุมฝั่งซ้าย เจอร์ราร์ด เปิดมาที่เสาแรก ตอร์เรส เจ้าเก่าขึ้นโขกตัดหน้า โจ ฮาร์ท เข้าประตู
ลิเวอร์พูล พลาดโอกาสแซงนำอย่างน่าเจ็บใจในนาทีที่ 82 เมื่อ ร็อบบี คีน ที่ลงมาเป็นตัวสำรองผ่านบอลให้ ตอร์เรส แหย่เท้าชาร์จโล่งๆ ข้ามคาน ก่อนที่ อันเดรีย ดอสเซนา ตัวสำรองอีกรายจะเปิดให้ คีน ยิงโล่งๆ ข้ามคานอีกที แต่ก็เป็นลูกล้ำหน้าของ ดอสเซนา ไปก่อนแล้ว
ช่วงท้ายเกม มาร์ติน สเคอร์เทล มีอาการบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหว ทำให้หงส์แดงต้องเล่น 10 คน ทว่าช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 2 เดิร์ก เคาท์ ก็มาเป็นฮีโร่ของ ลิเวอร์พูล ด้วยการเข้าซ้ำลูกยิงของ ตอร์เรส โล่งๆ เป็นประตูชัยให้บุกมาชนะ แมนฯ ซิตี้ 3-2 เก็บเพิ่มเป็น 17 คะแนนเท่ากับ เชลซี ทีมจ่าฝูง โดยรั้งอันดับ 2 ส่วนเรือใบสีฟ้าหล่นไปกลางตาราง มี 9 คะแนน
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ซิตี – โจ ฮาร์ท, ปาโบล ซาบาเลตา, ไมกาห์ ริชาร์ดส, ริชาร์ด ดันน์, ฮาเบียร์ การ์ริโด, ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์, แว็งซ็องต์ กอมปานี, เอลาโน บลูแมร์, สตีเฟน ไอร์แลนด์, โรบินโญ, โจ
ลิเวอร์พูล – โฮเซ เรนา, อัลบาโร อาร์เบลัว, เจมี คาร์รารเกอร์, มาร์ติน สเคอร์เทล, ฟาบิโอ ออเรลิโอ, ฮาเวียร์ มาสเชราโน, ชาบี อลอนโซ, เดิร์ก เคาท์, สตีเวน เจอร์ราร์ด, อัลเบิร์ต ริเอรา, เฟอร์นานโด ตอร์เรส
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ
เวสต์แฮม ยูไนเต็ด แพ้ โบลตัน วันเดอเรอร์ส 1-3 (เควิน เดวีส์ 0-1 น.30), (แกรี เคฮิลล์ 0-2 น.34), (คาร์ลตัน โคล 1-2 น.68), (แม็ทธิว เทย์เลอร์ 1-3 น.86)
เชลซี ชนะ แอสตัน วิลลา 2-0 (โจ โคล 1-0 น.21), (นิโกลาส์ อเนลกา 2-0 น.43)
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แพ้ ลิเวอร์พูล 2-3 (สตีเฟน ไอร์แลนด์ 1-0 น.19), (ฮาเบียร์ การ์ริโด 2-0 น.42), (เฟอร์นานโด ตอร์เรส 2-1 น.55), (เฟอร์นานโด ตอร์เรส 2-2 น.74), (เดิร์ก เคาท์ 2-3 น.90)
ปอร์ทสมัธ ชนะ สโต๊ค ซิตี้ 2-1 (ปีเตอร์ เคราช์ 1-0 น.25), (ริคาร์โด ฟูลเลอร์ 1-1 น.48), (เจอร์เมน เดโฟ 2-1 น.51)
ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ แพ้ ฮัลล์ ซิตี้ 0-1 (โจวานนี เดเบอร์สัน 0-1 น.9)
เอฟเวอร์ตัน เสมอ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 2-2 (มิเกล อาร์เตตา 1-0 จุดโทษ น.18), (มารูยาน เฟลลายนี 2-0 น.35), (สตีเวน เทย์เลอร์ 2-1 น.45), (เดเมียน ดัฟฟ์ 2-2 น.46)
ฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ วันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคม 2551
