ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ บุกไปเอาชนะ วัตฟอร์ด 2-1 ขณะที่ คาร์ลอส เตเบซ ซัด 4 ประตูช่วย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านถล่มเอาชนะ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 5-3 ทำให้ทั้งสองทีมผ่านเข้าสู่รอบต่อไป ในการแข่งขันฟุตบอลคาร์ลิง คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศ เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา
ผลการแข่งขันฟุตบอลคาร์ลิง คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศ
วัตฟอร์ด 1-2 ท็อตแนม ฮอตสเปอร์
"แตนอาละวาด" วัตฟอร์ด ของกุนซือ เบรนดัน รอดเจอร์ส ได้ตัว จอน ฮาร์ลีย์ และ เอเดรียน มาริอัปปา สองผู้เล่นเกมรับคนสำคัญที่หายจากอาการบาดเจ็บผ่านความฟิตลงสนามได้ นอกจากนี้ยังส่ง เลียม บริดคัตต์ มิดฟิลด์ดาวรุ่งที่ยืมตัวจาก เชลซี ลงสนามในเกมนี้ด้วย ขณะที่ "ไก่เดือยทอง" ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ของ แฮร์รี เรดแนปป์ ตัดสินใจพัก เลดลีย์ คิง ปราการหลังกัปตันทีมไว้ข้างสนาม แต่ เจอร์เมน จีนาส มิดฟิลด์ตัวทำเกมหายจากอาการบาดเจ็บนิ้วเท้ากลับมาลงสนามได้อีกครั้ง
เริ่มเกมครึ่งแรก วัตฟอร์ด สามารถคุมเกมได้เหนือกว่าและมาทำประตูขึ้นนำออกไปก่อนในนาทีที่ 13 จากจังหวะที่ สมิธ รับบอลได้บริเวณริมเส้นด้านซ้าย ก่อนจะกระชากหนีกองหลังทีมเยือนหลุดไปถึงเส้นหลัง ตวัดบอลเข้ากลางมาให้ พริสกิน ที่ยืนอยู่ในกรอบเขตโทษ หลอกล่อจนหาช่องได้และตัดสินใจยิงผ่านมือ โกเมส เข้าไปให้ทีมขึ้นนำ 1-0
หลังจากเสียประตู สเปอร์ส เริ่มทำเกมรุกมากขึ้นโดยอาศัยการทำเกมทางริมเส้นด้านขวาของ เลนนอน โดยนาทีที่ 20 ปีกความเร็วสูงรายนี้กระชากบอลขึ้นมาทางด้านขวาจนถึงกรอบเขตโทษ ก่อนจะล็อกบอลหลบกองหลังเจ้าถิ่นเข้าไปด้านในเขตโทษ พยายามปั่นไซด์ก้อยด้วยเท้าขวา บอลเลี้ยวเกือบเสียบมุมสามเหลี่ยมแต่ยังดีที่ โลช นายทวารพุ่งปัดออกหลังไปได้ทัน
เกมมาถึงนาทีที่ 30 เป็น เลนนอน อีกครั้งที่เลี้ยงบอลลุยขึ้นมาทางด้านขวา ก่อนจะหลุดเข้าไปยิงในกรอบเขตโทษแต่ถูกนายด่านเจ้าถิ่นปัดเอาไว้ได้อีกครั้ง
สเปอร์สยังทำเกมบุกอย่างต่อเนื่องและเกือบทำประตูตีเสมออย่างที่สุดในนาทีที่ 43 จากจังหวะการวางบอลยาวมาถึงเขตโทษของคู่แข่ง กองหลังเจ้าถิ่นโหม่งบอลพลาดมาเข้าทาง พาฟลูเชนโก แตะบอลหลุดเดี่ยวเข้าไปยิง หมดสิทธิ์ที่ โลช จะป้องกันได้แล้วแต่บอลกลับพุ่งไปจนสามเหลี่ยมประตูออกหลังอย่างน่าเสียดาย
แต่ในที่สุดทีมเยือนมาทำประตูตีเสมอจนได้ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เมื่อ จีนาส ถูก เจนกินส์ ผู้เล่นเจ้าถิ่นสกัดล้มลงในเขตโทษ กรรมการเป่าให้เป็นลูกจุดโทษทันทีและเป็น พัฟลูเชนโก รับหน้าที่สังหารไม่พลาดบอลเรียดเสียบโค่นเสาเข้าไปให้ สเปอร์ส ตามตีเสมอ 1-1 พร้อมจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้
เข้าสู่ครึ่งหลัง ทั้งสองทีมทำเกมกันได้อย่างสูสีแต่หาโอกาสลุ้นทำประตูไม่มากจนมาถึงนาทีที่ 73 โซโกรา ได้บอลบริเวณริมเส้นด้านขวาก่อนจะเปิดบอลเข้ากลางมาให้ เบนท์ ตัวสำรองที่เพิ่งลงสนามมาโหม่งแต่บอลเหินข้ามคานออกหลังไป
อีกสามนาทีต่อมา สเปอร์ส ทำประตูขึ้นนำจนได้จากจังหวะแรกที่ โอฮารา เปิดบอลขึ้นมาจากกลางสนามมาถึง เลนนอน จับบอลลงได้ก่อนจะเล่นชิงกับ พัฟลูเชนโก แต่บอลถูกกองหลังเจ้าถิ่นกระดอนไปเข้าทาง เบนท์ หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงมุมแคบเบียดเสาเข้าไปให้ทีมเยือนพลิกขึ้นนำ 2-1
ช่วงก่อนหมดเวลาสองนาที วัตฟอร์ด เกือบทำประตูตีเสมอได้เช่นกันจากจังหวะการทำเกมขึ้นรุกขึ้นมาถึงเขตโทษ กองหลังทีมเยือนสกัดบอลไม่ดีมาเข้าทาง ฮอสกินส์ ตัวสำรองพยายามหมุนตัวกลับยิงแต่ โกเมส ล้มตัวรับไว้ได้ทัน ทำให้สุดท้ายเมื่อทั้งสองทีมไม่สามารถพังประตูเพิ่มได้จบ 90 นาที สเปอร์ส บุกมาเอาชนะ 2-1 พร้อมกับผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ
ขณะที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศเช่นกันหลังจากเปิดสนาม โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ถล่มเอาชนะ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 5-3 โดย คาร์ลอส เตเบซ ระเบิดฟอร์มทำ 4 ประตูในนาทีที่ 36, 51, 54 และ 90 ส่วนอีกลูกได้จากการยิงของ นานี ในนาทีที่ 40 ขณะที่ทีมเยือนทำประตูได้จาก เบนนี แม็คคาธี ยิง 2 ลูกในนาทีที่ 48 และ 90 รวมกับประตูของ แม็ต ดาร์บีเชียร์ ที่ทำได้ในนาทีที่ 84 นาที
รายชื่อผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
วัตฟอร์ด : สกอตต์ โลช, เอเดรียน มาริอัปปา, เจย์ เดเมอริต, เลจห์ บรอมบี, จอน ฮาร์ลีย์, รอสส์ เจนกินส์, ลี วิลเลียมสัน, โจบี แม็คนัฟฟ์, เลียม บริดคัตต์, ทอมมี สมิธ, ทามาส พริสกิน
ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ : โกเมส, เวดรัน ชอว์ลูกา, ไมเคิล ดอว์สัน, โจนาธาน วูดเกต, เบนัวต์ แอสซู-เอกอตโต, ดิดิเยร์ โซโกรา, อารอน เลนนอน, เจอร์เมน จีนาส, เจมี โอฮารา, โรมัน พัฟลูเชนโก, เฟร์เซอร์ แคมพ์เบล
ผลการแข่งขันฟุตบอลคาร์ลิง คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศ
วัตฟอร์ด 1-2 ท็อตแนม ฮอตสเปอร์
"แตนอาละวาด" วัตฟอร์ด ของกุนซือ เบรนดัน รอดเจอร์ส ได้ตัว จอน ฮาร์ลีย์ และ เอเดรียน มาริอัปปา สองผู้เล่นเกมรับคนสำคัญที่หายจากอาการบาดเจ็บผ่านความฟิตลงสนามได้ นอกจากนี้ยังส่ง เลียม บริดคัตต์ มิดฟิลด์ดาวรุ่งที่ยืมตัวจาก เชลซี ลงสนามในเกมนี้ด้วย ขณะที่ "ไก่เดือยทอง" ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ของ แฮร์รี เรดแนปป์ ตัดสินใจพัก เลดลีย์ คิง ปราการหลังกัปตันทีมไว้ข้างสนาม แต่ เจอร์เมน จีนาส มิดฟิลด์ตัวทำเกมหายจากอาการบาดเจ็บนิ้วเท้ากลับมาลงสนามได้อีกครั้ง
เริ่มเกมครึ่งแรก วัตฟอร์ด สามารถคุมเกมได้เหนือกว่าและมาทำประตูขึ้นนำออกไปก่อนในนาทีที่ 13 จากจังหวะที่ สมิธ รับบอลได้บริเวณริมเส้นด้านซ้าย ก่อนจะกระชากหนีกองหลังทีมเยือนหลุดไปถึงเส้นหลัง ตวัดบอลเข้ากลางมาให้ พริสกิน ที่ยืนอยู่ในกรอบเขตโทษ หลอกล่อจนหาช่องได้และตัดสินใจยิงผ่านมือ โกเมส เข้าไปให้ทีมขึ้นนำ 1-0
หลังจากเสียประตู สเปอร์ส เริ่มทำเกมรุกมากขึ้นโดยอาศัยการทำเกมทางริมเส้นด้านขวาของ เลนนอน โดยนาทีที่ 20 ปีกความเร็วสูงรายนี้กระชากบอลขึ้นมาทางด้านขวาจนถึงกรอบเขตโทษ ก่อนจะล็อกบอลหลบกองหลังเจ้าถิ่นเข้าไปด้านในเขตโทษ พยายามปั่นไซด์ก้อยด้วยเท้าขวา บอลเลี้ยวเกือบเสียบมุมสามเหลี่ยมแต่ยังดีที่ โลช นายทวารพุ่งปัดออกหลังไปได้ทัน
