ลิเวอร์พูล พ่ายแพ้แบบยับเยินคาถิ่น แอนฟิลด์ ในศึก ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดแรก เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ดังนั้น ต้องมาจับตาดูว่าจะส่งผลกระทบมากน้อยแค่ไหนในเกม พรีเมียร์ชิป วันเสาร์นี้ที่จะประเดิมเตะเป็นคู่แรกในช่วงหัวค่ำ รับการมาเยือนของ แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส ภายใต้ข้อแม้ที่ต้องชนะสถานเดียว
เฟอร์นานโด ตอร์เรส กระซวกให้ ลิเวอร์พูล นำไปก่อน ทำให้คิดว่าทุกอย่างอยู่ในมือแน่นอนแล้ว แต่มาโดนทีเด็ดจาก บรานิสลาฟ อิวาโนวิช โขกสองลูก และ ดิดิเยร์ ดร็อกบา ส่งให้ เชลซี บุกมาเอาชนะตุนสกอร์ไปได้ก่อนอย่างเหลือเชื่อ 1-3 เกมนัดสองที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ในวันที่ 14 เมษายน “หงส์แดง” ต้องชนะ 3-0 หากคิดจะผ่านเข้ารอบ
ถึงกระนั้นก็ตาม ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือ ลิเวอร์พูล ยังไม่คิดที่จะถอดใจ แต่ขอมุ่งเป้ามาที่เกมกับ แบล็กเบิร์น ก่อน “เรากำลังคุยกันถึงนัดถัดไป เพราะมีเกมสำคัญกับ แบล็กเบิร์น รออยู่ จากนั้นค่อยมองถึงเกมนัดสอง แม้จะต้องยิง 3 ลูก แต่เราก็ยังมีเวลาเหลืออีก 90 นาที ตอนนี้เราจำเป็นที่จะต้องลืมเกมยุโรปไปก่อนและมาเน้นที่เกมลีก
เกมนี้จึงต้องจับตามองการจัดตัวของ เบนิเตซ ว่า จะเน้นเกมลีกก่อนจริงเหมือนที่พูดหรือไม่ เพราะจากนั้นพักแค่ 2 วันต้องชี้ชะตากับ เชลซี ต่อทันที ส่วนฟอร์มใน พรีเมียร์ชิป ของ ลิเวอร์พูล ถือว่ากำลังไร้เทียมทานชนะมา 4 นัดรวด แถมกดไปได้ถึง 12 ประตู หากชนะ แบล็กเบิร์น จะแซงนั่งจ่าฝูงกดดัน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ลงเล่นทีหลังอีกครั้ง
ฝั่งอาคันตุกะ แบล็กเบิร์น แม้ยังไม่รอดตกชั้นแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ เมื่ออยู่เหนือโซนแดงอยู่แค่ 5 แต้ม แต่ก็ถือว่า แซม อัลลาไดซ์ ที่เข้ามาคุมทัพแทน พอล อินซ์ เมื่อช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ยกระดับทีมขึ้นมาได้น่าพอใจ 14 นัดแพ้แค่ 3 นัดเท่านั้นต่อ แอสตัน วิลลา, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ อาร์เซนอล ล่าสุดเอาชนะ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ 2-1
เกมนี้ แบล็กเบิร์น มีปัญหาพอสมควร โดยเฉพาะแนวรุกเมื่อ เจสัน โรเบิร์ตส์ ได้รับบาดเจ็บต้องพักยาว 3 สัปดาห์ ส่วน โรเก ซานตา ครูซ ดาวยิงปารากวัย ก็ยังคงมีปัญหาที่หัวเข่า ซึ่งไม่ได้ลงสนามมา 5 เกมแล้ว ไม่แน่ คริสโตเฟอร์ แซมบา กองหลังร่างยักษ์ อาจถูกดันมาเล่นกองหน้า หลังมีส่วนร่วมกับชัยชนะในเกมพลิกคว่ำ สเปอร์ส
นัดนี้ต้องจับตามองเพราะอาจจะเป็นจุดเปลี่ยนอีกครั้งในฤดูกาลนี้ของ “หงส์แดง” หากเจอเอฟเฟกต์จากเกมพ่าย เชลซี อาจทำให้หมดลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ชิป แต่ว่าได้เล่นในรัง แอนฟิลด์ ค่อนข้างจะเป็นต่อ แบล็กเบิร์น ที่มีปัญหานักเตะบาดเจ็บโดยเฉพาะกองหน้า สุดท้ายแล้วจึงเชื่อว่าเจ้าบ้านน่าจะเบียดเอาชนะไปได้อย่างหืดจับ