แมนเชสเตอร์ ซิตี 2-3 ลิเวอร์พูล
“เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี เปิดสนามซิตี ออฟ แมนเชสเตอร์ สเตเดียม รับมือ ลิเวอร์พูล นัดนี้เจ้าถิ่นยังคงใช้ทีมชุดเก่งนำโดย 3 ประสานบราซิเลียน เอลาโน บลูแมร์, โรบินโญ และ โจ ส่วนอาคันตุกะพัก ร็อบบี คีน ไว้เป็นตัวสำรอง พร้อมทั้งส่ง อัลเบิร์ต ริเอรา ลงเล่นปีกซ้าย โดยมี เฟอร์นานโด ตอร์เรส ยืนเป็นหัวหอกตัวเป้า
เปิดฉากมา 4 นาที หงส์แดงได้โอกาสลุ้นทำประตูจากจังหวะขึ้นเกมทางขวาแล้วเปิดขวางมาทางด้านซ้าย ริเอรา ลองยิงยัดเข้าไปทางมุมแคบ แต่ถูก โจ ฮาร์ท ที่ดักรออยู่แล้วบล็อกออกหลังไป ริเอรา ยังทำเกมได้วูบวาบทางกราบซ้าย นาทีที่ 17 ปีกชาวสแปนิชพาบอลแหวกแนวรับ แมนฯ ซิตี ไปถึงเส้นหลังก่อนหักกลับมาตรงกลางให้ เดิร์ก เคาท์ ทว่า กองหน้าทีมชาติฮอลแลนด์ กลับตวัดยิงโด่งข้ามคานออกไปไกล
เจ้าถิ่นมาทะลวงตาข่ายขึ้นนำไปก่อน 1-0 ในนาทีที่ 19 โดย ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ ตามไปตบบอลที่เกือบจะออกหลังเข้ามาตรงกลางให้ โรบินโญ แต่ถูก อัลบาโร อาร์เบลัว เบียดเอาไว้ อย่างไรก็ตาม ลูกกระฉอกมาเข้าทาง สตีเฟน ไอร์แลนด์ ที่จัดการกระหน่ำเต็มเท้าขวาเข้าประตูชนิดตาข่ายแทบขาด
พอเสียประตู ลิเวอร์พูล ก็เดินเครื่องหวังยิงคืน แต่ยังเจาะไม่เข้า นาทีที่ 37 ชาบี อลอนโซ ลองหาจังหวะซัดไกลนอกเขตโทษ แต่ลูกพุ่งไปเข้าซอง โจ ฮาร์ท รับสบาย
ถึงนาทีที่ 42 เรือใบสีฟ้าก็มาทำประตูหนีห่างไปเป็น 2-0 จากลูกฟรีคิกเยื้องมาทางมุมเขตโทษด้านขวาที่ ฮาเบียร์ การ์ริโด รับหน้าที่ปั่นโค้งข้ามกำแพงเบียดเสาแรกตุงตาข่ายอย่างสวยงาม โดยที่ โฮเซ เรนา พุ่งมาปัดไม่ทัน ก่อนจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้
กลับมาเล่นต่อในครึ่งหลังได้ไม่ถึง 1 นาที เดิร์ก เคาท์ มีโอกาสหลุดเข้าไปในเขตโทษแล้วถูก ริชาร์ด ดันน์ ตามเข้ามาเบียดล้มลง แต่ผู้ตัดสิน ปีเตอร์ วอลตัน ปล่อยให้เกมดำเนินต่อไป
สกอร์บอร์ดมาขยับเป็น 2-1 ในนาทีที่ 55 เมื่อหงส์แดงตามตีตื้นได้สำเร็จจากจังหวะที่ อาร์เบลัว เติมเกมรุกขึ้นมาทางขวาทำชิ่งกับ สตีเวน เจอร์ราร์ด ก่อนหลุดเข้าไปเปิดเรียดให้ ตอร์เรส สอดมาชาร์จในกรอบ 6 หลาผ่านมือ โจ ฮาร์ท เข้าซุกก้นตาข่าย
เรือใบสีฟ้า น่าได้ประตูที่ 3 เป็นอย่างยิ่งในนาทีที่ 64 จากจังหวะที่ ไรท์-ฟิลลิปส์ กระชากหนี ฟาบิโอ ออเรลิโอ ขึ้นมาทางขวาแล้วเปิดมาหน้าประตูให้ โรบินโญ เข้าฮอสโล่งๆ ชนิดเหลือแค่เสากับตาข่าย ทว่ากลับยิงข้ามคานอย่างไม่น่าเชื่อ
