“คนเหล็ก” พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส ประกาศศักดาคว้าแชมป์ซูเปอร์โบว์ลสมัยที่ 6 ในประวัติศาสตร์ศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) หลังบดเอาชนะ “นกหัวแดง” อริโซนา คาร์ดินัลส์ สุดมัน 27-23 เมื่อเช้าวันจันทร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2552
ศึกซูเปอร์โบว์ล ครั้งที่ 43
พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส 27-23 อริโซนา คาร์ดินัลส์
คืนวันอาทิตย์ที่ 1 กุมภาพันธ์ ตามวัน-เวลาท้องถิ่นในเมืองแทมปา มลรัฐฟลอริดา ที่สนามเรย์มอนด์ เจมส์ สเตเดียม ไมค์ ทอมลิน หัวหน้าโค้ชผิวสีนำพลพรรค “คนเหล็ก” พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส แชมป์ 5 สมัยลงชิงชัย “ซูเปอร์โบว์ล ครั้งที่ 43” กับทีมรองบ่อนอย่าง “นกหัวแดง” อริโซนา คาร์ดินัลส์ ที่นำมาโดย เคน ไวเซนฮันท์ อดีตโค้ชทีมบุกสตีลเลอร์ส ซึ่งเกมนี้ทั้งสองทีมมีข่าวดีได้ปีกนอกมือดีฟิตลงสนามไม่ว่าจะเป็น ไฮน์ส วอร์ด หรือ อันควาน โบลดิน ก่อนเกมการแข่งขันจะเริ่มขึ้น เจนิเฟอร์ ฮัดสัน ซึ่งแจ้งเกิดจากการประกวดอเมริกัน ไอดอล และเป็นอดีตเจ้าของรางวัลแกรมมี อะวอร์ด ได้รับเกียรติมาขับขานเพลงชาติสหรัฐอเมริกา
แม้ คาร์ดินัลส์ ชนะเสี่ยงเหรียญแต่ขอเลือกแดนและก็คิกออฟให้ สตีลเลอร์ส ได้บุกก่อน ทว่าดูเหมือน “นกหัวแดง” คิดผิดเสียแล้ว เมื่อ เบน โรธลิสเบอร์เกอร์ สร้างไดรฟ์ได้อย่างสมดุล ขว้างสั้นให้ วอร์ด รับก่อนวิ่งทำระยะเข้าแดนคู่แข่ง จากนั้นไปเคาะประตูบ้าน ก่อนที่ “บิ๊กเบน” ควอเตอร์แบ็กร่างใหญ่จะม้วนวิ่ง 1 หลาล้มตรงเส้นเอ็นด์โซนพอดี อย่างไรก็ตาม ไวเซนฮันท์ ขว้างธงแดงขอท้าคำตัดสินให้ทัชดาวน์ เนื่องจากมองว่าเข่าของ โรธลิสเบอร์เกอร์ แตะพื้นก่อน หลังจากดูภาพช้า เทอร์รี แม็คออลีย์ หัวหน้าผู้ตัดสินประสบการณ์ 11 ปี เปลี่ยนคำตัดสิน ทอมลิน ไม่เสี่ยงให้ทีมเล่นดาวน์ที่ 4 ส่ง เจฟฟ์ รีด ส่องฟิลด์โกล 18 หลาเข้าไปให้ทีมนำก่อน 3-0
