xs
xsm
sm
md
lg

ตัวเลขฟ้อง “เรือใบ” ยอดทีมเกมรุก “ผี” ครึ่งหลังสุดห่วย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โรบินโญ หัวใจแนวรุก แมนฯซิตี
โม่แข้งไปแล้ว 12 นัดสำหรับเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ จะเรียกว่าเป็นโค้งแรกก็คงไม่ผิดนัก ทำให้เริ่มเห็นภาพลางๆ ว่า ใครหมู่ใครจ่า ซึ่งคงปฏิเสธไม่ได้ว่า “รองแชมป์เก่า” เชลซี และ ลิเวอร์พูล คือ เต็งแชมป์ ว่าแล้วเราลองมาดูสถิติและตัวเลขน่าสนใจจากที่ “สกาย สปอร์ตส์” (Sky Sports) สื่อชื่อดังวิเคราะห์ ออกมากันหน่อยดีกว่า

มาดูที่ภาพรวมกันก่อนทีมที่เกมรุกมีประสิทธิภาพมากที่สุด ไม่ใช่ “บิ๊กโฟร์” แต่เป็น แมนเชสเตอร์ ซิตี คิดเป็นความแน่นอนในการยิงประตู 53 เปอร์เซ็นต์ จากโอกาสยิง 146 ครั้ง เข้ากรอบ 78 ครั้ง แปรเปลี่ยนเป็นประตูได้ 24 ลูก รองลงมาเป็น ฮัลล์ ซิตี น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ คิดเป็น 50 เปอร์เซ็นต์ ยิง 113 ครั้ง เข้ากรอบ 57 ครั้ง ได้ 17 ประตู

แต่ทว่าทีมที่ครองบอลเยอะที่สุดวัดจากโอกาสยิงประตู ก็คือ อาร์เซนอล และ เชลซี เท่ากัน 185 ครั้ง แต่ฝ่ายหลังมีประสิทธิภาพมากกว่าคิดเป็น 45 เปอร์เซ็นต์ จากการเข้ากรอบ 83 ครั้งเป็น 29 ประตู ส่วนฝ่ายแรก 43 เปอร์เซ็นต์ จากการเข้ากรอบ 79 ครั้งเป็น 25 ประตู ตามด้วย ลิเวอร์พูล มีโอกาสยิง 159 ครั้ง และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 150 ครั้ง

ลิเวอร์พูล แม้ว่าจะปั้นเกมมีโอกาสยิงมากกว่า แมนฯยูไนเต็ด แต่ว่าจาก 159 ครั้งเข้ากรอบ 61 ครั้ง เปลี่ยนเป็น 19 ประตู คิดเป็นแค่ 38 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น แต่ว่า “ผีแดง” นั้นอยู่ที่ 48 เปอร์เซ็นต์ จากโอกาสน้อยกว่าแต่ยิงได้มากกว่า “หงส์แดง” 1 ประตู

ด้านทีมที่มีเกมรุกห่วยที่สุด ฟูแลม, ซันเดอร์แลนด์ และ เวสต์ บรอมวิช อัลเบียน ยิงได้น้อยที่สุดเท่ากัน 10 ประตู แต่ทีมที่สร้างโอกาสน้อยที่สุดในลีกคือ สโต๊ก ซิตี แค่ 78 ครั้ง ยิงได้ 13 ประตู รองลงมา คือ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 97 ครั้ง นอกนั้นทีมอื่นสร้างโอกาสยิงประตูขึ้นเลข 3 หลักทั้งหมด

ในตำแหน่งดาวซัลโวที่ไว้ใจมากที่สุด คือ นิโกลาส์ อเนลกา หอก เชลซี ซัดได้ 10 ประตู มีพลังสังหารคิดเป็น 27 เปอร์เซ็นต์ แต่น้อยกว่า ดาร์เรน เบนท์ ของ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ 7 ประตู 29 เปอร์เซ็นต์ และ กาเบรียล อักบอนลาฮอร์ สูงที่สุด 6 ประตู 38 เปอร์เซ็นต์ แต่ทั้งหมดต้องคำนึงถึงโอกาสที่แต่ละทีมป้อนให้กองหน้าด้วย

