ร็อบบี คีน กลับมาคืนฟอร์มด้วยการเหมา 2 ลูกช่วยให้ ลิเวอร์พูล จิก โบลตัน วันเดอเรอร์ส 3-0 ยึดบัลลังก์จ่าฝูงพรีเมียร์ชิป อังกฤษ ต่อไป ส่วน แมนเชสเตอร์ ซิตี ไล่ยำ ฮัลล์ ซิตี เละเทะ 5-1 ในเกมวันบ็อกซิงเดย์
ฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ นัดบ็อกซิงเดย์ วันศุกร์ที่ 26 ธันวาคม 2551
ลิเวอร์พูล 3 – 0 โบลตัน วันเดอเรอร์ส
ที่สนามแอนฟิลด์ ลิเวอร์พูล เปิดบ้านต้อนรับ โบลตันวัน เดอเรอร์ส นัดนี้ เฟอร์นานโด ตอร์เรส ดาวยิงทีมชาติสเปนยังไม่มีชื่อแม้กระทั่งตัวสำรองของเจ้าถิ่นซึ่งปรับหมากมาเล่นระบบ 4-4-2 โดยให้ ร็อบบี คีน ลงเป็นหัวหอกคู่กับ เดิร์ก เคาท์ ด้านทีมเยือนแพ็กกลางมาแน่นถึง 5 คน โดยทิ้ง โยฮัน เอลมานเดอร์ ยืนค้ำในแดนหน้าคนเดียว
สิ้นเสียงนกหวีดเริ่มเกม ทั้งสองฝ่ายต่างเปิดฉากแลกหมัดกันทันที แต่ยังวืดวาดไปมา จนนาทีที่ 4 ก็เกิดจังหวะสับไกหนแรกโดย อัลเบิร์ต ริเอรา เก็บตกจากลูกเตะมุมได้ในเขตโทษ แล้วง้างไกซัดด้วยซ้าย ทว่าไปติด ร็อบบี คีน ที่ยืนอยู่หน้าประตูออกหลัง
จังหวะเข้าทำจะแจ้งยังคงเป็นของหงส์แดง นาทีที่ 17 เอมิเลียโน อินซัว เก็บตกจากลูกเตะมุมแล้วซัดหน้าเขตโทษบีบให้ ยุสซี ยาสเคไลเนน ต้องออกแรงเซฟ ก่อนที่ 2 นาทีต่อมา ชาบี อลอนโซ จะตั้งป้อมโยนโค้งให้ เดิร์ก เคาท์ สอดเข้ามาโหม่งแถวจุดโทษข้ามคาน
จนมาถึงนาทีที่ 26 บรรดา เดอะ ค็อป ก็ได้เฮกันลั่นสนาม เมื่อ สตีเวน เจอร์ราร์ด เปิดลูกเตะมุมจากด้านขวาเข้ามาที่เสาแรก ริเอรา วิ่งฉีกตัวประกบก่อนใช้หน้าเท้าถีบบอลเปลี่ยนทางผ่านมือ ยาสเคไลเนน เข้าไปตุงตาข่ายเป็นอันว่า ลิเวอร์พูล ตีปีกออกนำไปก่อน 1-0
พอเจาะตาข่ายได้ ลิเวอร์พูล ก็เล่นแบบได้ใจพับสนามบุกข้างเดียว นาทีที่ 36 ยอสซี เบนายูน รอเก็บตกจากลูกฟรีคิกแล้วฮาล์ฟวอลเลย์ส่งลูกทแยงมุมประตูออกหลัง ถัดมา 2 นาที ดาเนียล แอกเกอร์ พาบอลเลยเส้นครึ่งสนามมาก่อนวางเท้าซัดไกล แต่ก็ไม่เข้าเป้า ก่อนที่ เจมี คาร์ราเกอร์ จะส่องด้วยซ้ายข้ามคาน จบครึ่งแรกสกอร์ยังอยู่ที่ 1-0
เข้าสู่ครึ่งหลังนาทีที่ 53 หงส์แดง ก็ทะยานหนีห่างออกไปเป็น 2-0 โดย ชาบี อลอนโซ สไลด์บอลดักทางการต่อบอลของ โบลตัน ได้ตรงกลางสนามจนเลยมาถึง เจอร์ราร์ด ก่อนที่ “สตีวีจี” จะจ่ายตามช่องให้ ร็อบบี คีน หลุดเข้าไปเข่นด้วยซ้ายเบียดเสาแรกเข้าไป นับเป็นประตูที่ 2 ใน 2 นัดติดต่อกันของ “คีนน้อย”
เท่านั้นไม่พอ เจ้าถิ่นยังได้ลูกที่ 3 ตามมาในนาทีที่ 58 จากจังหวะที่ โฮเซ เรนา กลิ้งบอลเร็วให้ อลอนโซ พาบอลกินแดน เดอะ ทร็อตเตอร์ส ก่อนจ่ายออกทางขวาให้ เบนายูน ตบเรียดมาที่ ร็อบบี คีน เข้าฮอสระยะเผาขนเป็นสกอร์ 3-0 สำหรับ ลิเวอร์พูล แล้ว