ส่วนอีกคู่ขอให้ความสำคัญกับโซนท้ายตาราง เพราะสัปดาห์นี้มีเกมที่บรรดาทีมหนีตายจะต้องมาตัดแต้มกันเองถึง 3 คู่ เราจะโฟกัสไปที่ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ยักษ์ใหญ่แถบภาคอีสาน ที่สถานการณ์ร่อแร่รั้งอันดับ 18 จะต้องบุกไปเยือนถิ่น บริทานเนีย สเตเดียม ของน้องใหม่ สโต๊ก ซิตี ทีมอันดับ 13 ที่ค่อนข้างลอยตัว เนื่องจากมีมากกว่าถึง 6 แต้ม
เกมนี้จะเป็นบทพิสูจน์ฝีมือของ อลัน เชียเรอร์ กุนซือใหม่ของ นิวคาสเซิล อย่างแท้จริง เนื่องจากเกมเปิดตัวก่อนหน้านี้เจอของแข็งอย่าง เชลซี ทำให้แพ้ไปแบบสู้ไม่ได้ 0-2 ทำให้ 10 นัดหลังสุดชนะเพียงแค่นัดเดียวเท่านั้น แต่ถึงกระนั้นก็ตามสาวก “ทูน อาร์มี” ยังแห่เข้าไปให้กำลังใจอย่างท่วมท้นในสนามซ้อมถึง 7,500 คน
เชียเรอร์ อาจจะดร็อป ฟาบริซิโอ โคลอคซินี ปราการหลังชาวอาร์เจนไตน์ ที่ฟอร์มไม่เอาอ่าวและผิดพลาดจนเสียประตูแรกในเกมแพ้ เชลซี ส่วนแดนหน้าอาจจะมีเซอร์ไพรส์ แอนดี คาร์โรลล์ อาจได้สตาร์ทเป็นตัวจริงล่าตาข่ายคู่กับ ไมเคิล โอเวน หลังจากกองหน้าดาวรุ่งวัย 20 ปี เพิ่งเบิ้ลสกอร์ได้ในเกมสำรองกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี
ก่อนเกม เชียเรอร์ ออกมากระตุ้นบรรดากองหน้าให้เร่งผลิตสกอร์ ว่า “เราต้องพยายามสร้างโอกาสเข้าทำให้มากกว่านี้ เพราะเรามีกองหน้าฝีเท้าดีอยู่ในทีมพร้อมๆ กันถึง 2 คน อย่างในเกมที่แพ้ เชลซี พวกเขาแทบจะไม่มีโอกาสเลย บางที โอเวน ต้องลงมาล้วงบอลในแดนกลาง ซึ่งหากพวกเขาอยู่ในฟอร์มที่ควรจะเป็น พวกเขาจะเป็นทีเด็ดของเรา”
ส่วนเจ้าถิ่น สโต๊ก ฟอร์มการเล่นในถิ่นถือเป็นจุดแข็งในฤดูกาลนี้ชนิดที่ นิวคาสเซิล ห้ามประมาทอย่างเด็ดขาด เมื่อแพ้เพียงแค่ 3 นัดเท่านั้นแก่ เชลซี, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เอฟเวอร์ตัน ล่าสุด ลูกทีมของ โทนี พูลิส เพิ่งคว้าชัยแรกเกมเยือนในฤดูกาลนี้บุกไปเอาชนะ เวสต์บรอมวิช อัลเบียน 2-0 ถือเป็นการเก็บชัยชนะ 3 ใน 4 เกมหลังสุดอีกด้วย
แทกติกของ สโต๊ก ที่กลับมาใช้ได้ผลอีกครั้งในช่วงท้ายฤดูกาล ก็คือ ลูกโด่ง แถมบรรดาตัวเก่งยังอยู่กับครบครันทั้งคู่หน้า ริคาร์โด ฟูลเลอร์ และ เจมส์ บีทตี ที่ช่วยกันกดไปแล้ว 14 ประตู นัดแรกก็บุกไปไล่ตามตีเสมอถึงถิ่น เซนต์ เจมส์ ปาร์ค 2-2 อย่างไรก็ตาม “ช่างปั้นหม้อ” เป็นทีมเล็กฟอร์มดีมาติดๆ อาจจะมาสมาธิหลุดเสียท่าให้กับ นิวคาสเซิล ก็ได้
ฟันธง ตรงเผง โดย เซียนไก๋ เจริญกรุง
ลิเวอร์พูล ชนะ แบล็กเบิร์น 1-0
มิดเดิลสโบรช์ เสมอ ฮัลล์ 0-0
ปอร์ทสมัธ ชนะ เวสต์บรอม 2-0
ซันเดอร์แลนด์ แพ้ แมนฯยู 1-2
สเปอร์ส ชนะ เวสต์แฮม 2-0
วีแกน แพ้ อาร์เซนอล 1-3
เชลซี ชนะ โบลตัน 2-0
สโต๊ก แพ้ นิวคาสเซิล 1-2
วิลลา ชนะ เอฟเวอร์ตัน 2-1
แมนฯซิตี เสมอ ฟูแลม 1-1
โปรแกรมฟุตบอลพรีเมียร์ชิปช่วงสุดสัปดาห์
วันเสาร์ที่ 11 เมษายน 2552
ลิเวอร์พูล พบ แบล็กเบิร์น เวลา 18.45 น.
มิดเดิลสโบรช์ พบ ฮัลล์ เวลา 21.00 น.
ปอร์ทสมัธ พบ เวสต์บรอม เวลา 21.00 น.
ซันเดอร์แลนด์ พบ แมนฯยู เวลา 21.00 น.
สเปอร์ส พบ เวสต์แฮม เวลา 21.00 น.
วีแกน พบ อาร์เซนอล เวลา 21.00 น.
เชลซี พบ โบลตัน เวลา 21.00 น.
สโต๊ก พบ นิวคาสเซิล เวลา 23.30 น.
วันอาทิตย์ที่ 12 เมษายน 2552
วิลลา พบ เอฟเวอร์ตัน เวลา 20.00 น.
แมนฯซิตี พบ ฟูแลม เวลา 22.10 น.