เจ้าถิ่นมาเหลือผู้เล่น 10 คนในนาทีที่ 67 เมื่อ ปาโบล ซาบาเลตา พุ่งเข้าเสียบใส่ข้อเท้าของ ชาบี อลอนโซ อย่างหนักหน่วง ทำให้ ปีเตอร์ วอลตัน ชักใบแดงไล่ออกจากสนาม ก่อนที่ทีมเยือนจะมาตามตีเสมอเป็น 2-2 ในนาทีที่ 73 จากลูกเตะมุมฝั่งซ้าย เจอร์ราร์ด เปิดมาที่เสาแรก ตอร์เรส เจ้าเก่าขึ้นโขกตัดหน้า โจ ฮาร์ท เข้าประตู
ลิเวอร์พูล พลาดโอกาสแซงนำอย่างน่าเจ็บใจในนาทีที่ 82 เมื่อ ร็อบบี คีน ที่ลงมาเป็นตัวสำรองผ่านบอลให้ ตอร์เรส แหย่เท้าชาร์จโล่งๆ ข้ามคาน ก่อนที่ อันเดรีย ดอสเซนา ตัวสำรองอีกรายจะเปิดให้ คีน ยิงโล่งๆ ข้ามคานอีกที แต่ก็เป็นลูกล้ำหน้าของ ดอสเซนา ไปก่อนแล้ว
ช่วงท้ายเกม มาร์ติน สเคอร์เทล มีอาการบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหว ทำให้หงส์แดงต้องเล่น 10 คน ทว่าช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 2 เดิร์ก เคาท์ ก็มาเป็นฮีโร่ของ ลิเวอร์พูล ด้วยการเข้าซ้ำลูกยิงของ ตอร์เรส โล่งๆ เป็นประตูชัยให้บุกมาชนะ แมนฯ ซิตี้ 3-2 เก็บเพิ่มเป็น 17 คะแนนเท่ากับ เชลซี ทีมจ่าฝูง โดยรั้งอันดับ 2 ส่วนเรือใบสีฟ้าหล่นไปกลางตาราง มี 9 คะแนน
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ซิตี – โจ ฮาร์ท, ปาโบล ซาบาเลตา, ไมกาห์ ริชาร์ดส, ริชาร์ด ดันน์, ฮาเบียร์ การ์ริโด, ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์, แว็งซ็องต์ กอมปานี, เอลาโน บลูแมร์, สตีเฟน ไอร์แลนด์, โรบินโญ, โจ
ลิเวอร์พูล – โฮเซ เรนา, อัลบาโร อาร์เบลัว, เจมี คาร์รารเกอร์, มาร์ติน สเคอร์เทล, ฟาบิโอ ออเรลิโอ, ฮาเวียร์ มาสเชราโน, ชาบี อลอนโซ, เดิร์ก เคาท์, สตีเวน เจอร์ราร์ด, อัลเบิร์ต ริเอรา, เฟอร์นานโด ตอร์เรส
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ
เวสต์แฮม ยูไนเต็ด แพ้ โบลตัน วันเดอเรอร์ส 1-3 (เควิน เดวีส์ 0-1 น.30), (แกรี เคฮิลล์ 0-2 น.34), (คาร์ลตัน โคล 1-2 น.68), (แม็ทธิว เทย์เลอร์ 1-3 น.86)
เชลซี ชนะ แอสตัน วิลลา 2-0 (โจ โคล 1-0 น.21), (นิโกลาส์ อเนลกา 2-0 น.43)
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แพ้ ลิเวอร์พูล 2-3 (สตีเฟน ไอร์แลนด์ 1-0 น.19), (ฮาเบียร์ การ์ริโด 2-0 น.42), (เฟอร์นานโด ตอร์เรส 2-1 น.55), (เฟอร์นานโด ตอร์เรส 2-2 น.74), (เดิร์ก เคาท์ 2-3 น.90)
ปอร์ทสมัธ ชนะ สโต๊ค ซิตี้ 2-1 (ปีเตอร์ เคราช์ 1-0 น.25), (ริคาร์โด ฟูลเลอร์ 1-1 น.48), (เจอร์เมน เดโฟ 2-1 น.51)
ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ แพ้ ฮัลล์ ซิตี้ 0-1 (โจวานนี เดเบอร์สัน 0-1 น.9)
เอฟเวอร์ตัน เสมอ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 2-2 (มิเกล อาร์เตตา 1-0 จุดโทษ น.18), (มารูยาน เฟลลายนี 2-0 น.35), (สตีเวน เทย์เลอร์ 2-1 น.45), (เดเมียน ดัฟฟ์ 2-2 น.46)