แม้ โบลตัน จะส่ง เควิน เดวีส์, มุสตาฟา ริกา กับ เอบี สโมลาเร็ค ลงมาเสริมแนวรุกแทน เจลอยด์ ซามูเอล, แม็ทธิว เทย์เลอร์ และ โยฮัน เอลมานเดอร์ ก็ตาม แต่รูปเกมยังดำเนินไปแบบวันเวย์ นาทีที่ 74 อลอนโซ เปิดลูกเตะมุมลึกมาเสาสองให้ แอกเกอร์ เทกตัวโขกออกหลัง
นานๆ ทีทีมเยือนจึงจะสร้างความหวาดเสียวได้ แต่ก็เกือบมีลุ้นสกอร์เช่นกัน นาทีที่ 84 ฟาบริซ มูอัมบา ลากบอลขึ้นมาก่อนไหลต่อให้ สโมลาเร็ค แตะเข้าซ้ายแล้วกดเรียดหักข้อหนีมือ เรนา ไปแล้ว ทว่า ลูกเฉี่ยวเสาออกหลังเพียงแค่คืบเท่านั้น
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ลิเวอร์พูล ได้โอกาสบวกประตูเพิ่มอีก 2 ครั้ง แต่ ยาสเคไลเนน โชว์ซูเปอร์เซฟป้องกันได้หมด จบเกมจึงเอาชนะไปแบบสบายๆ 3-0 เก็บเพิ่มเป็น 42 คะแนน ยังรักษาตำแหน่งจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกเอาไว้ได้
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล – โฮเซ เรนา, เจมี คาร์ราเกอร์, ซามี ฮูเปีย, ดาเนียล แอกเกอร์, เอมิเลียโน อินซัว, ยอสซี เบนายูน, ชาบี อลอนโซ, สตีเวน เจอร์ราร์ด, อัลเบิร์ต ริเอรา, ร็อบบี คีน, เดิร์ก เคาท์
โบลตัน วันเดอเรอร์ส – ยุสซี ยาสเคไลเนน, เกรตาร์ สไตนส์สัน, แกรี เคฮิลล์, แอนดี โอไบรอัน, เจลอยด์ ซามูเอล, ฟาบริซ มูอัมบา, เกวิน แม็คคานน์, แม็ทธิว เทย์เลอร์, เควิน โนแลน, ริคาร์โด การ์ดเนอร์, โยฮัน เอลมานเดอร์
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ
สโต๊ค ซิตี แพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-1 (คาร์ลอส เตเบซ 0-1 น.83)
เชลซี ชนะ เวสต์บรอมวิช อัลเบียน 2-0 (ดิดิเยร์ ดร็อกบา 1-0 น.3), (แฟรงค์ แลมพาร์ด 2-0 น.45)
ปอร์ทสมัธ แพ้ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 1-4 (นาเดียร์ เบลฮัดจ์ 1-0 น.8), (แจ็ค คอลลิสัน 1-1 น.20), (คาร์ลตัน โคล 1-2 น. 67), (เคร็ก เบลลามี 1-3 น.70), (เคร็ก เบลลามี 1-4 น.83)
ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ เสมอ ฟูแลม 0-0
ลิเวอร์พูล ชนะ โบลตัน วันเดอเรอร์ส 3-0 (อัลเบิร์ต ริเอรา 1-0 น.26), (ร็อบบี คีน 2-0 น.53), (ร็อบบี คีน 3-0 น. 58)
แมนเชสเตอร์ ซิตี ชนะ ฮัลล์ ซิตี 5-1 (เฟลิเป ไซเซโด 1-0 น.15), (เฟลิเป ไซเซโด 2-0 น.27), (โรบินโญ 3-0 น.28), (โรบินโญ 4-0 น.36), (เคร็ก เฟแกน 4-1 น.80), (สตีเฟน ไอร์แลนด์ 5-1 น.82)
มิดเดิลสโบรช์ แพ้ เอฟเวอร์ตัน 0-1 (ทิม เคฮิลล์ 0-1 น.50)
ซันเดอร์แลนด์ เสมอ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 0-0
วีแกน แอธเลติก ชนะ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 2-1 (ไรอัน เทย์เลอร์ 1-0 น.29), (อาเมอร์ ซากี 2-0 จุดโทษ น.73), (แดนนี กัทธรี 2-1 จุดโทษ น.88)
