ทางการสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ ยูเออี วางกำลังอารักขา แอนดี แรม ซึ่งเป็นนักเทนนิสอิสราเอลคนเดียวที่ลงแข่งเทนนิสเอทีพี เวิลด์ ทัวร์ "บาร์เคลย์ส ดูไบ เทนนิส แชมเปียนชิปส์" อย่างเข้มงวดเนื่องจากเกรงว่าจะถูกกลุ่มอาหรับหัวรุนแรงลอบสังหาร
ผลมาจากสงครามระหว่าง อิสราเอล กับ ปาเลสไตน์ ซึ่งปะทุขึ้นอีกครั้งในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาทำให้รัฐบาลยูเออี ปฏิเสธไม่ยอมออกวีซาเข้าประเทศให้กับ ชาฮาร์ เพียร์ นักหวดสาวมือ 45 ของโลกวัย 22 ปีชาวอิสราเอลลงแข่งเทนนิสรายการยักษ์ "บาร์เคลย์ส ดูไบ เทนนิส แชมเปียนชิปส์" ของทางฝั่งหญิงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ทว่าหลังจากถูกกดดันจากหลายฝ่าย ชาติเศรษฐีน้ำมันแห่งนี้จำใจออกวีซาให้ แอนดี แรม หวดคู่มือ 13 ของโลกชาวอิสราเอลเข้ามาประเทศมาแข่งขัน บาร์เคลย์ส ดูไบ ทางฝ่ายชายในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตามพวกเขายังกังวลกับความปลอดภัยของ แรม เป็นอย่างมาก
โดยเมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทันทีที่ แรม วัย 28 ปีก้าวลงจากเครื่องบินที่บินมาจากฝรั่งเศส เขาได้ถูกทหารพาตัวไปที่โรงแรมโดยไม่อนุญาตให้ใช้โทรศัพท์มือถือเพราะเกรงจะถูกลอบวางระเบิด
จากนั้นในแมตช์ชายคู่รอบแรก บาร์เคลย์ส ดูไบ เทนนิส แชมเปียนชิปส์ ระหว่าง แรม และ เควิน อุลเลียตต์ จากซิมบับเว พบกับ มารัต ซาฟิน จากรัสเซีย และ ดาวิด เฟร์เรร์ จากสเปน เมื่อวานนี้ก็แข่งขันกันท่ามกลางการอารักขาแน่นหนามีคนเข้ามาชมเกมแค่ 200 คนโดยทุกคนต้องถูกค้นตัวและห้ามนำกล้องถ่ายภาพกับขวดน้ำเข้ามาภายในสนามเทนนิสเมืองดูไบ เนื่องจากเกรงว่า แรม จะถูกลอบสังหารทั้งจากปืนขนาดเล็ก มีด และ ของเหลวมีพิษ
ความตึงเครียดมีมากขนาดแชร์แอมไพร์ เซดริก โมร์ริเยร์ จากฝรั่งเศสไม่กล้าขานสัญชาติของ แรม ตามธรรมเนียม ซึ่งสุดท้ายแล้ว แรม/อุลเลียตต์ ซึ่งเป็นคู่มือ 4 ของรายการ แพ้ให้ ซาฟิน/เฟร์เรร์ 1-2 เซต 3-6,6-3,8-10
หลังจบการแข่งขัน เพื่อนนักเทนนิสทั้ง 3 คนเดินออกจากสนามตามปกติ ส่วน แรม ต้องหนีออกทางประตูหลังโดยออกมากล่าวสั้นๆว่า "มันเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ ไม่ได้มีอะไรเสียหายเลย จากนี้ผมจะเดินหน้าแยกการเมืองออกจากการกีฬาให้สำเร็จให้จงได้"