ศึก "วันแดงเดือด" มาเยือนแต่หัววันในฤดูกาลนี้ โดย ลิเวอร์พูล จะเปิด แอนฟิลด์ รับมือแชมป์เก่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เตะเป็นคู่แรกของวันเสาร์ที่ 13 กันยายนนี้เวลา 18.45น. ขึ้นชื่อว่าศึก "เรด วอร์" เจอกันครั้งใดไม่มีคำว่ากร่อยอยู่แล้วแม้จะมาก่อนกำหนดก็ตาม
ผู้แพ้ในเกมนี้ไม่ได้หมายความว่าหมดลุ้นแชมป์ แต่ผู้ชนะจะได้เปรียบในแง่ของความมั่นใจ ลิเวอร์พูล แม้จะออกสตาร์ทชนะ 2 นัดรวด แต่ว่าเกมล่าสุดที่บุกไปเสมอ แอสตัน วิลลา 0-0 ทำให้แฟน "เดอะ ค็อป" บางส่วนหมดศรัทธาไม่น้อย เพราะ ราฟาเอล เบนิเตซ จัดทีมแบบกล้าๆ กลัวๆ ปีที่แล้วเคยเสมอถึง 13 นัด สิ่งนี้เองที่ต่างกับ แมนฯยู ที่พร้อมจะเสี่ยงเพื่อสามแต้มดีกว่าปล่อยให้เสมอ 2 นัด
ส่วน แมนฯยู เหมือนเครื่องยังไม่ร้อนชนะ 1 เสมอ 1 นัด ที่แข่งน้อยกว่าเพราะไปพ่าย เซนิต เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก 1-2 ในเกมนัดชิง ยูฟา ซูเปอร์ คัพ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าทีมยังมีปัญหาอีกหลายจุดทั้งในเรื่องของความฟิต, นักเตะบาดเจ็บ รวมถึงการจบสกอร์ แต่ก็ไม่แปลกเพราะฤดูกาลที่แล้วกว่าจะเข้าที่เข้าทางก็ปาเข้าไปนัดที่ 7 ที่ชนะ เชลซี 2-0
เกมนี้ทั้งสองทีมอยู่ในสภาพที่ไม่พร้อม เริ่มด้วย ลิเวอร์พูล ต้องลุ้นอาการเจ็บกล้ามเนื้อของ สตีเวน เจอร์ราร์ด คีย์แมนในแดนกลาง หลังถอนตัวจากทีมชาติอังกฤษ ชุดประเดิมทำศึกฟุตบอลโลก 2010 ล่าสุด เบนิเตซ ออกมาเปรยว่ากัปตันทีมขาลุยกลับมาซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมได้แล้ว แต่ในรายของ เฟอร์นานโด ตอร์เรส กองหน้าดีกรีแชมป์ ยูโร 2008 เจ็บเอ็นหลังหัวเข่า อาจจะวืดค่อนข้างแน่ เพราะว่าจะต้องพัก 2-3 สัปดาห์ ซึ่งหมายถึงการเปิดทางให้ ร็อบบี คีน ดาวยิงใหม่ที่ยังควานหาประตูแรกยืนคู่กับ เดิร์ก เคาท์
ส่วน อัลเบิร์ต ริเอรา ปีกสเปน ที่เพิ่งย้ายมาจาก เอสปันญอล มีลุ้นออกสตาร์ท เช่นเดียวกัน ไรอัน บาเบล อย่างไรก็ตามเดาใจ เบนิเตซ ค่อนข้างยากว่าจะมาเล่นในระบบไหน ส่วนแดนกลางยังอยู่ครบทั้ง ชาบี อลอนโซ, ลูคัส เลวา และ ฮาเวียร์ มาสเชราโน ที่หวังแก้ตัวหลังตบะแตกตอแยกรรมการจนโดนไล่ออกในเกมแพ้ แมนฯยู 0-3 เมื่อปีที่แล้ว
ฝั่ง แมนฯยู ทุกสายตาจับจ้องที่การมาของ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ดาวยิงค่าตัว 30.75 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2 พันล้านบาท) โดยเฉพาะการวางหมากของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ว่าจะมาแผนไหน เพราะว่าในแดนหน้ายังมี เวย์น รูนีย์ และ คาร์ลอส เตเบซ แต่จะไม่มี คริสเตียโน โรนัลโด ปีกดาวเด่นที่ซัดไป 42 ประตูเมื่อฤดูกาลที่แล้วเนื่องจากเจ็บข้อเท้า รวมทั้งพาร์ค จี ซอง ที่ยังเดี้ยง ในส่วนของแดนกลางต้องลุ้นว่า ไมเคิล คาร์ริค กับ โอเวน ฮาร์กรีฟส์ จะฟิตพอหรือไม่ แต่จะได้ นานี พ้นโทษแบนกลับมาเป็นตัวเลือก
สำหรับสถิติที่ผ่านมา 8 นัดหลังสุดที่พบกับในลีก แมนฯยู ไม่มีคำว่าแพ้ แถมเป็นการชนะ ลิเวอร์พูล ถึง 7 นัด อย่างไรก็ตามเกมนี้ทั้งคู่เจอกันเร็วเกินไปหน่อยในช่วงต้นฤดูกาล ทำให้อะไรๆ ยังไม่เข้าที่เข้าทาง แถมสภาพทีมก็พิการพอกัน ทำให้สุดท้ายแล้วน่าจะเสมอกันไป