คาร์ดินัลส์ ภายใต้การนำของ เคิร์ต วอร์เนอร์ ลงมาเน้นยัดบอลใส่มือ ทิม ไฮทาวเวอร์ และ เอ็ดเจอรีน เจมส์ เพื่อเปิดเกมบุกภาคพื้นดินแต่ยังไม่สัมฤทธิ์ผลต้องพันท์ทิ้ง สตีลเลอร์ส กลับมาบุกอีกครั้ง โรธลิสเบอร์เกอร์ ขว้างเปลี่ยนดาวน์ได้เยี่ยม ฮีธ มิลเลอร์ และ ซานโตนิโอ โฮล์มส ช่วยกันรับบอล วิลลี พาร์เกอร์ คอยกระทุ้งใส่เกมรับ เปิดควอเตอร์ที่สอง แกรี รัสเซลล์ วิ่งมุด 1 หลาเป็นทัชดาวน์ “คนเหล็ก” ทิ้งห่างเป็น 10-0 จากนั้น “นกหัวแดง” ดูตื่นตัวมากขึ้น โบลดิน รับบอลวิ่งไปจ่อหน้าบ้านคู่แข่งบ้าง ก่อนที่ วอร์เนอร์ ขว้างหยอด 1 หลาให้ เบน แพทริก กระโดดคว้าไล่มาเหลือ 7-10 เกมยื้อกันพักใหญ่ โรธลิสเบอร์เกอร์ ขว้างโดนปัดบอลโด่ง คาร์ลอส แดนบี ไลน์แบ็กเกอร์ตัวเก่งคาร์ดส กระโดดอินเทอร์เซปต์ไปได้ วอร์เนอร์ มีโอกาสพาทีมพลิกนำแต่ดันขว้างโดน เจมส์ แฮร์ริสัน ดีกรีเกมรับยอดเยี่ยมแห่งปีโฉบอินเทอร์เซปต์ก่อนวิ่งย้อน 100 หลา (ไกลที่สุดในประวัติศาสตร์ซูเปอร์โบว์ล) เข้าเอ็นด์โซน จบครึ่งแรกกลายเป็น สตีลเลอร์ส ฉีกหนี 17-7
ในช่วงพักครึ่งได้เวลา “เดอะ บอส” บรูซ สปริงส์ทีน และ อี สตรีท แบนด์ ขึ้นเวทีมาสร้างความสำราญ ซึ่งตลอดการโชว์ 12 นาที ร็อคเกอร์รุ่นเดอะวัย 59 ปีไม่สร้างความผิดหวังให้แฟนๆ กว่า 7 หมื่นคน เริ่มด้วย Tenth Avenue Freeze-Out, Born To Run, Working on a Dream และปิดท้ายด้วยเพลง Glory Days
ลงมาลุยต่อครึ่งหลัง คาร์ดินัลส์ ได้บุกก่อนบ้าง แต่ขณะนำทีมไปบริเวณกลางสนาม วอร์เนอร์ โดนแซ็คจนฟัมเบิล แฮร์ริสัน เก็บตกได้อีกแล้ว แต่ผู้ตัดสินกลับคำตัดสินอีกครั้งเนื่องจาก วอร์เนอร์ มีลักษณะขว้างบอลไปข้างหน้าแล้วก่อนโดนเกี่ยวบอลหลุดมือ แต่ก็ต้องพันท์ให้ สตีลเลอร์ส อยู่ดีในดาวน์ที่ 4 ดูเหมือนเกมรับ “นกหัวแดง” เริ่มเสียสมาธิโดนโทษฟาล์วบุคคล (เสีย 15 หลา) ทั้งดึงหน้ากากคู่แข่ง และเล่นรุนแรงเกินกว่าเหตุใส่ควอเตอร์แบ็ก ทำให้ “คนเหล็ก” สามารถใช้บอลคอนโทรลเดินเกมกินทั้งระยะและเวลาไปในตัว แถมยังมาได้โทษฟาล์วบุคคลในจังหวะที่ผู้เล่นทีมพิเศษวิ่งเข้าไปอัดตัวตั้งบอลขณะ รีด ซึ่งจะซัดฟิลด์โกล ทำให้ สตีลเลอร์ส ได้เฟิร์สดาวน์อัตโนมัติ โชคดีที่ทีมรับ “นกหัวแดง” ค้ำยันให้ทีมตามหลังแค่ 20-7 เท่านั้น
