xs
xsm
sm
md
lg

เฮือกสุดท้าย “หงส์” บุกรัง “ผี” ลุ้นแชมป์ / เซียนไก๋

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โรนัลโด คีย์แมน ผีแดง
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตบเท้าเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายในศึก ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก หลังจากเมื่อวันพุธที่ผ่านมาเอาชนะ อินเตอร์ มิลาน 2-0 อย่างไรก็ตาม ในวันเสาร์ที่ 14 มีนาคมนี้ พลพรรค “ผีแดง” ที่กำลังคั่ว 5 แชมป์มีงานหนักใน พรีเมียร์ชิป รออยู่ คือ เปิด โอลด์ แทรฟฟอร์ด ทำศึกวันแดงเดือดกับ ลิเวอร์พูล

“แชมป์เก่า” ได้สองประตูจาก เนมานยา วิดิช และ คริสเตียโน โรนัลโด ทำให้ยังมีลุ้นเป็นทีมแรกที่ป้องกันแชมป์ยุโรปภายใต้ชื่อ ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก หลังเกม เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยอดกุนซือชาวสกอตต์ เผยว่า “ผมพอใจมากกับผลการแข่งขันในคืนนี้ ตอนจับสลากผมบอกแล้วว่าการเจอ อินเตอร์ ถือว่าหนักมาก และสร้างความลำบากใจให้กับเราในคืนนี้ พวกเขามีประสบการณ์และเต็มไปด้วยนักเตะชั้นยอด”

ท่านเซอร์ ร่ายยาวอีกว่า “ในเกมฟุตบอลคุณไม่สามารถประมาทได้เลย วันนี้เราอนุญาตให้ อินเตอร์ เล่นง่ายเกินไปช่วงกลางและท้ายครึ่งแรก พักครึ่งผมจึงเปลี่ยนระบบให้จัดการปิด เอสเตบัน กัมบิอาสโซ และ แมนฯ ยู ก็เล่นได้ดีขึ้น การผ่านคืนนี้ไปได้ถือเป็นเรื่องที่สำคัญ ผมมีความสุขอย่างยิ่ง แต่รอบต่อไปทีมของผมต้องเล่นให้ดีขึ้นกว่านี้อีก”

สำหรับเกม “วันแดงเดือด” ในวันเสาร์นี้ แมนฯยู อยู่ในข้อแม้ที่ง่ายกว่า เนื่องจากนำอยู่ 7 คะแนน แถมแข่งน้อยกว่าอีก 1 นัด ทำให้จำเป็นอย่างยิ่งที่ ลิเวอร์พูล ทีมอันดับ 3 จะต้องบุกมาคว้าชัยให้ได้สถานเดียว หากเสมอหรือแพ้เป็นอันม้วนเสื่อกลับบ้านต้องนั่งรอลุ้นแชมป์ลีกสูงสุดต่อไปในปีหน้า

แมนฯยู ไม่แพ้ใน พรีเมียร์ชิป มาแล้ว 16 นัด ที่สำคัญ เป็นการคว้าชัย 11 นัดรวด เกมนี้ เซอร์ อเล็กซ์ จำต้องเปลี่ยนแปลงนักเตะ หลัง ไรอัน กิ๊กส์ ปีกตัวเก๋า เล่นเต็ม 90 นาทีในแมตช์กับ อินเตอร์ ส่วน พอล สโคลส์ น่าจะได้ออกสตาร์ท เพราะถูกถอดเก็บในนาทีที่ 70 กองหน้า คาร์ลอส เตเบซ อาจมีลุ้นเป็นตัวจริง แต่แผงเกมรับน่าจะเป็นชุดเดิมทั้งหมด

ฟาก ลิเวอร์พูล ผลงานในลีกต่างกับ แชมเปียนส์ ลีก ลิบลับ เมื่อ 10 นัดหลังสุดชนะ 5 สะดุดเสมอถึง 4 แพ้ไปอีก 1 นัด ทำให้ถูก เชลซี แซงขึ้นไปอยู่อันดับ 2 ด้วยลูกได้-เสียดีกว่า หลังจากมี 58 คะแนนเท่ากัน แต่เกมนี้พกความมั่นใจเต็มเปี่ยมมาเยือน โอลด์ แทรฟฟอร์ด เพราะเมื่อวันอังคารที่ผ่านมางัดฟอร์มอันน่าสะพรึงกลัวไล่ต้อน รีล มาดริด 4-0 ตบเท้าเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายในศึก ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ได้เช่นกัน

ทำเอา ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือชาวสแปนิช ออกมาคำรามลั่นว่า “นี่คือ ฟอร์มการเล่นที่ดีที่สุดก่อนเกมกับ แมนฯยู เมื่อก่อนเกมสำคัญจะมาถึง นักเตะเล่นได้ดีและยิง 4 ประตูกับทีมอย่าง รีล มาดริด คุณย่อมพอใจ หากเราเล่นได้ดีและชนะก็ยังอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์ แต่ก็ต้องรอดูว่าอะไรจะเกิดขึ้นในวันเสาร์นี้”

หากเป็นกุนซือคนอื่น คงใช้ผู้เล่น 11 คนแรกชุดเดิมรับมือ แมนฯยู แต่ไม่ใช่กับ เบนิเตซ ที่อาจจะส่ง อัลเบิร์ต ริเอรา ปีกซ้ายจอมเทคนิค ที่ติดโทษแบนในเกมกับ รีล มาดริด ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงแทนที่ ไรอัน บาเบล นอกนั้นคีย์แมนอย่าง สตีเวน เจอร์ราร์ด และ เฟอร์นานโด ตอร์เรส ยังอยู่ครบ เรียกได้ว่า ลิเวอร์พูล ฟูลทีมแบบสุดๆ ในเกมนี้

