ในช่วงเวลานี้เมื่อฤดูกาลที่แล้ว เชลซี มีลุ้นแชมป์ทุกรายการ ก่อนจะถูกดับความหวังด้วยน้ำมือของ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ในนัดชิง คาร์ลิง คัพ สถานการณ์ดันมาเหมือนกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่กำลังจะประเดิมภารกิจล่า 4 แชมป์ ชิงถ้วยใบจิ๋วกับ “แชมป์เก่า” ณ นิว เวมบลีย์ ในเวลา 4 ทุ่มตรงของวันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคมนี้
ปีที่แล้ว สเปอร์ส ในยุค ฮวนเด รามอส กุนซือชาวสแปนิช พลิกจากตกเป็นรองกลับมาชนะ 2-1 จากลูกจุดโทษของ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ที่โยกมาสวมเสื้อ แมนฯยู แล้ว และลูกโหม่งของ โจนาธาน วูดเกต ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ระเบิดปากกาเซียนทุกสำนักกระจุยกระจาย เพราะก่อนเกม เชลซี ถูกยกให้เป็นต่ออยู่หลายขุม สาวก “เรด เดวิลส์” น่าจะผวาไม่น้อย เพราะวืดแชมป์ ลีก คัพ ไม่เท่าไหร่ แต่หากประวัติศาสตร์ซ้ำรอยที่ก็มีให้เห็นอยู่บ่อยไป “ผีแดง” พลาดจบฤดูกาลแบบมือเปล่าคงเซ็งแย่
แน่นอนแมตช์นี้ แมนฯยู คือ เต็งจ๋าด้วยฟอร์มที่กำลังสุดยอดใน พรีเมียร์ชิป นำเป็นจ่าฝูง หลังไร้พ่ายมา 14 นัดรวด ใน ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาบุกเสมอ อินเตอร์ มิลาน 0-0 ในแบบที่น่าชนะ และใน เอฟเอ คัพ เข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายแล้วพบกับ ฟูแลม
ไรอัน กิ๊กส์ ปีกระดับอาวุโสที่ลงเล่นครบ 90 นาทีในเกมที่ จูเซ็ปเป เมียซซา ทำให้เกมกับ สเปอร์ส น่าจะเป็นเพียงแค่ตัวสำรองเท่านั้น ออกมากระตุ้นรุ่นน้องในทีมว่า “ผู้เล่น ยูไนเต็ด ทุกคนกำลังเฝ้ารอเกมนัดชิงชนะเลิศในวันอาทิตย์นี้อย่างใจจดจ่อ เราล้วนหวังจะคว้าถ้วยแชมป์เป็นการประเดิมฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมนี้ให้จงได้”
ต่างกับ สเปอร์ส ที่ต้องลุ้นหนีตกชั้น แต่ชัยชนะเหนือ ฮัลล์ ซิตี 2-1 เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ช่วยให้หายใจหายคอสะดวกขึ้นพุ่งมารั้งอันดับที่ 14 ส่วนใน ยูฟา คัพ กำลังอยู่ในรอบ 32 ทีมสุดท้าย แต่ว่านัดแรกบุกไปแพ้ ชัคเตอร์ โดเนทส์ค 0-2 มีความเป็นไปได้สูงที่เกมนัดสองในคืนวันพฤหัสบดีนี้ แฮร์รี เรดแน็ปป์ จะยอมทิ้งด้วยการส่งตัวสำรองยกแผง
ก่อนเกม เรดแนปป์ ที่ทิ้ง ปอร์ทสมัธ มาคุมทัพในถิ่น ไวท์ ฮาร์ท เลน เมื่อช่วงต้นฤดูกาล ออกมาจวกโปรแกรมที่ต้องเล่น 3 นัดรอบ 7 วัน ว่า “ใครกันบ้างเล่าที่เล่นเกมคืนวันพฤหัสบดีก่อนที่จะเตะฟุตบอลนัดชิงวันอาทิตย์ ที่ผ่านมา ไม่มีทีมใดต้องเจอแบบนี้เลย เพราะคุณต้องมีเวลา 2-3 วันเพื่อหาโรงแรมสักแห่งและพักผ่อนให้พร้อมสำหรับนัดชิง เป็นโปรแกรมที่บ้ามาก เราเตะ จันทร์, พฤหัสบดี และ อาทิตย์ ก่อนเจอกับทีมอย่าง แมนฯยู ที่ เวมบลีย์ คุณคิดดูซิ”