เข้าสู่ควอเตอร์สุดท้าย ทีมบุกอันดับ 4 ของลีกยังโดนเกมรับอันดับ 1 ของ NFL ค้ำยันไว้ได้ คาร์ดินัลส์ ต้องพันท์ทิ้งอีกแล้ว อย่างไรก็ตาม “นกหัวแดง” เปิดโหมดไล่บลิทซ์ใส่ “บิ๊กเบน” บ้างและก็เข้าถึงตัวได้แซ็คเสียที จากนั้น วอร์เนอร์ เปิดโหมดขว้างตามถนัดก่อนหยอด 1 หลาให้ แลร์รี ฟิตซ์เจอรัลด์ ปีกคู่ใจรับทัชดาวน์ไล่มาเหลือแค่ 14-20 สถานการณ์ชักพลิกผันเมื่อเกมรับ “นกหัวแดง” มีฮึดไล่แซ็ค โรธลิสเบอร์เกอร์ ทำให้ สตีลเลอร์ส เข็นทีมบุกไม่ขึ้นเสียแล้ว แต่ทีมรับ “คนเหล็ก” ค้ำยันเอาไว้สุดตัว อย่างไรก็ดี เบน แกรม “ออสเตรเลียน รูลส์ ฟุตบอล” คนแรกในประวัติศาสตร์ NFL พันท์สุดยอดตกที่เส้น 1 หน้าบ้าน สตีลเลอร์ส บีบให้คู่แข่งเสียโดนดึงเป็นเซฟตี้ คาร์ดส กวดมาเหลือแค่ 16-20 และจะได้บอลกลับมาครองต่อด้วย
และเรื่องเหลือเชื่อก็เกิดขึ้นเมื่อ วอร์เนอร์ ขว้างให้ ฟิตซ์เจอรัลด์ ปีกมือ 1 ของลีกตัดเข้าในรับบอลโกยอ้าว 64 หลาเข้าเอ็นด์โซนให้ คาร์ดินัลส์ พลิกนำ 23-20 ช่วงเวลาที่เหลือ 2 นาทีเศษ โรธลิสเบอร์เกอร์ สร้างปาฏิหาริย์ขว้างสั้นให้ โฮลม์ส สร้างบิ๊กเพลย์วิ่งตะลุยขึ้นไปอยู่บริเวณเส้น 6 หลาหน้าบ้านคู่แข่ง และก็เป็น โฮล์มส ปักขาสองข้างในเอ็นด์โซนยืดตัวรับทัชดาวน์นำชัยก่อนหมดเวลาแค่ 35 วินาทีช่วยให้ “คนเหล็ก” เอาชนะไปได้อย่างสุดมัน 27-23
จากชัยชนะเกมนี้ส่งให้ “พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส” กลายเป็นแชมป์ซูเปอร์โบว์ลมากที่สุดในลีก 6 สมัย แซงทั้ง ซานฟรานซิสโก โฟร์ตีไนเนอร์ส และ ดัลลัส คาวบอยส์ (ทีมละ 5 สมัย) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกัน ไมค์ ทอมลิน กลายเป็นหัวหน้าโค้ชอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ (36 ปี) ที่พาทีมซิวแชมป์ ลบสถิติเดิมที่ จอน กรูเดน เคยพา “โจรสลัด” แทมปาเบย์ บัคคาเนียร์ส เถลิงแชมป์ซูเปอร์โบว์ลปี 2003 ด้วยวัย 39 ปี ส่วน “บิ๊กเบน” โรธลิสเบอร์เกอร์ กลายเป็นควอเตอร์แบ็กคนที่ 10 ในประวัติศาสตร์ที่มีแหวนแชมป์ติดมือ 2 วง (เป็นอย่างน้อย) สุดท้ายตำแหน่งผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) ในซูเปอร์โบว์ลปีนี้ตกเป็นของ ซานโตนิโอ โฮล์มส ซึ่งรับบอลไป 9 ครั้งได้ระยะ 131 หลา 1 ทัชดาวน์อันล้ำค่า