เกมมาถึงนาทีที่ 30 เป็น เลนนอน อีกครั้งที่เลี้ยงบอลลุยขึ้นมาทางด้านขวา ก่อนจะหลุดเข้าไปยิงในกรอบเขตโทษแต่ถูกนายด่านเจ้าถิ่นปัดเอาไว้ได้อีกครั้ง
สเปอร์สยังทำเกมบุกอย่างต่อเนื่องและเกือบทำประตูตีเสมออย่างที่สุดในนาทีที่ 43 จากจังหวะการวางบอลยาวมาถึงเขตโทษของคู่แข่ง กองหลังเจ้าถิ่นโหม่งบอลพลาดมาเข้าทาง พาฟลูเชนโก แตะบอลหลุดเดี่ยวเข้าไปยิง หมดสิทธิ์ที่ โลช จะป้องกันได้แล้วแต่บอลกลับพุ่งไปจนสามเหลี่ยมประตูออกหลังอย่างน่าเสียดาย
แต่ในที่สุดทีมเยือนมาทำประตูตีเสมอจนได้ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เมื่อ จีนาส ถูก เจนกินส์ ผู้เล่นเจ้าถิ่นสกัดล้มลงในเขตโทษ กรรมการเป่าให้เป็นลูกจุดโทษทันทีและเป็น พัฟลูเชนโก รับหน้าที่สังหารไม่พลาดบอลเรียดเสียบโค่นเสาเข้าไปให้ สเปอร์ส ตามตีเสมอ 1-1 พร้อมจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้
เข้าสู่ครึ่งหลัง ทั้งสองทีมทำเกมกันได้อย่างสูสีแต่หาโอกาสลุ้นทำประตูไม่มากจนมาถึงนาทีที่ 73 โซโกรา ได้บอลบริเวณริมเส้นด้านขวาก่อนจะเปิดบอลเข้ากลางมาให้ เบนท์ ตัวสำรองที่เพิ่งลงสนามมาโหม่งแต่บอลเหินข้ามคานออกหลังไป
อีกสามนาทีต่อมา สเปอร์ส ทำประตูขึ้นนำจนได้จากจังหวะแรกที่ โอฮารา เปิดบอลขึ้นมาจากกลางสนามมาถึง เลนนอน จับบอลลงได้ก่อนจะเล่นชิงกับ พัฟลูเชนโก แต่บอลถูกกองหลังเจ้าถิ่นกระดอนไปเข้าทาง เบนท์ หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงมุมแคบเบียดเสาเข้าไปให้ทีมเยือนพลิกขึ้นนำ 2-1
ช่วงก่อนหมดเวลาสองนาที วัตฟอร์ด เกือบทำประตูตีเสมอได้เช่นกันจากจังหวะการทำเกมขึ้นรุกขึ้นมาถึงเขตโทษ กองหลังทีมเยือนสกัดบอลไม่ดีมาเข้าทาง ฮอสกินส์ ตัวสำรองพยายามหมุนตัวกลับยิงแต่ โกเมส ล้มตัวรับไว้ได้ทัน ทำให้สุดท้ายเมื่อทั้งสองทีมไม่สามารถพังประตูเพิ่มได้จบ 90 นาที สเปอร์ส บุกมาเอาชนะ 2-1 พร้อมกับผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ
ขณะที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศเช่นกันหลังจากเปิดสนาม โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ถล่มเอาชนะ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 5-3 โดย คาร์ลอส เตเบซ ระเบิดฟอร์มทำ 4 ประตูในนาทีที่ 36, 51, 54 และ 90 ส่วนอีกลูกได้จากการยิงของ นานี ในนาทีที่ 40 ขณะที่ทีมเยือนทำประตูได้จาก เบนนี แม็คคาธี ยิง 2 ลูกในนาทีที่ 48 และ 90 รวมกับประตูของ แม็ต ดาร์บีเชียร์ ที่ทำได้ในนาทีที่ 84 นาที
รายชื่อผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
วัตฟอร์ด : สกอตต์ โลช, เอเดรียน มาริอัปปา, เจย์ เดเมอริต, เลจห์ บรอมบี, จอน ฮาร์ลีย์, รอสส์ เจนกินส์, ลี วิลเลียมสัน, โจบี แม็คนัฟฟ์, เลียม บริดคัตต์, ทอมมี สมิธ, ทามาส พริสกิน
ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ : โกเมส, เวดรัน ชอว์ลูกา, ไมเคิล ดอว์สัน, โจนาธาน วูดเกต, เบนัวต์ แอสซู-เอกอตโต, ดิดิเยร์ โซโกรา, อารอน เลนนอน, เจอร์เมน จีนาส, เจมี โอฮารา, โรมัน พัฟลูเชนโก, เฟร์เซอร์ แคมพ์เบล