แมนฯยู อดีตแชมป์ 2 สมัยในปี 1992 และ 2006 จากการเข้าชิงทั้งหมด 6 ครั้ง จะได้ เนมานยา วิดิช กลับมาเสริมใยเหล็กในแผงรับ หลังติดโทษแบนในเกมกับ อินเตอร์ ที่มีปัญหาเล็กน้อยคือตำแหน่งแบ็กขวาเท่านั้น เวส บราวน์ และ แกรี เนวิลล์ ยังบาดเจ็บไม่หาย เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ต้องเลือกระหว่างความสดของ ราฟาเอล ดา ซิลวา หรือความเหนียวแน่นของ จอห์น โอเชีย ส่วน พอล สโคลส์ จะได้ลงบัญชาเกมแดนกลางคู่กับ ไมเคิล คาร์ริค หลังจากเป็นแค่คนดูในเกมยุโรป
ก่อนเกม ท่านเซอร์ ออกมาเปรยบรรดาดาวรุ่งที่ร่วมฝ่าฟันกันมาจนถึงนัดชิง จะได้ออกโอกาสลงเล่นไม่ว่าจะเป็น ดาร์รอน กิ๊บสัน และ แดนนี เวลเบ็ค แต่ที่ลงไม่ได้แน่ๆ คือ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ดาวยิงบัลแกเรียน และ ราฟาเอล ดา ซิลวา แบ็กขวาที่มีอาการบาดเจ็บ
ทางด้าน สเปอร์ส อดีตแชมป์ 4 สมัย 1971, 1973, 1999 และ 2008 เกมนี้จะไม่มี ร็อบบี คีน ดาวยิงที่ไปสอยกลับมาจาก ลิเวอร์พูล เมื่อช่วงปีใหม่, วิลสัน ปาลาซิออส กองกลาง และ ปาสกัล ชิมบงดา แบ็กขวา ที่พร้อมใจกันติดคัพไททั้งหมด รวมถึง เจอร์เมน เดโฟ กองหน้าทีมชาติอังกฤษ ที่ได้รับบาดเจ็บ
ตัวที่เหลือและพร้อมเป็นทางเลือกของ เรดแนปป์ ก็มี ดาร์เรน เบนท์ ดาวยิงสูงสุดที่ยิงไปแล้ว 14 ประตู รวมถึงกองกลางที่มีทรัพยากรล้นเหลือทั้ง เดวิด เบนท์ลีย์, อารอน เลนนอน, เจอร์เมน เจนาส, ทอม ฮัดเดิลสโตน, ดิดิเยร์ โซโกรา และ ลูกา โมดริช ส่วน เวดราน ชอร์ลูกา และ โรมัน พาฟลูเชนโก ที่ติดคัพไทไม่ได้เล่นในเกม ยูฟา คัพ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาจะลงแน่นอน ด้าน วูดเกต น่าจะลงยืนเป็นคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟ กับ เล็ดลีย์ คิง ไหว หลังจากโหม่งประตูชัยในเกมบุกชนะ ฮัลล์ แล้วหัวแตกเลือดอาบจนต้องเย็บหลายเข็ม
สเปอร์ส ถือเป็นมหาอำนาจในถ้วย ลีก คัพ เพราะสถิติข่ม แมนฯยูไนเต็ด อย่างชัดเจนชนะถึง 5 นัดแพ้เพียงแค่นัดเดียว ล่าสุดที่ทั้งคู่เจอกันคือในรอบ 8 ทีมสุดท้ายย้อนไปเมื่อฤดูกาล 1998-99 “ไก่เดือยทอง” เอาชนะไปได้ 3-1 แต่หากจะนับเฉพาะในนัดชิงดำเกมนี้ถือเป็นการเจอกันครั้งแรกของทั้งสองทีม
ทั้งคู่เพิ่งเจอกันมาไม่นานใน เอฟเอ คัพ รอบ 4 แมนฯยู เอาชนะไป 2-1 แต่นัดแรกในลีกที่เจอกันใน ไวท์ ฮาร์ท เลน เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา สเปอร์ส ยันเสมอ 0-0 ด้วยระบบ 4-5-1 ลงไปต้านแนวรุกของ “ผีแดง” ซึ่งก็ได้ผลเกินคาด แมตช์นี้ เรดแนปป์ ก็มีความเก๋าและใจเย็นพอที่จะเล่นประวิงเวลาในแบบเดิมไปเรื่อยๆ เพื่อรอจังหวะที่คู่ต่อสู้พลาด
ฟันธง ตรงเผง โดย เซียนไก๋ เจริญกรุง
ผีเฉือนหวิว 1-0