แอสตัน วิลลา เสมอ อาร์เซนอล 2-2 (เนเวส เดนิลสัน 0-1 น.40), (อาบู ดิยาบี 0-2 น.49), (แกเร็ธ แบร์รี 1-2 จุดโทษ น.65), (แซต ไนท์ 2-2 น.90)
ฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ นัดบ็อกซิงเดย์ วันศุกร์ที่ 26 ธันวาคม 2551
ลิเวอร์พูล 3 – 0 โบลตัน วันเดอเรอร์ส
ที่สนามแอนฟิลด์ ลิเวอร์พูล เปิดบ้านต้อนรับ โบลตันวัน เดอเรอร์ส นัดนี้ เฟอร์นานโด ตอร์เรส ดาวยิงทีมชาติสเปนยังไม่มีชื่อแม้กระทั่งตัวสำรองของเจ้าถิ่นซึ่งปรับหมากมาเล่นระบบ 4-4-2 โดยให้ ร็อบบี คีน ลงเป็นหัวหอกคู่กับ เดิร์ก เคาท์ ด้านทีมเยือนแพ็กกลางมาแน่นถึง 5 คน โดยทิ้ง โยฮัน เอลมานเดอร์ ยืนค้ำในแดนหน้าคนเดียว
สิ้นเสียงนกหวีดเริ่มเกม ทั้งสองฝ่ายต่างเปิดฉากแลกหมัดกันทันที แต่ยังวืดวาดไปมา จนนาทีที่ 4 ก็เกิดจังหวะสับไกหนแรกโดย อัลเบิร์ต ริเอรา เก็บตกจากลูกเตะมุมได้ในเขตโทษ แล้วง้างไกซัดด้วยซ้าย ทว่าไปติด ร็อบบี คีน ที่ยืนอยู่หน้าประตูออกหลัง
จังหวะเข้าทำจะแจ้งยังคงเป็นของหงส์แดง นาทีที่ 17 เอมิเลียโน อินซัว เก็บตกจากลูกเตะมุมแล้วซัดหน้าเขตโทษบีบให้ ยุสซี ยาสเคไลเนน ต้องออกแรงเซฟ ก่อนที่ 2 นาทีต่อมา ชาบี อลอนโซ จะตั้งป้อมโยนโค้งให้ เดิร์ก เคาท์ สอดเข้ามาโหม่งแถวจุดโทษข้ามคาน
จนมาถึงนาทีที่ 26 บรรดา เดอะ ค็อป ก็ได้เฮกันลั่นสนาม เมื่อ สตีเวน เจอร์ราร์ด เปิดลูกเตะมุมจากด้านขวาเข้ามาที่เสาแรก ริเอรา วิ่งฉีกตัวประกบก่อนใช้หน้าเท้าถีบบอลเปลี่ยนทางผ่านมือ ยาสเคไลเนน เข้าไปตุงตาข่ายเป็นอันว่า ลิเวอร์พูล ตีปีกออกนำไปก่อน 1-0
พอเจาะตาข่ายได้ ลิเวอร์พูล ก็เล่นแบบได้ใจพับสนามบุกข้างเดียว นาทีที่ 36 ยอสซี เบนายูน รอเก็บตกจากลูกฟรีคิกแล้วฮาล์ฟวอลเลย์ส่งลูกทแยงมุมประตูออกหลัง ถัดมา 2 นาที ดาเนียล แอกเกอร์ พาบอลเลยเส้นครึ่งสนามมาก่อนวางเท้าซัดไกล แต่ก็ไม่เข้าเป้า ก่อนที่ เจมี คาร์ราเกอร์ จะส่องด้วยซ้ายข้ามคาน จบครึ่งแรกสกอร์ยังอยู่ที่ 1-0
เข้าสู่ครึ่งหลังนาทีที่ 53 หงส์แดง ก็ทะยานหนีห่างออกไปเป็น 2-0 โดย ชาบี อลอนโซ สไลด์บอลดักทางการต่อบอลของ โบลตัน ได้ตรงกลางสนามจนเลยมาถึง เจอร์ราร์ด ก่อนที่ “สตีวีจี” จะจ่ายตามช่องให้ ร็อบบี คีน หลุดเข้าไปเข่นด้วยซ้ายเบียดเสาแรกเข้าไป นับเป็นประตูที่ 2 ใน 2 นัดติดต่อกันของ “คีนน้อย”
เท่านั้นไม่พอ เจ้าถิ่นยังได้ลูกที่ 3 ตามมาในนาทีที่ 58 จากจังหวะที่ โฮเซ เรนา กลิ้งบอลเร็วให้ อลอนโซ พาบอลกินแดน เดอะ ทร็อตเตอร์ส ก่อนจ่ายออกทางขวาให้ เบนายูน ตบเรียดมาที่ ร็อบบี คีน เข้าฮอสระยะเผาขนเป็นสกอร์ 3-0 สำหรับ ลิเวอร์พูล แล้ว
แม้ โบลตัน จะส่ง เควิน เดวีส์, มุสตาฟา ริกา กับ เอบี สโมลาเร็ค ลงมาเสริมแนวรุกแทน เจลอยด์ ซามูเอล, แม็ทธิว เทย์เลอร์ และ โยฮัน เอลมานเดอร์ ก็ตาม แต่รูปเกมยังดำเนินไปแบบวันเวย์ นาทีที่ 74 อลอนโซ เปิดลูกเตะมุมลึกมาเสาสองให้ แอกเกอร์ เทกตัวโขกออกหลัง
