ราฟาเอล นาดาล นักเทนนิสมือ 1 ของโลกชาวสเปนเชื่อโอกาสที่ตัวเขาจะทำผลงานกวาดทั้ง 4 แกรนด์สแลมในปี 2009 นี้ยังน้อยมาก แม้จะประเดิมแกรนด์สแลมฮาร์ดคอร์ตรายการแรกในออสเตรเลียน โอเพนไปได้แล้วก็ตาม
เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ณ สังเวียน รอด เลเวอร์ อารีนา นครเมลเบิร์น นาดาล เอาชนะ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ "คู่แค้นฟ้าลิขิต" 3-2 เซตคว้าแชมป์แกรนด์สแลมรายการที่ 6 ของตนเองซึ่งนับเป็นสแลมฮาร์ดคอร์ตรายการแรกในชีวิต ซึ่งจากการประเดิมแชมป์ดังกล่าวตั้งแต่ต้นฤดูกาลทำให้สื่อสายเทนนิสเริ่มพูดถึงโอกาสที่ "เอล มาทาดอร์" จะทำสถิติเป็นนักหวดคนแรกในรอบ 40 ปีต่อจาก รอด เลเวอร์ ตำนานชาวออสซีที่กวาดทั้ง 4 แชมป์แกรนด์สแลมภายในขวบปีเดียว
ทว่าล่าสุด นาดาล ซึ่งเตรียมลงแข่งเอทีพี ทัวร์ "บีเอ็นพี พาริบาส โอเพน" รอบ 2 พบกับ มิชาเอล แบร์เรอร์ จากเยอรมนี ที่อินเดียน เวลส์ ในสัปดาห์หน้า ออกยอมรับว่าโอกาสคว้า 4 สแลมในปีเดียวเป็นเรื่องยากเพราะสภาพพื้นคอร์ตรายการแกรนด์สแลมในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก
"โอกาสของผม(ในการคว้า 4 สแลม) มีน้อยมากๆ จนถึงแทบไม่มีเลย " มือ 1 ของโลกกล่าวกับผู้สื่อข่าวที่อินเดียน เวลส์ "ผลงานที่ ลอด เรเวอร์ ทำไว้เมื่อ 40 ปีก่อนนับว่ามหัศจรรย์สุดๆ แต่ผมอยากจะบอกว่าการคว้า 4 สแลมเมื่อครั้งนั้นมันง่ายกว่าปัจจุบันมากเลยทีเดียวเนื่องจากตอนนั้นมีพื้นคอร์ตแค่ 2 แบบคือคอร์ตดินและหญ้า ส่วนในวันนี้มี 3 แบบคือดิน,หญ้า และ ฮาร์ดคอร์ต แถมฮาร์คอร์ตของ ออสเตรเลียน โอเพน กับ ยูเอส โอเพน ยังต่างกันอีก"
สภาพคอร์ตในแกรนด์สแลมที่มือ 1 โลกชาวสเปนอธิบายถึงคือ ออสซี โอเพนเปลี่ยนจากคอร์ตหญ้ามาใช้ฮาร์ดคอร์ตแบบรีบาวนด์-เอซ(ลูกจะกระดอนสูง)ในปี 1988,ยูเอส โอเพน เปลี่ยนจากคอร์ตดินมาเป็นหญ้าในปี 1975 และมาใช้ฮาร์ดคอร์ตแบบเดโก-เทิร์ฟในปี 1978 ส่วน เฟรนช์ โอเพน ใช้คอร์ตดินมาตั้งแต่เริ่มแรกเช่นเดียวกับวิมเบิลดันที่เป็นต้นตำรับคอร์ตหญ้า
แม้จะบอกว่ามีโอกาสน้อยที่จะคว้า 4 สแลม แต่ นาดาล ได้วางแผนไว้บ้างแล้ว "ยูเอส โอเพน เป็นเป้าหมายสูงสุด แต่ก่อนไปถึงจุดนั้นผมต้องดุดันกว่านี้ ต้องเสิร์ฟเยี่ยมกว่านี้ และต้องมีอาวุธรอบด้านกว่านี้ ยกตัวอย่างเช่นเมื่อคุณสไลซ์บอลได้ ขึ้นหน้าเน็ตได้ คุณก็จะมีตัวเลือกมากขึ้น โดยเฉพาะเวลาเจอสถานการณ์คับขัน คุณสมบัติเหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็นมากๆ"
สำหรับเส้นทางลุ้นกวาดแกรนด์สแลมของ นาดาล เริ่มต้นที่การป้องกันแชมป์ เฟรนช์ โอเพน เป็นสมัยที่ 5 ในเดือนพฤษภาคมก่อนจะบินไปเกาะอังกฤษป้องกันแชมป์วิมเบิลดันในเดือนมิถุนายน จากนั้นค่อยไปลุ้นแชมป์ ยูเอส โอเพน ในเดือนกันยายน