ทางด้าน เดิร์ก เคาท์ ตัวเดินเกมกราบขวาของ ลิเวอร์พูล ออกมากระตุ้นเพื่อนก่อนเกมว่า “ถือเป็นผลการแข่งขันและผลงานอันยอดเยี่ยมของเราในเกม แชมเปียนส์ ลีก แถมจะช่วยเพิ่มความมั่นใจก่อนเกมวันเสาร์ที่จะถึงนี้ที่เรากำลังตั้งหน้าตั้งตาคอยอย่างใจจดจ่อ แมนฯยู กำลังเล่นได้ดีก็จริง แต่ก็คอยดูและจะได้เห็นกันว่าเราทำอะไรได้บ้าง”

ลิเวอร์พูล คือ 1 ใน 2 ทีมที่เอาชนะ แมนฯยู ได้ในฤดูกาลนี้ เกมแรกที่ แอนฟิลด์ พลิกกลับมาเอาชนะ 2-1 ถือเป็นแมตช์แรกในรอบ 9 นัดที่เอาชนะคู่ปรับตลอดกาลได้สำเร็จ แต่ถึงกระนั้นก็ตาม หากจะนับเฉพาะการเจอกันที่รังแชมป์ พรีเมียร์ชิป 10 สมัย คิดเป็น 5 ปี 400 นาทีเข้าให้แล้วที่เจ้าบ้านไม่เสียประตู นัดสุดท้ายที่โดนเจาะ คือ ในปี 2004 ที่ชนะ 2-1 มิหนำซ้ำเป็น จอห์น โอเชีย ทำเข้าประตูตัวเอง นักเตะ “หงส์แดง” คนสุดท้ายที่ยิงประตูได้ ก็คือ แดนนี เมอร์ฟีย์ ทำได้ในชัยชนะ 1-0 ในเกมถัดไปก่อนหน้านั้นหนึ่งนัด

ในส่วนของ แมนฯยู ชนะที่ “เธียเตอร์ ออฟ ดรีม” แห่งนี้มาแล้ว 4 ฤดูกาลติดต่อกันแล้ว แต่ที่ ลิเวอร์พูล อยากจะล้างอายมากที่สุดคงเป็นเมื่อปีที่แล้วที่บุกมาพ่ายเละเทะ 3-0 จากการยิงของ เวส บราวน์, คริสเตียโน โรนัลโด และ นานี อย่างไรก็ตาม ส่วนหนึ่งเพราะทีมเยือน ฮาเวียร์ มาสเชราโน โดนใบแดงไล่ออกจากสนามตั้งแต่ช่วงปลายครึ่งแรก

เกมนี้ ลิเวอร์พูล ต้องเล่นภายใต้สภาพความกดดันที่มากกว่า เนื่องจากต้องชนะเท่านั้น ซึ่งการเปิดเกมรุกใส่อาจจะเข้าทางเจ้าบ้าน ที่สำคัญ การทิ้ง ตอร์เรส เอาไว้แดนหน้าคนเดียวยากไม่น้อยที่จะผ่าน วิดิช และ ริโอ เฟอร์ดินานด์ สุดท้าย แมนฯยู ที่หลากหลายกว่าอาจจะใช้ความได้เปรียบจากฟรีคิกหรือเตะมุมเอาชนะไปได้ในท้ายที่สุด

ฟันธง ตรงเผง โดย เซียนไก๋ เจริญกรุง
แมนฯยู ชนะ ลิเวอร์พูล 2-0
มิดเดิลสโบรช์ เสมอ ปอร์ทสมัธ 1-1
ซันเดอร์แลนด์ ชนะ วีแกน 2-1
อาร์เซนอล ชนะ แบล็กเบิร์น 2-0
โบลตัน ชนะ ฟูแลม 1-0
เอฟเวอร์ตัน ชนะ สโต๊ก 3-1
ฮัลล์ เสมอ นิวคาสเซิล 1-1
เชลซี ชนะ แมนฯซิตี 1-0
วิลลา เสมอ สเปอร์ส 2-2
เวสต์ แฮม ชนะ เวสต์บรอม 2-1

โปรแกรมฟุตบอล พรีเมียร์ชิป ช่วงสุดสัปดาห์นี้
วันเสาร์ที่ 14 มีนาคม 2552
แมนฯยู พบ ลิเวอร์พูล เวลา 19.45 น.
มิดเดิลสโบรช์ พบ ปอร์ทสมัธ เวลา 22.00 น.
ซันเดอร์แลนด์ พบ วีแกน เวลา 22.00 น.
อาร์เซนอล พบ แบล็คเบิร์น เวลา 22.00 น.
โบลตัน พบ ฟูแลม เวลา 22.00 น.
เอฟเวอร์ตัน พบ สโต๊ค เวลา 22.00 น.
ฮัลล์ พบ นิวคาสเซิล เวลา 22.00 น.
วันอาทิตย์ที่ 15 มีนาคม 2552
เชลซี พบ แมนฯซิตี เวลา 20.30 น.
วิลลา พบ สเปอร์ส เวลา 23.00 น.
วันจันทร์ที่ 16 มีนาคม 2552
เวสต์แฮม พบ เวสต์บรอม เวลา 03.00 น.
ตอร์เรส ความหวังในแดนหน้า
เกมแรกของฤดูกาลที่ แอนฟิลด์
กำลังโหลดความคิดเห็น