แอนดี แรม นักเทนนิสชายคู่มือ 12 ของโลกชาวอิสราเอลรู้สึกเสียอย่างถึงที่สุดกับเหตุการณ์ความวุ่นวายในเมืองมัลโม เจ้าภาพจัดการแข่งขันเดวิส คัพ เวิลด์ กรุป รอบแรก ระหว่าง สวีเดน กับ อิสราเอล เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะในวันเสาร์ซึ่งมีความรุนเเรงของกลุ่มผู้ประท้วงขว้างปาก้อนหินใส่สนามแข่งขัน
เมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ปฏิเสธไม่ยอมออกวีซาเข้าประเทศให้กับ ชาฮาร์ เพียร์ นักหวดสาวมือ 45 ของโลกวัย 22 ปีชาวอิสราเอลลงแข่งเทนนิสดับเบิลยูทีเอ "บาร์เคลย์ส ดูไบ เทนนิส แชมเปียนชิปส์" ที่นครดูไบ เนื่องจากเป็นห่วงความปลอดภัยของหวดสาวหลังจากสงครามระหว่าง อิสราเอล กับ ปาเลสไตน์(ซึ่งเป็นชาติอาหรับเหมือนกับยูเออี)ปะทุขึ้นอีกครั้งในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา
ส่งผลให้ทางการสวีเดนเป็นกังวลและตัดสินใจปิดสนามบอลติกส์ ฮอล ทำศึกเดวิส คัพ เวิลด์ กรุป รอบแรก กับ อิสราเอล แบบไม่มีผู้ชมเพื่อป้องกันความรุนเเรงในสนาม อย่างไรก็ตามมาตรการดังกล่าวไม่สามารถหยุดยั้งความเกลียดชังที่มีต่อชาวอิสราเอลนอกสนามได้ เมื่อในวันเสาร์ที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมาซึ่งมีการแข่งขันประเภทคู่ กลุ่มผู้ประท้วงราว 6,000 คนรวมตัวหน้า บอลติกส์ ฮอล และพยายามบุกเข้าไปด้านใน เดือดร้อนเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 1,000 คนต้องระงับเหตุเป็นผลให้การประท้วงขยายวงกว้างไปทั่วเมืองมัลโมซึ่งเคยเงียบสงบ
แม้ผลการแข่งขัน อิสราเอล จะบุกมาเฉือนชนะ สวีเดน ไปได้ 3-2 คู่ ทว่า แอนดี แรม ชายคู่มือ 12 ของโลกกำลังสำคัญของทีมอิสราเอลอดเสียใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
"สัปดาห์ที่ผ่านมานับเป็นช่วงเวลาที่น่าเศร้าที่สุดของวงการเทนนิสและกีฬาโลก" แรม ซึ่งจับคู่กับ อาเมียร์ ซาดัด แพ้ให้กับ ไซมอน เเอสเพลิน กับ โรเบิร์ต ลินสเต็ด์ท เมื่อวันเสาร์ กล่าว "ตั้งแต่เล่นเทนนิสมายังไม่เคยมีครั้งไหนที่ผมถูกคนเกลียดชังมากมายถึงเพียงนี้ น่าเศร้าจริงๆที่การเมืองกับกีฬาแยกออกจากกันไม่ได้"
สำหรับอิสราเอลจะได้ผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศ เดวิส คัพ เวิลด์ กรุป ไปพบกับ รัสเซีย ระหว่างวันที่ 10-12 กรกฎาคมนี้ โดยใครจะได้เป็นเจ้าบ้านต้องมีการจับสลากอีกครั้ง ซึ่งป็นที่น่าจับตามองว่าหากรัสเซียได้เป็นเจ้าบ้านจะปิดสนามแข่งเช่นเดียวกับ สวีเดน หรือไม่ และหากไม่ปิดสนามจะวางมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างไร
ชมคลิปเหตุการณ์หน้าสนาม บอลติกส์ ฮอล วันเสาร์ที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา