อริโซนา คาร์ดินัลส์ ประกาศศักดาเข้าชิงแชมป์ซูเปอร์โบว์ลเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ หลังเปิดรังจิกเอาชนะ ฟิลาเดลเฟีย อีเกิลส์ สุดมัน 32-25 โดย “คนเหล็ก” พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส จะเป็นคู่ต่อกรด่านสุดท้ายในฤดูกาลนี้ของพวกเขา
ที่เกลนเดล , อริโซนา : แฟนๆ คาร์ดินัลส์ รอคอยมาถึง 61 ปีเต็มในการเห็นทีมขึ้นไปลุ้นแชมป์ศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) อีกครั้ง และ เคิร์ต วอร์เนอร์ ก็ประสานงาน แลร์รี ฟิตเจอรัลด์ ทำให้ฝันของบรรดากองเชียร์ “นกหัวแดง” เป็นจริง
เสียงเชียร์ของแฟนๆ เจ้าถิ่นร่วม 7 หมื่นคนในสนามยูนิเวอร์ซิตี ออฟ ฟีนิกซ์ สเตเดียม ที่ปิดหลังคาดังกระหึ่มตั้งแต่ไดรฟ์แรกของการแข่งขัน เมื่อ วอร์เนอร์ ขว้างทัชดาวน์ 9 หลาเข้ามือปีกคู่ใจ ฟิตเจอรัลด์ ส่งเจ้าบ้านนำเร็ว 7-0 แต่ เดวิด อายเคอร์ส ก็ส่องฟิลด์โกล 45 หลาเข้าไปให้ทีมเยือนไล่เหลือ 3-7 และก็เป็นการซัดฟิลด์โกลในเพลย์ออฟเข้าไป 19 หนติดต่อกันของตัวเตะวัย 40 ปี
เกมบุกทางอากาศอันเลื่องชื่อของ คาร์ดินัลส์ เล่นงานจนทีมรับอันดับ 3 ของลีกอย่าง อีเกิลส์ ปั่นป่วนจับกระบวนไม่ถูก วอร์เนอร์ บอมบ์ 62 หลาให้ ฟิตเจอรัลด์ สลัดหายเข้าเอ็นด์โซนอีกครั้ง ทีมเยือนมีโอกาสไล่กระชั้นแต่ อายเคอร์ส เสียสถิติจนได้เตะฟิลด์โกล 47 หลาออกขวาไปอย่างน่าเสียดาย แม้แก้ตัวได้ให้ทีมไล่มา 6-14 แต่ วอร์เนอร์ ขว้างสั้น 1 หลาเป็นสกอร์ที่สามให้ ฟิตเจอรัลด์ แถม นีล รัคเกอร์ส ซัดฟิลด์โกล 49 หลาให้ “นกหัวแดง” นำห่าง 24-6 เมื่อจบครึ่งแรกพอดี
แต่ลงมาลุยต่อในควอเตอร์ที่ 3 เกมรับของ อีเกิลส์ ภายใต้การดูแลของ จิม จอห์นสัน ผงาดขึ้นมาอีกครั้งเปลี่ยนรูปแบบการไล่บลิตซ์จน วอร์เนอร์ เข็นเจ้าบ้านไม่ขึ้น โดโนแวน แม็คแนบบ์ ได้โอกาสบ้างและก็ขว้าง 2 ทัชดาวน์ซ้อนๆ ให้ เบรนท์ เซเล็ค แถมต้นควอเตอร์ที่ 4 “อินทรีมรกต” พลิกกลับมานำ 25-24 แม็คแนบบ์ ขว้างยาว เดอชอน แจ็คสัน สลัดหลุดตัวคุมปีกเข้าทัชดาวน์ 62 หลา แต่การเปลี่ยนสองคะแนนไม่เป็นผล