อีกหนึ่งคู่ที่ถือเป็นไฮไลท์สำคัญ แมนฯซิตี ที่ได้ชื่อว่าเป็นสโมสรที่รวยที่สุดในโลกในเวลานี้ไปแล้ว หลังการเข้ามากุมอำนาจของ ซุไลมาน อัล-ฟาห์อิม มหาเศรษฐีจากตะวันออกกลาง จะพบกับ เชลซี ของ โรมัน อบราโมวิช เจ้าของทีมชาวรัสเซีย ที่เพิ่งเสียหน้าอย่างแรงด้วยการเสีย โรบินโญ แนวรุกทีมชาติบราซิล ไปให้กับ "เรือใบสีฟ้า"
แมนฯซิตี ออกสตาร์ทมี 6 แต้มจากการชนะ 2 และแพ้ 1 นัด เกมนี้แฟนบอลน่าจะเข้ามาเต็มความจุสนาม เดอะ ซิตี ออฟ แมนเชสเตอร์ สเตเดียม เพื่อต้อนรับเจ้าของคนใหม่ รวมถึงจับตาดูฝีเท้าของ โรบินโญ ในการประสานงานกับ โจ และ เอลาโน สองเพื่อนร่วมทัพแซมบ้า รวมถึง ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ แข้งลูกหม้อที่ย้ายกลับมาอีกครั้งพร้อมซัดเบิลในเกมล่าสุดที่ถล่ม ซันเดอร์แลนด์ 3-0
อย่างไรก็ตามในเกมนี้ต้องลุ้น ไมกาห์ ริชาร์ดส์ เซนเตอร์ฮาล์ฟทีมชาติอังกฤษ ว่าจะหายเจ็บหัวไหล่ทันลงคุมแนวรับหรือไม่ เช่นเดียวกับ ไมเคิล จอห์นสัน กองกลางห้องเครื่องที่เจ็บกล้ามเนื้อต้นขา เพิ่งพลาดเกมระดับยู 21 ปี แต่ที่วืดแน่นอนแล้วก็คือ มาร์ติน เปตรอฟ ปีกจรวดฝั่งซ้ายที่เจ็บหัวเข่ายังไม่หาย
ทางด้าน เชลซี จ่าฝูงของตารางที่มี 7 คะแนนเท่ากับ ลิเวอร์พูล มีปัญหาในแดนกลางเมื่อ มิชาเอล บัลลัค ยังไม่ฟิตเต็มร้อย ส่วน มิคาเอล เอสเซียง เจ็บเอ็นหัวเข่าต้องพักยาวถึง 6 เดือนเต็ม แต่อาจจะได้ จอห์น โอบิ มิเกล หายเจ็บกลับมาประสานงานกับ แฟรงค์ แลมพาร์ด และ เดโก รวมถึง ดิดิเยร์ ดร็อกบา ดาวยิงมฤตยูดำ ที่กุนซือ หลุยส์ เฟลิเป สโคลารี ออกมาเปรยว่าอาการดีขึ้นแล้วอาจจะได้ลงเล่นเกมแรกในฤดูกาลนี้ แต่คงจะแค่ 45 นาทีเท่านั้น
ล้าจากเกมทีมชาติด้วยกันทั้งคู่ แมนฯซิตี ยกระดับขึ้นมาได้อย่างน่ากลัว แต่อาจจะมีปัญหาในเรื่องกึ๋นของกุนซือ มาร์ค ฮิวจ์ส ว่าจะใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในมือได้ดีแค่ไหน เพราะยังเทียบไม่ได้กับ สโคลารี ส่วน เชลซี แม้มีปัญหาเรื่องการจบสกอร์เห็นได้จากเกมชนะ วีแกน แอธเลติก และเสมอ ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ แต่เชื่อในประสบการณ์ที่มีมากกว่าน่าจะชนะเจ้าถิ่นได้หวุดหวิด
ฟันธง ตรงเผง โดย เซียนไก๋ เจริญกรุง
ลิเวอร์พูล เสมอ แมนฯยู 1-1
แบล็คเบิร์น เสมอ อาร์เซนอล 1-1
ฟูแลม ชนะ โบลตัน 2-1
นิวคาสเซิล ชนะ ฮัลล์ 2-1
ปอร์ทสมัธ ชนะ มิดเดิลสโบรช์ 2-0
เวสต์ บรอม เสมอ เวสต์ แฮม 0-0
วีแกน ชนะ ซันเดอร์แลนด์ 1-0
แมนฯซิตี แพ้ เชลซี 0-1
สโต๊ค แพ้ เอฟเวอร์ตัน 0-2
สเปอร์ส เสมอ วิลลา 2-2
โปรแกรมฟุตบอล พรีเมียร์ชิป สุดสัปดาห์นี้
วันเสาร์ที่ 13 กันยายน 2551
ลิเวอร์พูล พบ แมนฯยู เวลา 18.45น.
แบล็คเบิร์น พบ อาร์เซนอล เวลา 21.00น.
ฟูแลม พบ โบลตัน เวลา 21.00น.
นิวคาสเซิล พบ ฮัลล์ เวลา 21.00น.
ปอร์ทสมัธ พบ มิดเดิลสโบรช์ เวลา 21.00น.
เวสต์ บรอม พบ เวสต์ แฮม เวลา 21.00น.
วีแกน พบ ซันเดอร์แลนด์ เวลา 21.00น.
แมนฯซิตี พบ เชลซี เวลา 23.30น.
วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน 2551
สโต๊ค พบ เอฟเวอร์ตัน เวลา 19.30น.
วันจันทร์ที่ 15 กันยายน 2551
สเปอร์ส พบ วิลลา เวลา 02.00น.