ศึกซูเปอร์โบว์ล ครั้งที่ 43
พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส 27-23 อริโซนา คาร์ดินัลส์
คืนวันอาทิตย์ที่ 1 กุมภาพันธ์ ตามวัน-เวลาท้องถิ่นในเมืองแทมปา มลรัฐฟลอริดา ที่สนามเรย์มอนด์ เจมส์ สเตเดียม ไมค์ ทอมลิน หัวหน้าโค้ชผิวสีนำพลพรรค “คนเหล็ก” พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส แชมป์ 5 สมัยลงชิงชัย “ซูเปอร์โบว์ล ครั้งที่ 43” กับทีมรองบ่อนอย่าง “นกหัวแดง” อริโซนา คาร์ดินัลส์ ที่นำมาโดย เคน ไวเซนฮันท์ อดีตโค้ชทีมบุกสตีลเลอร์ส ซึ่งเกมนี้ทั้งสองทีมมีข่าวดีได้ปีกนอกมือดีฟิตลงสนามไม่ว่าจะเป็น ไฮน์ส วอร์ด หรือ อันควาน โบลดิน ก่อนเกมการแข่งขันจะเริ่มขึ้น เจนิเฟอร์ ฮัดสัน ซึ่งแจ้งเกิดจากการประกวดอเมริกัน ไอดอล และเป็นอดีตเจ้าของรางวัลแกรมมี อะวอร์ด ได้รับเกียรติมาขับขานเพลงชาติสหรัฐอเมริกา
แม้ คาร์ดินัลส์ ชนะเสี่ยงเหรียญแต่ขอเลือกแดนและก็คิกออฟให้ สตีลเลอร์ส ได้บุกก่อน ทว่าดูเหมือน “นกหัวแดง” คิดผิดเสียแล้ว เมื่อ เบน โรธลิสเบอร์เกอร์ สร้างไดรฟ์ได้อย่างสมดุล ขว้างสั้นให้ วอร์ด รับก่อนวิ่งทำระยะเข้าแดนคู่แข่ง จากนั้นไปเคาะประตูบ้าน ก่อนที่ “บิ๊กเบน” ควอเตอร์แบ็กร่างใหญ่จะม้วนวิ่ง 1 หลาล้มตรงเส้นเอ็นด์โซนพอดี อย่างไรก็ตาม ไวเซนฮันท์ ขว้างธงแดงขอท้าคำตัดสินให้ทัชดาวน์ เนื่องจากมองว่าเข่าของ โรธลิสเบอร์เกอร์ แตะพื้นก่อน หลังจากดูภาพช้า เทอร์รี แม็คออลีย์ หัวหน้าผู้ตัดสินประสบการณ์ 11 ปี เปลี่ยนคำตัดสิน ทอมลิน ไม่เสี่ยงให้ทีมเล่นดาวน์ที่ 4 ส่ง เจฟฟ์ รีด ส่องฟิลด์โกล 18 หลาเข้าไปให้ทีมนำก่อน 3-0
คาร์ดินัลส์ ภายใต้การนำของ เคิร์ต วอร์เนอร์ ลงมาเน้นยัดบอลใส่มือ ทิม ไฮทาวเวอร์ และ เอ็ดเจอรีน เจมส์ เพื่อเปิดเกมบุกภาคพื้นดินแต่ยังไม่สัมฤทธิ์ผลต้องพันท์ทิ้ง สตีลเลอร์ส กลับมาบุกอีกครั้ง โรธลิสเบอร์เกอร์ ขว้างเปลี่ยนดาวน์ได้เยี่ยม ฮีธ มิลเลอร์ และ ซานโตนิโอ โฮล์มส ช่วยกันรับบอล วิลลี พาร์เกอร์ คอยกระทุ้งใส่เกมรับ เปิดควอเตอร์ที่สอง แกรี รัสเซลล์ วิ่งมุด 1 หลาเป็นทัชดาวน์ “คนเหล็ก” ทิ้งห่างเป็น 10-0 จากนั้น “นกหัวแดง” ดูตื่นตัวมากขึ้น โบลดิน รับบอลวิ่งไปจ่อหน้าบ้านคู่แข่งบ้าง ก่อนที่ วอร์เนอร์ ขว้างหยอด 1 หลาให้ เบน แพทริก กระโดดคว้าไล่มาเหลือ 7-10 เกมยื้อกันพักใหญ่ โรธลิสเบอร์เกอร์ ขว้างโดนปัดบอลโด่ง คาร์ลอส แดนบี ไลน์แบ็กเกอร์ตัวเก่งคาร์ดส กระโดดอินเทอร์เซปต์ไปได้ วอร์เนอร์ มีโอกาสพาทีมพลิกนำแต่ดันขว้างโดน เจมส์ แฮร์ริสัน ดีกรีเกมรับยอดเยี่ยมแห่งปีโฉบอินเทอร์เซปต์ก่อนวิ่งย้อน 100 หลา (ไกลที่สุดในประวัติศาสตร์ซูเปอร์โบว์ล) เข้าเอ็นด์โซน จบครึ่งแรกกลายเป็น สตีลเลอร์ส ฉีกหนี 17-7
ในช่วงพักครึ่งได้เวลา “เดอะ บอส” บรูซ สปริงส์ทีน และ อี สตรีท แบนด์ ขึ้นเวทีมาสร้างความสำราญ ซึ่งตลอดการโชว์ 12 นาที ร็อคเกอร์รุ่นเดอะวัย 59 ปีไม่สร้างความผิดหวังให้แฟนๆ กว่า 7 หมื่นคน เริ่มด้วย Tenth Avenue Freeze-Out, Born To Run, Working on a Dream และปิดท้ายด้วยเพลง Glory Days
ลงมาลุยต่อครึ่งหลัง คาร์ดินัลส์ ได้บุกก่อนบ้าง แต่ขณะนำทีมไปบริเวณกลางสนาม วอร์เนอร์ โดนแซ็คจนฟัมเบิล แฮร์ริสัน เก็บตกได้อีกแล้ว แต่ผู้ตัดสินกลับคำตัดสินอีกครั้งเนื่องจาก วอร์เนอร์ มีลักษณะขว้างบอลไปข้างหน้าแล้วก่อนโดนเกี่ยวบอลหลุดมือ แต่ก็ต้องพันท์ให้ สตีลเลอร์ส อยู่ดีในดาวน์ที่ 4 ดูเหมือนเกมรับ “นกหัวแดง” เริ่มเสียสมาธิโดนโทษฟาล์วบุคคล (เสีย 15 หลา) ทั้งดึงหน้ากากคู่แข่ง และเล่นรุนแรงเกินกว่าเหตุใส่ควอเตอร์แบ็ก ทำให้ “คนเหล็ก” สามารถใช้บอลคอนโทรลเดินเกมกินทั้งระยะและเวลาไปในตัว แถมยังมาได้โทษฟาล์วบุคคลในจังหวะที่ผู้เล่นทีมพิเศษวิ่งเข้าไปอัดตัวตั้งบอลขณะ รีด ซึ่งจะซัดฟิลด์โกล ทำให้ สตีลเลอร์ส ได้เฟิร์สดาวน์อัตโนมัติ โชคดีที่ทีมรับ “นกหัวแดง” ค้ำยันให้ทีมตามหลังแค่ 20-7 เท่านั้น