ความมันมาอยู่ท้ายเกม วอร์เนอร์ สลับลงมาใช้เกมวิ่งได้อย่างเห็นผล กอปรกับ เคน ไวเซนฮันท์ หัวหน้าโค้ชกล้าได้กล้าเสียเปลี่ยนดาวน์ที่ 4 หนึ่งหลาได้สำเร็จโดย ทิม ไฮทาวเวอร์ ก่อนจบไดรฟ์สุดสวยด้วย วอร์เนอร์ ขว้างสั้นให้ ไฮทาวเวอร์ รันนิงแบ็กรุคกี้วิ่ง 8 หลาหมุนเข้าเอ็นด์โซน แถมเปลี่ยนสองคะแนนสำเร็จช่วยให้ คาร์ดินัลส์ ชนะไปอย่างสนุก 32-25 เข้าชิงแชมป์ซูเปอร์โบว์ลเป็นสมัยแรกของเฟรนไชส์ โดยก่อนหน้านี้ ชิคาโก คาร์ดินัลส์ เคยคว้าแชมป์ NFL มาแล้วด้วยการล้ม อีเกิลส์ 28-21 เมื่อปี 1947 แต่ครั้งนั้นยังไม่มีการรวมลีกกัน
จบเกม วอร์เนอร์ อดีต MVP สองสมัยผู้เคยพา “แกะเขาเหล็ก” เซนต์หลุยส์ แรมส์ เข้าชิงซูเปอร์โบว์ล 2 หนได้มาหนึ่งครั้ง (ปี 1999) ให้สัมภาษณ์อย่างประกาศก้องผ่าน “เอพี” สื่อชั้นนำ หลังระเบิดฟอร์มขว้างไป 279 หลา “ผมอยากขอบคุณทุกๆ เราเป็นแชมป์สายแล้ว เมื่อไม่มีใครเชื่อในเราเลย ไม่มีใครเชื่อในตัวผม ดังนั้นคุณก็ต้องลงไปพิสูจน์ ตอนนี้เราได้เข้าสู่ซูเปอร์โบว์ล”
ด้าน ฟิตเจอรัลด์ ที่ฉายฟอร์มสุดยอดรับบอลไป 9 ครั้ง 152 หลา กล่าวเช่นกัน “ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในการลงไปฮัดเดิล พวกเรายังคงมีความมุ่งมั่นและพร้อมลงไปลุยกัน คุณเห็นได้จากสายตาของทุกคนในทีม ไม่มีใครอยากบ้อท่า ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองในสิ่งที่ทีมอยากได้”
จากชัยชนะเกมนี้ทำให้ คาร์ดินัลส์ เป็นทีมแรก (นับตั้งแต่รวมลีกปี 1970) ของฝั่งเอ็นเอฟซี (NFC) ที่ชนะแค่ 9 เกมในฤดูกาลปกติ แต่สามารถผ่านเข้าสู่ซูเปอร์โบว์ล ก่อนหน้านั้นเป็น แรมส์ ที่พลิกล็อกฟันฝ่าเข้าไปก่อนพ่าย สตีลเลอร์ส ในปี 1979 และคราวนี้ในซูเปอร์โบว์ล ครั้งที่ 43 ที่เมืองแทมปา คืนวันอาทิตย์ที่ 1 กุมภาพันธ์ตามวัน-เวลาท้องถิ่น คาร์ดินัลส์ ก็ต้องเผชิญหน้ากับ “คนเหล็ก” ดีกรีแชมป์ 5 สมัย
ในส่วนของทีมเยือน หัวหน้าโค้ช แอนดี รีด ต้องผิดหวังเป็นคำรบที่ 4 ในรอบ 8 ปีหลังที่สามารถพาทีมเข้าชิงแชมป์สายสมัยที่ 5 และหนึ่งครั้งที่ อีเกิลส์ ไปถึงซูเปอร์โบว์ลก็ดันปราชัยให้ นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ 21-24 ในปี 2002 เสียอีก
แม็คแนบบ์ ซึ่งเกมนี้ขว้างไป 375 หลา เสียไปหนึ่งอินเทอร์เซปต์ เผยอย่างซึมๆ “คุณไม่ต้องการให้มันจบลงแบบนี้หรอก และคุณคงไม่อยากเห็นมันจบลงแบบนี้ เมื่อมันออกมาในรูปแบบนี้แน่นอนว่ามันเจ็บปวด คุณมีโอกาสแล้วกับการไปถึงซูเปอร์โบว์ล แต่เราทำไม่ได้เอง”
สำหรับเกมชิงแชมป์สายเอเอฟซี (AFC) ปรากฏว่า พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส กวาดซีซั่นใส่คู่ปรับร่วมกลุ่มเหนือ บัลติมอร์ เรฟเวนส์ หลังเปิดไฮน์ซ ฟิลด์ บดเอาชนะไป 23-14 โดย เบน โรธลิสเบอร์เกอร์ ขว้างไป 255 หลา หนึ่งทัชดาวน์ 65 หลาให้ ซานโตนิโอ โฮล์มส แม้ “อีกาพญายม” พยายามไล่มาจากการวิ่งเข้าเอ็นด์โซน 2 หนของ วิลลี แม็คเกรฮี แต่ ทรอย โพลามาลู ยอดเซฟตี้ “คนเหล็ก” อินเทอร์เซปต์ โจ แฟล็กโก จอมทัพรุคกี้วิ่งย้อนปิดกล่อง 40 หลาให้ทีมเข้าลุ้นแชมป์สมัยที่ 2 ในรอบ 4 ปีหลัง
ภายหลัง ไมค์ ทอมลิน หัวหน้าโค้ชผิวสี “คนเหล็ก” เผยกับ “เอพี” ในเบื้องต้น “พวกเขา (เรฟเวนส์) ลุยใส่เราเหมือนที่ทำมาตลอดทั้งปี แต่เราเป็นทีมที่ไม่ทะนงตัว ไม่มีความเห็นแก่ตัวกันเลย”
ส่วน แฟล็กโก ที่เกมนี้ขว้างให้ทีมเยือนไปแค่ 141 หลา เสียถึง 3 อินเทอร์เซปต์ ยอมรับในฝีมือ โพลามาลู เซฟตีดีกรีออลโปร “ผมคิดว่า ทรอย น่าจะอ่านสายตาผมอยู่ เขาพยายามกระโดดขึ้นฉกบอล เขาสร้างเพลย์ได้วิเศษ”
ด้าน “บิ๊กเบน” โรธลิสเบอร์เกอร์ ให้เครดิตเพื่อนทิ้งท้าย “ทรอย (โพลามาลู) เป็นกองหลังที่เก่งที่สุดในโลกแล้ว”
ที่เกลนเดล , อริโซนา : แฟนๆ คาร์ดินัลส์ รอคอยมาถึง 61 ปีเต็มในการเห็นทีมขึ้นไปลุ้นแชมป์ศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) อีกครั้ง และ เคิร์ต วอร์เนอร์ ก็ประสานงาน แลร์รี ฟิตเจอรัลด์ ทำให้ฝันของบรรดากองเชียร์ “นกหัวแดง” เป็นจริง
เสียงเชียร์ของแฟนๆ เจ้าถิ่นร่วม 7 หมื่นคนในสนามยูนิเวอร์ซิตี ออฟ ฟีนิกซ์ สเตเดียม ที่ปิดหลังคาดังกระหึ่มตั้งแต่ไดรฟ์แรกของการแข่งขัน เมื่อ วอร์เนอร์ ขว้างทัชดาวน์ 9 หลาเข้ามือปีกคู่ใจ ฟิตเจอรัลด์ ส่งเจ้าบ้านนำเร็ว 7-0 แต่ เดวิด อายเคอร์ส ก็ส่องฟิลด์โกล 45 หลาเข้าไปให้ทีมเยือนไล่เหลือ 3-7 และก็เป็นการซัดฟิลด์โกลในเพลย์ออฟเข้าไป 19 หนติดต่อกันของตัวเตะวัย 40 ปี
