คริสเตียโน โรนัลโด เบิ้ลสกอร์ช่วยให้ “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านทุบเอาชนะ โบลตัน วันเดอเรอร์ส 2-0 พร้อมฉีก “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล รองจ่าฝูงพรีเมียร์ชิปไปเป็นสามแต้ม ขณะที่ เชลซี บุกเจ๊า “ไก่เดือยทอง” ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ 4-4
ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ชิป อังกฤษ นัดตกค้าง
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-0 โบลตัน วันเดอเรอร์ส
แมนฯ ยูไนเต็ด มีโอกาสทิ้ง “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล รองจ่าฝูงไปเป็นสามแต้มเต็ม แต่มีข้อแม้ต้องเอาชนะ โบลตัน วันเดอเรอร์ส ที่กำลังดิ้นรนหนีการตกชั้นให้ได้ในแมตช์นี้เสียก่อน การที่ “ผีแดง” มีเกมกับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล รออยู่ช่วงสุดสัปดาห์ทำให้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ปรับหมากพัก เวย์น รูนีย์ และพอล สโคลส์ ไว้ที่ข้างสนาม พร้อมกับให้โอกาส หลุยส์ ซาฮา มายืนล่าตาข่ายร่วมกับ คาร์ลอส เตเบซ ขณะที่ โอเวน ฮาร์กรีฟส์ ถูกปรับไปเล่นแบ็กขวาจำเป็น ด้าน แกรี เม็กสัน มีปัญหาจัดทีม “เดอะ ทร็อตเตอร์ส” พอสมควร เควิน โนแลน มิดฟิลด์กัปตันทีมยังไม่ฟิต ยุสซี ยัสเคไลเนน นายทวารมือ 1 เจ็บส่อพักยาว แต่ก็ยังมี เอล ฮัดจิ ดิยุฟ และเควิน เดวีส์ เป็นความหวัง
เริ่มเกมการแข่งขัน แมนฯ ยูไนเต็ด พยายามตั้งเกมบุกแต่ โบลตัน ลงไปตั้งรับกันค่อนข้างลึกแต่เจ้าถิ่นก็ได้โอกาสก่อนเมื่อ หลุยส์ ซาฮา ตักบอลให้ คาร์ลอส เตเบซ หลุดเข้ากรอบโทษแต่โดนแผงหลังเจ้าถิ่นเคลียร์ออกหลังและจากลูกเตะมุม หลุยส์ นานี เปิดเข้ากลาง “เดอะ ทร็อตเตอร์ส” เคลียร์บอลกันไม่ขาดมาให้ คริสเตียโน โรนัลโด ตะบันเข้าไปให้ “ผีแดง” นำเร็ว 1-0 ตั้งแต่นาทีที่ 9 แต่อีกแปดนาทีถัดมาจังหวะสวนของทีมเยือนได้ลุ้น แดนนี กัทธี เติมขึ้นมาทางขวาก่อนเปิดให้ เควิน เดวีส์ ได้วอลเลย์เหน่งๆ แต่ โทมัสซ์ คุสซ์แซ็ค ป้องกันไว้ได้ที่โคนเสา
เมื่อมีโอกาสแล้วทำไม่ได้ แมนฯ ยูไนเต็ด ลงโทษผู้มาเยือนด้วยการทิ้งห่างเป็น 2-0 จากการยิงฟรีคิกอันสุดสวยระยะประมาณ 35 หลาของ “หนูโด้” ที่พุ่งผ่านมือ อาลี อัล ฮับซี เข้าเสียบตาข่ายในนาทีที่ 20 พอโดนไปสองประตู โบลตัน อยู่เฉยไม่ได้ต้องเปิดเกมรุกเข้าใส่ แต่ก็เกือบโดนทีเด็ดของเจ้าถิ่นเข้าไปอีก เนมันยา วิดิช ได้โหม่งลูกเตะมุมเมื่อผ่านครึ่งชั่วโมงแต่โดนเคลียร์ออกจากเส้นประตู ส่วน นานี มีโอกาสได้ยิงแต่ก็ไม่เป็นผล เช่นเดียวกับ เตเบซ ที่ได้โขกบอลลงพื้นแต่ยังไม่ผ่านมือ อัล ฮับซี อย่างไรก็ตาม จบ 45 นาทีแรก “ผีแดง” ได้เปรียบทั้งสกอร์และรูปเกม