เข้าสู่ควอเตอร์สุดท้าย ทีมบุกอันดับ 4 ของลีกยังโดนเกมรับอันดับ 1 ของ NFL ค้ำยันไว้ได้ คาร์ดินัลส์ ต้องพันท์ทิ้งอีกแล้ว อย่างไรก็ตาม “นกหัวแดง” เปิดโหมดไล่บลิทซ์ใส่ “บิ๊กเบน” บ้างและก็เข้าถึงตัวได้แซ็คเสียที จากนั้น วอร์เนอร์ เปิดโหมดขว้างตามถนัดก่อนหยอด 1 หลาให้ แลร์รี ฟิตซ์เจอรัลด์ ปีกคู่ใจรับทัชดาวน์ไล่มาเหลือแค่ 14-20 สถานการณ์ชักพลิกผันเมื่อเกมรับ “นกหัวแดง” มีฮึดไล่แซ็ค โรธลิสเบอร์เกอร์ ทำให้ สตีลเลอร์ส เข็นทีมบุกไม่ขึ้นเสียแล้ว แต่ทีมรับ “คนเหล็ก” ค้ำยันเอาไว้สุดตัว อย่างไรก็ดี เบน แกรม “ออสเตรเลียน รูลส์ ฟุตบอล” คนแรกในประวัติศาสตร์ NFL พันท์สุดยอดตกที่เส้น 1 หน้าบ้าน สตีลเลอร์ส บีบให้คู่แข่งเสียโดนดึงเป็นเซฟตี้ คาร์ดส กวดมาเหลือแค่ 16-20 และจะได้บอลกลับมาครองต่อด้วย
และเรื่องเหลือเชื่อก็เกิดขึ้นเมื่อ วอร์เนอร์ ขว้างให้ ฟิตซ์เจอรัลด์ ปีกมือ 1 ของลีกตัดเข้าในรับบอลโกยอ้าว 64 หลาเข้าเอ็นด์โซนให้ คาร์ดินัลส์ พลิกนำ 23-20 ช่วงเวลาที่เหลือ 2 นาทีเศษ โรธลิสเบอร์เกอร์ สร้างปาฏิหาริย์ขว้างสั้นให้ โฮลม์ส สร้างบิ๊กเพลย์วิ่งตะลุยขึ้นไปอยู่บริเวณเส้น 6 หลาหน้าบ้านคู่แข่ง และก็เป็น โฮล์มส ปักขาสองข้างในเอ็นด์โซนยืดตัวรับทัชดาวน์นำชัยก่อนหมดเวลาแค่ 35 วินาทีช่วยให้ “คนเหล็ก” เอาชนะไปได้อย่างสุดมัน 27-23
จากชัยชนะเกมนี้ส่งให้ “พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส” กลายเป็นแชมป์ซูเปอร์โบว์ลมากที่สุดในลีก 6 สมัย แซงทั้ง ซานฟรานซิสโก โฟร์ตีไนเนอร์ส และ ดัลลัส คาวบอยส์ (ทีมละ 5 สมัย) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกัน ไมค์ ทอมลิน กลายเป็นหัวหน้าโค้ชอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ (36 ปี) ที่พาทีมซิวแชมป์ ลบสถิติเดิมที่ จอน กรูเดน เคยพา “โจรสลัด” แทมปาเบย์ บัคคาเนียร์ส เถลิงแชมป์ซูเปอร์โบว์ลปี 2003 ด้วยวัย 39 ปี ส่วน “บิ๊กเบน” โรธลิสเบอร์เกอร์ กลายเป็นควอเตอร์แบ็กคนที่ 10 ในประวัติศาสตร์ที่มีแหวนแชมป์ติดมือ 2 วง (เป็นอย่างน้อย) สุดท้ายตำแหน่งผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) ในซูเปอร์โบว์ลปีนี้ตกเป็นของ ซานโตนิโอ โฮล์มส ซึ่งรับบอลไป 9 ครั้งได้ระยะ 131 หลา 1 ทัชดาวน์อันล้ำค่า