นานๆ ทีทีมเยือนจึงจะสร้างความหวาดเสียวได้ แต่ก็เกือบมีลุ้นสกอร์เช่นกัน นาทีที่ 84 ฟาบริซ มูอัมบา ลากบอลขึ้นมาก่อนไหลต่อให้ สโมลาเร็ค แตะเข้าซ้ายแล้วกดเรียดหักข้อหนีมือ เรนา ไปแล้ว ทว่า ลูกเฉี่ยวเสาออกหลังเพียงแค่คืบเท่านั้น
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ลิเวอร์พูล ได้โอกาสบวกประตูเพิ่มอีก 2 ครั้ง แต่ ยาสเคไลเนน โชว์ซูเปอร์เซฟป้องกันได้หมด จบเกมจึงเอาชนะไปแบบสบายๆ 3-0 เก็บเพิ่มเป็น 42 คะแนน ยังรักษาตำแหน่งจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกเอาไว้ได้
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล – โฮเซ เรนา, เจมี คาร์ราเกอร์, ซามี ฮูเปีย, ดาเนียล แอกเกอร์, เอมิเลียโน อินซัว, ยอสซี เบนายูน, ชาบี อลอนโซ, สตีเวน เจอร์ราร์ด, อัลเบิร์ต ริเอรา, ร็อบบี คีน, เดิร์ก เคาท์
โบลตัน วันเดอเรอร์ส – ยุสซี ยาสเคไลเนน, เกรตาร์ สไตนส์สัน, แกรี เคฮิลล์, แอนดี โอไบรอัน, เจลอยด์ ซามูเอล, ฟาบริซ มูอัมบา, เกวิน แม็คคานน์, แม็ทธิว เทย์เลอร์, เควิน โนแลน, ริคาร์โด การ์ดเนอร์, โยฮัน เอลมานเดอร์
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ
สโต๊ค ซิตี แพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-1 (คาร์ลอส เตเบซ 0-1 น.83)
เชลซี ชนะ เวสต์บรอมวิช อัลเบียน 2-0 (ดิดิเยร์ ดร็อกบา 1-0 น.3), (แฟรงค์ แลมพาร์ด 2-0 น.45)
ปอร์ทสมัธ แพ้ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 1-4 (นาเดียร์ เบลฮัดจ์ 1-0 น.8), (แจ็ค คอลลิสัน 1-1 น.20), (คาร์ลตัน โคล 1-2 น. 67), (เคร็ก เบลลามี 1-3 น.70), (เคร็ก เบลลามี 1-4 น.83)
ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ เสมอ ฟูแลม 0-0
ลิเวอร์พูล ชนะ โบลตัน วันเดอเรอร์ส 3-0 (อัลเบิร์ต ริเอรา 1-0 น.26), (ร็อบบี คีน 2-0 น.53), (ร็อบบี คีน 3-0 น. 58)
แมนเชสเตอร์ ซิตี ชนะ ฮัลล์ ซิตี 5-1 (เฟลิเป ไซเซโด 1-0 น.15), (เฟลิเป ไซเซโด 2-0 น.27), (โรบินโญ 3-0 น.28), (โรบินโญ 4-0 น.36), (เคร็ก เฟแกน 4-1 น.80), (สตีเฟน ไอร์แลนด์ 5-1 น.82)
มิดเดิลสโบรช์ แพ้ เอฟเวอร์ตัน 0-1 (ทิม เคฮิลล์ 0-1 น.50)
ซันเดอร์แลนด์ เสมอ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 0-0
วีแกน แอธเลติก ชนะ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 2-1 (ไรอัน เทย์เลอร์ 1-0 น.29), (อาเมอร์ ซากี 2-0 จุดโทษ น.73), (แดนนี กัทธรี 2-1 จุดโทษ น.88)
แอสตัน วิลลา เสมอ อาร์เซนอล 2-2 (เนเวส เดนิลสัน 0-1 น.40), (อาบู ดิยาบี 0-2 น.49), (แกเร็ธ แบร์รี 1-2 จุดโทษ น.65), (แซต ไนท์ 2-2 น.90)