เกมบุกทางอากาศอันเลื่องชื่อของ คาร์ดินัลส์ เล่นงานจนทีมรับอันดับ 3 ของลีกอย่าง อีเกิลส์ ปั่นป่วนจับกระบวนไม่ถูก วอร์เนอร์ บอมบ์ 62 หลาให้ ฟิตเจอรัลด์ สลัดหายเข้าเอ็นด์โซนอีกครั้ง ทีมเยือนมีโอกาสไล่กระชั้นแต่ อายเคอร์ส เสียสถิติจนได้เตะฟิลด์โกล 47 หลาออกขวาไปอย่างน่าเสียดาย แม้แก้ตัวได้ให้ทีมไล่มา 6-14 แต่ วอร์เนอร์ ขว้างสั้น 1 หลาเป็นสกอร์ที่สามให้ ฟิตเจอรัลด์ แถม นีล รัคเกอร์ส ซัดฟิลด์โกล 49 หลาให้ “นกหัวแดง” นำห่าง 24-6 เมื่อจบครึ่งแรกพอดี
แต่ลงมาลุยต่อในควอเตอร์ที่ 3 เกมรับของ อีเกิลส์ ภายใต้การดูแลของ จิม จอห์นสัน ผงาดขึ้นมาอีกครั้งเปลี่ยนรูปแบบการไล่บลิตซ์จน วอร์เนอร์ เข็นเจ้าบ้านไม่ขึ้น โดโนแวน แม็คแนบบ์ ได้โอกาสบ้างและก็ขว้าง 2 ทัชดาวน์ซ้อนๆ ให้ เบรนท์ เซเล็ค แถมต้นควอเตอร์ที่ 4 “อินทรีมรกต” พลิกกลับมานำ 25-24 แม็คแนบบ์ ขว้างยาว เดอชอน แจ็คสัน สลัดหลุดตัวคุมปีกเข้าทัชดาวน์ 62 หลา แต่การเปลี่ยนสองคะแนนไม่เป็นผล
ความมันมาอยู่ท้ายเกม วอร์เนอร์ สลับลงมาใช้เกมวิ่งได้อย่างเห็นผล กอปรกับ เคน ไวเซนฮันท์ หัวหน้าโค้ชกล้าได้กล้าเสียเปลี่ยนดาวน์ที่ 4 หนึ่งหลาได้สำเร็จโดย ทิม ไฮทาวเวอร์ ก่อนจบไดรฟ์สุดสวยด้วย วอร์เนอร์ ขว้างสั้นให้ ไฮทาวเวอร์ รันนิงแบ็กรุคกี้วิ่ง 8 หลาหมุนเข้าเอ็นด์โซน แถมเปลี่ยนสองคะแนนสำเร็จช่วยให้ คาร์ดินัลส์ ชนะไปอย่างสนุก 32-25 เข้าชิงแชมป์ซูเปอร์โบว์ลเป็นสมัยแรกของเฟรนไชส์ โดยก่อนหน้านี้ ชิคาโก คาร์ดินัลส์ เคยคว้าแชมป์ NFL มาแล้วด้วยการล้ม อีเกิลส์ 28-21 เมื่อปี 1947 แต่ครั้งนั้นยังไม่มีการรวมลีกกัน
จบเกม วอร์เนอร์ อดีต MVP สองสมัยผู้เคยพา “แกะเขาเหล็ก” เซนต์หลุยส์ แรมส์ เข้าชิงซูเปอร์โบว์ล 2 หนได้มาหนึ่งครั้ง (ปี 1999) ให้สัมภาษณ์อย่างประกาศก้องผ่าน “เอพี” สื่อชั้นนำ หลังระเบิดฟอร์มขว้างไป 279 หลา “ผมอยากขอบคุณทุกๆ เราเป็นแชมป์สายแล้ว เมื่อไม่มีใครเชื่อในเราเลย ไม่มีใครเชื่อในตัวผม ดังนั้นคุณก็ต้องลงไปพิสูจน์ ตอนนี้เราได้เข้าสู่ซูเปอร์โบว์ล”
ด้าน ฟิตเจอรัลด์ ที่ฉายฟอร์มสุดยอดรับบอลไป 9 ครั้ง 152 หลา กล่าวเช่นกัน “ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในการลงไปฮัดเดิล พวกเรายังคงมีความมุ่งมั่นและพร้อมลงไปลุยกัน คุณเห็นได้จากสายตาของทุกคนในทีม ไม่มีใครอยากบ้อท่า ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองในสิ่งที่ทีมอยากได้”