ลงมาลุยกันต่อในครึ่งหลัง แกรี เม็กสัน มีการปรับเกมรับส่ง นิคกี ฮันท์ ลงมาเล่นแทน อับดูเลเย เมอิเต แต่แค่สองนาที แมนฯ ยูไนเต็ด เกือบทิ้งห่างเมื่อได้ลูกฟรีคิกบริเวรหัวกะโหลก นานี รับหน้าที่ปั่นบอลกำลังจะเสียบเสาแต่ อัล อับซี พุ่งไปตะปบไว้ได้ นาทีที่ 55 แฟนๆ โบลตัน เฮกันเก้อแม้ เอล ฮัดจิ ดิยุฟ จะปั่นฟรีคิกเสียบมุมแต่ผู้ตัดสิน อลัน ไวลีย์ บอกว่าให้รอสัญญาณนกหวีดก่อน และการยิงอีกครั้งกองหน้าเซเนกัลก็ทำได้ดียิงไปมุมเดิมแต่ คุสซ์แซ็ค เหินไปคว้าบอลเอาไว้ได้
หนึ่งชั่วโมงพอดีทีมเยือนน่าจะได้ประตูตีไข่แตก ฮันท์ ได้ตะบันจากนอกกรอบบอลโค้งกำลังจะมุดใต้คานแต่ คุสซ์แซ็ค โชว์ฟอร์มบินปัดพ้นอันตรายไปได้อีกครั้ง เกมของ แมนฯ ยูไนเต็ด ดูเนือยไปจากครึ่งแรกทำให้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ส่งเอา พอล สโคลส์ และเวย์น รูนีย์ ลงมาเติมความสดในช่วง 20 นาทีสุดท้ายแทน อันแดร์สัน และหลุยส์ ซาฮา นาทีที่ 79 เจ้าบ้านน่าได้ประตูปิดกล่องแต่ลูกยิงของ นานี เจอปฏิกิริยาอันว่องไวของ อัล อับซี ปัดพ้นเสาไปได้ แต่ครบ 90 นาที “ผีแดง” เก็บชัยรักษาตำแหน่งจ่าฝูงพร้อมกับหนี “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ไปเป็นสามแต้ม ขณะที่ โบลตัน ยังจมอยู่อันดับ 18 ของตารางต่อไป
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
แมนฯ ยูไนเต็ด : โทมัสซ์ คุสซ์แซ็ค , โอเวน ฮาร์กรีฟส์ , เนมันยา วิดิช , เคราร์ด ปิเก , จอห์น โอเชีย , คริสเตียโน โรนัลโด , ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ , อันแดร์สัน , หลุยส์ นานี , คาร์ลอส เตเบซ , หลุยส์ ซาฮา
โบลตัน : อาลี อัล ฮับซี , เกรตาร์ สไตน์สสัน , แอนดรูว์ โอไบรอัน , อับดูเลเย เมอิเต , ริคาร์โด การ์ดเนอร์ , โจอี โอไบรอัน , เกวิน แม็คคานน์ , แดนนี กัทธี , เอล ฮัดจิ ดิยุฟ , แม็ทธิว เทย์เลอร์ , เควิน เดวีส์
ส่วนผลการแข่งขันอีกคู่หนึ่งวันเดียวกันในเกมลอนดอน ดาร์บี้แมตช์ ปรากฏว่า “สิงห์บลูส์” เชลซี บุกไปโดน “ไก่เดือยทอง” ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ไล่ตีเสมอสนุก 4-4 โดยทีมเยือนได้จาก ดิดิเยร์ ดร็อกบา (น.3) มิคาเอล เอสเซียง (น.20) โจ โคล (น.52 และ 79) ส่วนเจ้าบ้านแก้คืนจาก โจนาธาน วูดเกต (น.12) ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ (น.61) ทอม ฮัดเดิลสโตน (น.75) และร็อบบี คีน (น.88) ทำให้ เชลซี รั้งอันดับ 3 ดังเดิมมีอยู่ 65 คะแนนจากการลงสนาม 30 นัด ตามหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด ห่างห้าแต้มและก็ตาม อาร์เซนอล อยู่สองคะแนน
ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ชิป อังกฤษ นัดตกค้าง
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-0 โบลตัน วันเดอเรอร์ส
แมนฯ ยูไนเต็ด มีโอกาสทิ้ง “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล รองจ่าฝูงไปเป็นสามแต้มเต็ม แต่มีข้อแม้ต้องเอาชนะ โบลตัน วันเดอเรอร์ส ที่กำลังดิ้นรนหนีการตกชั้นให้ได้ในแมตช์นี้เสียก่อน การที่ “ผีแดง” มีเกมกับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล รออยู่ช่วงสุดสัปดาห์ทำให้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ปรับหมากพัก เวย์น รูนีย์ และพอล สโคลส์ ไว้ที่ข้างสนาม พร้อมกับให้โอกาส หลุยส์ ซาฮา มายืนล่าตาข่ายร่วมกับ คาร์ลอส เตเบซ ขณะที่ โอเวน ฮาร์กรีฟส์ ถูกปรับไปเล่นแบ็กขวาจำเป็น ด้าน แกรี เม็กสัน มีปัญหาจัดทีม “เดอะ ทร็อตเตอร์ส” พอสมควร เควิน โนแลน มิดฟิลด์กัปตันทีมยังไม่ฟิต ยุสซี ยัสเคไลเนน นายทวารมือ 1 เจ็บส่อพักยาว แต่ก็ยังมี เอล ฮัดจิ ดิยุฟ และเควิน เดวีส์ เป็นความหวัง
เริ่มเกมการแข่งขัน แมนฯ ยูไนเต็ด พยายามตั้งเกมบุกแต่ โบลตัน ลงไปตั้งรับกันค่อนข้างลึกแต่เจ้าถิ่นก็ได้โอกาสก่อนเมื่อ หลุยส์ ซาฮา ตักบอลให้ คาร์ลอส เตเบซ หลุดเข้ากรอบโทษแต่โดนแผงหลังเจ้าถิ่นเคลียร์ออกหลังและจากลูกเตะมุม หลุยส์ นานี เปิดเข้ากลาง “เดอะ ทร็อตเตอร์ส” เคลียร์บอลกันไม่ขาดมาให้ คริสเตียโน โรนัลโด ตะบันเข้าไปให้ “ผีแดง” นำเร็ว 1-0 ตั้งแต่นาทีที่ 9 แต่อีกแปดนาทีถัดมาจังหวะสวนของทีมเยือนได้ลุ้น แดนนี กัทธี เติมขึ้นมาทางขวาก่อนเปิดให้ เควิน เดวีส์ ได้วอลเลย์เหน่งๆ แต่ โทมัสซ์ คุสซ์แซ็ค ป้องกันไว้ได้ที่โคนเสา
เมื่อมีโอกาสแล้วทำไม่ได้ แมนฯ ยูไนเต็ด ลงโทษผู้มาเยือนด้วยการทิ้งห่างเป็น 2-0 จากการยิงฟรีคิกอันสุดสวยระยะประมาณ 35 หลาของ “หนูโด้” ที่พุ่งผ่านมือ อาลี อัล ฮับซี เข้าเสียบตาข่ายในนาทีที่ 20 พอโดนไปสองประตู โบลตัน อยู่เฉยไม่ได้ต้องเปิดเกมรุกเข้าใส่ แต่ก็เกือบโดนทีเด็ดของเจ้าถิ่นเข้าไปอีก เนมันยา วิดิช ได้โหม่งลูกเตะมุมเมื่อผ่านครึ่งชั่วโมงแต่โดนเคลียร์ออกจากเส้นประตู ส่วน นานี มีโอกาสได้ยิงแต่ก็ไม่เป็นผล เช่นเดียวกับ เตเบซ ที่ได้โขกบอลลงพื้นแต่ยังไม่ผ่านมือ อัล ฮับซี อย่างไรก็ตาม จบ 45 นาทีแรก “ผีแดง” ได้เปรียบทั้งสกอร์และรูปเกม
ลงมาลุยกันต่อในครึ่งหลัง แกรี เม็กสัน มีการปรับเกมรับส่ง นิคกี ฮันท์ ลงมาเล่นแทน อับดูเลเย เมอิเต แต่แค่สองนาที แมนฯ ยูไนเต็ด เกือบทิ้งห่างเมื่อได้ลูกฟรีคิกบริเวรหัวกะโหลก นานี รับหน้าที่ปั่นบอลกำลังจะเสียบเสาแต่ อัล อับซี พุ่งไปตะปบไว้ได้ นาทีที่ 55 แฟนๆ โบลตัน เฮกันเก้อแม้ เอล ฮัดจิ ดิยุฟ จะปั่นฟรีคิกเสียบมุมแต่ผู้ตัดสิน อลัน ไวลีย์ บอกว่าให้รอสัญญาณนกหวีดก่อน และการยิงอีกครั้งกองหน้าเซเนกัลก็ทำได้ดียิงไปมุมเดิมแต่ คุสซ์แซ็ค เหินไปคว้าบอลเอาไว้ได้
หนึ่งชั่วโมงพอดีทีมเยือนน่าจะได้ประตูตีไข่แตก ฮันท์ ได้ตะบันจากนอกกรอบบอลโค้งกำลังจะมุดใต้คานแต่ คุสซ์แซ็ค โชว์ฟอร์มบินปัดพ้นอันตรายไปได้อีกครั้ง เกมของ แมนฯ ยูไนเต็ด ดูเนือยไปจากครึ่งแรกทำให้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ส่งเอา พอล สโคลส์ และเวย์น รูนีย์ ลงมาเติมความสดในช่วง 20 นาทีสุดท้ายแทน อันแดร์สัน และหลุยส์ ซาฮา นาทีที่ 79 เจ้าบ้านน่าได้ประตูปิดกล่องแต่ลูกยิงของ นานี เจอปฏิกิริยาอันว่องไวของ อัล อับซี ปัดพ้นเสาไปได้ แต่ครบ 90 นาที “ผีแดง” เก็บชัยรักษาตำแหน่งจ่าฝูงพร้อมกับหนี “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ไปเป็นสามแต้ม ขณะที่ โบลตัน ยังจมอยู่อันดับ 18 ของตารางต่อไป
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
แมนฯ ยูไนเต็ด : โทมัสซ์ คุสซ์แซ็ค , โอเวน ฮาร์กรีฟส์ , เนมันยา วิดิช , เคราร์ด ปิเก , จอห์น โอเชีย , คริสเตียโน โรนัลโด , ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ , อันแดร์สัน , หลุยส์ นานี , คาร์ลอส เตเบซ , หลุยส์ ซาฮา
โบลตัน : อาลี อัล ฮับซี , เกรตาร์ สไตน์สสัน , แอนดรูว์ โอไบรอัน , อับดูเลเย เมอิเต , ริคาร์โด การ์ดเนอร์ , โจอี โอไบรอัน , เกวิน แม็คคานน์ , แดนนี กัทธี , เอล ฮัดจิ ดิยุฟ , แม็ทธิว เทย์เลอร์ , เควิน เดวีส์
ส่วนผลการแข่งขันอีกคู่หนึ่งวันเดียวกันในเกมลอนดอน ดาร์บี้แมตช์ ปรากฏว่า “สิงห์บลูส์” เชลซี บุกไปโดน “ไก่เดือยทอง” ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ไล่ตีเสมอสนุก 4-4 โดยทีมเยือนได้จาก ดิดิเยร์ ดร็อกบา (น.3) มิคาเอล เอสเซียง (น.20) โจ โคล (น.52 และ 79) ส่วนเจ้าบ้านแก้คืนจาก โจนาธาน วูดเกต (น.12) ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ (น.61) ทอม ฮัดเดิลสโตน (น.75) และร็อบบี คีน (น.88) ทำให้ เชลซี รั้งอันดับ 3 ดังเดิมมีอยู่ 65 คะแนนจากการลงสนาม 30 นัด ตามหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด ห่างห้าแต้มและก็ตาม อาร์เซนอล อยู่สองคะแนน