มีคนยิงก็ต้องมีคนป้อน ชาบี อลอนโซ กองกลางมาดคุณชายของ ลิเวอร์พูล ผ่านบอลมากที่สุดถึง 842 ครั้ง ความแม่นยำอยู่ที่ 86 เปอร์เซ็นต์ แต่ว่า จอห์น โอบิ มิเกล ของ เชลซี แม้จะคายบอลให้เพื่อนน้อยกว่าอยู่ที่ 794 ครั้ง แต่แม่นยำมากกว่าถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ตามมาด้วย เดนิลสัน ของ อาร์เซนอล 780 ครั้ง คิดเป็น 87 เปอร์เซ็นต์

ข้ามมาดูในเรื่องเกมรับกันบ้าง ฟาบริซ มูอัมบา กองกลาง โบลตัน วันเดอเรอร์ส เฝ้าหน้าบ้านอย่างแข็งขัน เพราะไล่แทกเกิลคู่แข่งได้ถึง 56 ครั้ง คิดเป็น 82 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว ตามมาด้วย สตีด มัลบรองก์ (ซันเดอร์แลนด์) ที่เล่นในตำแหน่งปีกแท้ๆ และ นิกกี บัตต์ (นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด) 54 ครั้งเท่ากัน คิดเป็น 76 และ 63 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ

มาถึงหลังบ้านที่ไม่ใช่ด่านสุดท้ายของท่านชาย แต่ว่าเป็นตำแหน่งผู้รักษาประตู สกอตต์ คาร์สัน จาก เวสต์ บรอมวิช อัลเบียน เซฟได้มากที่สุด 55 ครั้ง คิดเป็น 72 เปอร์เซ็นต์ ตามด้วย รอสส์ เทิร์นบูลล์ จากมิดเดิลสโบรช์ 53 ครั้ง 77 เปอร์เซ็นต์ และ ทิม โฮเวิร์ด จากเอฟเวอร์ตัน 49 ครั้ง 71 เปอร์เซนต์ แต่ถ้าเลือกได้คงไม่อยากให้เซฟเลยจะดีกว่า

ยังมีที่สุดของที่สุดอีกในหลายๆ เรื่องไม่ว่าจะเป็นตำแหน่ง “แบด บอย” มารัวเน เฟลลายนี กองกลางหัวฟูของ เอฟเวอร์ตัน ฟาวล์ไปถึง 33 ครั้ง โดน 5 ใบเหลือง คิดเป็นคะแนนไม่ดีถึง 48 แต้ม ตามด้วย เควิน เดวีส์ หอก โบลตัน วันเดอเรอร์ส ฟาวล์ 37 ครั้ง 2 ใบเหลือง 43 แต้ม ส่วนทีมทำฟาวล์เยอะสุดคือ แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส 189 ครั้ง

นอกจากนี้ อามีร์ ซากิ ดาวยิงอียิปต์ของ วีแกน แอธเลติก เรียกได้ว่าเป็น “ชูตเตอร์” หาจังหวะลุ้นทำประตูมากสุดถึง 41 ครั้งเลยทีเดียว ตามด้วยตำแหน่งขี้เลี้ยง ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ ปีกร่างจ้อยของ แมนฯซิตี แย่งมาจาก คริสเตียโน โรนัลโด ของ แมนฯยูไนเต็ด ตะลุยผ่านไปได้ถึง 63 ครั้ง และครอสส์บอลมากที่สุด เดวิด เบนท์ลีย์ จากสเปอร์ส 134 ครั้ง

ปิดท้ายด้วย เชลซี คือทีมที่เล่นครึ่งแรกดีที่สุด เพราะหากจะนับคะแนนแค่ 45 นาทีแรกจากสกอร์ที่เกิดขึ้นจะทำแต้มได้ถึง 26 แต้ม ตามด้วย แมนฯยูไนเต็ด 22 แต้ม และ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 20 แต้ม ส่วนพวกแรงปลายเล่นครึ่งหลังดี คือ เชลซี ทำได้ 28 แต้ม ตามด้วย ลิเวอร์พูล 27 แต้ม และ อาร์เซนอล 21 แต้ม ส่วน แมนฯยู ทำได้แค่ 13 แต้มเท่านั้น
ริโอ เฟอร์ดินานด์ เครียดกับแนวรับ ผีแดง
เฟลลายนี (ขวา) แบดบอยคนใหม่
ซากิ ยอดดาวยิง
กำลังโหลดความคิดเห็น