จากชัยชนะเกมนี้ทำให้ คาร์ดินัลส์ เป็นทีมแรก (นับตั้งแต่รวมลีกปี 1970) ของฝั่งเอ็นเอฟซี (NFC) ที่ชนะแค่ 9 เกมในฤดูกาลปกติ แต่สามารถผ่านเข้าสู่ซูเปอร์โบว์ล ก่อนหน้านั้นเป็น แรมส์ ที่พลิกล็อกฟันฝ่าเข้าไปก่อนพ่าย สตีลเลอร์ส ในปี 1979 และคราวนี้ในซูเปอร์โบว์ล ครั้งที่ 43 ที่เมืองแทมปา คืนวันอาทิตย์ที่ 1 กุมภาพันธ์ตามวัน-เวลาท้องถิ่น คาร์ดินัลส์ ก็ต้องเผชิญหน้ากับ “คนเหล็ก” ดีกรีแชมป์ 5 สมัย
ในส่วนของทีมเยือน หัวหน้าโค้ช แอนดี รีด ต้องผิดหวังเป็นคำรบที่ 4 ในรอบ 8 ปีหลังที่สามารถพาทีมเข้าชิงแชมป์สายสมัยที่ 5 และหนึ่งครั้งที่ อีเกิลส์ ไปถึงซูเปอร์โบว์ลก็ดันปราชัยให้ นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ 21-24 ในปี 2002 เสียอีก
แม็คแนบบ์ ซึ่งเกมนี้ขว้างไป 375 หลา เสียไปหนึ่งอินเทอร์เซปต์ เผยอย่างซึมๆ “คุณไม่ต้องการให้มันจบลงแบบนี้หรอก และคุณคงไม่อยากเห็นมันจบลงแบบนี้ เมื่อมันออกมาในรูปแบบนี้แน่นอนว่ามันเจ็บปวด คุณมีโอกาสแล้วกับการไปถึงซูเปอร์โบว์ล แต่เราทำไม่ได้เอง”
สำหรับเกมชิงแชมป์สายเอเอฟซี (AFC) ปรากฏว่า พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส กวาดซีซั่นใส่คู่ปรับร่วมกลุ่มเหนือ บัลติมอร์ เรฟเวนส์ หลังเปิดไฮน์ซ ฟิลด์ บดเอาชนะไป 23-14 โดย เบน โรธลิสเบอร์เกอร์ ขว้างไป 255 หลา หนึ่งทัชดาวน์ 65 หลาให้ ซานโตนิโอ โฮล์มส แม้ “อีกาพญายม” พยายามไล่มาจากการวิ่งเข้าเอ็นด์โซน 2 หนของ วิลลี แม็คเกรฮี แต่ ทรอย โพลามาลู ยอดเซฟตี้ “คนเหล็ก” อินเทอร์เซปต์ โจ แฟล็กโก จอมทัพรุคกี้วิ่งย้อนปิดกล่อง 40 หลาให้ทีมเข้าลุ้นแชมป์สมัยที่ 2 ในรอบ 4 ปีหลัง
ภายหลัง ไมค์ ทอมลิน หัวหน้าโค้ชผิวสี “คนเหล็ก” เผยกับ “เอพี” ในเบื้องต้น “พวกเขา (เรฟเวนส์) ลุยใส่เราเหมือนที่ทำมาตลอดทั้งปี แต่เราเป็นทีมที่ไม่ทะนงตัว ไม่มีความเห็นแก่ตัวกันเลย”
ส่วน แฟล็กโก ที่เกมนี้ขว้างให้ทีมเยือนไปแค่ 141 หลา เสียถึง 3 อินเทอร์เซปต์ ยอมรับในฝีมือ โพลามาลู เซฟตีดีกรีออลโปร “ผมคิดว่า ทรอย น่าจะอ่านสายตาผมอยู่ เขาพยายามกระโดดขึ้นฉกบอล เขาสร้างเพลย์ได้วิเศษ”
ด้าน “บิ๊กเบน” โรธลิสเบอร์เกอร์ ให้เครดิตเพื่อนทิ้งท้าย “ทรอย (โพลามาลู) เป็นกองหลังที่เก่งที่สุดในโลกแล้ว”