คริสเตียโน โรนัลโด สวมบทฮีโร่เบิลสกอร์ช่วย “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านพิชิต ปอร์ทสมัธ 2-0 ทวงจ่าฝูงพรีเมียร์ชิป อังกฤษ คืนมา ขณะที่ เชลซี เฉือนหวิว เรดดิง 1-0 ส่วน “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล บุกพ่าย “ขุนค้อน” เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ช่วงทดเจ็บ
ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ชิป อังกฤษ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-0 ปอร์ทสมัธ
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ปรับเปลี่ยนทัพ “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4 ตำแหน่งจากเกมเอฟเอ คัพ สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยให้โอกาส ปาร์ค จี ซอง, หลุยส์ นานี และ พอล สโคลส์ ที่หายเจ็บคืนสนาม ส่วนแนวรับ ก็มี เนมันยา วิดิช ลงค้ำอีกครั้ง ด้าน “ปอมปีย์” ขาดผู้เล่นที่ไปลุยศึกแอฟริกัน เนชันส์ คัพ หลายรายแต่ แฮร์รี เรดแนปป์ ก็ประเดิมส่ง มิลาน บารอส ที่ไปยืมจาก โอลิมปิก ลียง ลงล่าตาข่ายร่วมกับ เบนจานี เอ็มวารูวารี ดาวซัลโวของสโมสร
เริ่มเกมการแข่งขัน แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายครองเกมบุกทันทีและผ่านไปแค่ 10 นาทีแฟนๆ ในโอลด์ แทรฟฟอร์ด ก็ได้เฮลั่นเห็นทีมรักนำเร็ว 1-0 จากการตัดบอลได้ในแดนกลาง พอล สโคลส์ หยอดให้ คริสเตียโน โรนัลโด เล่นชิ่งกับ หลุยส์ นานี ก่อนที่ “หนูโด้” จะหลุดเข้าไปยิงที่เสาแรกผ่านตัว เดวิด เจมส์ เข้าไป และอีกแค่สามนาทีถัดมา “ผีแดง” ก็ทิ้งห่างเป็น 2-0 เมื่อได้ฟรีคิกระยะประมาณ 25 หลา โรนัลโด จิ้มด้วยขวาเต็มหัวเกือกบอลพุ่งข้ามกำแพงมุดเข้ามุมตาข่ายอย่างสวยงาม
พอได้สองประตูติดๆ กัน แมนฯ ยูไนเต็ด เล่นกันได้อย่างมั่นใจผ่าน 20 นาทีแรกเกือบทิ้งห่างไปอีก เมื่อ โรนัลโด แปะบอลให้ เวย์น รูนีย์ สะบัดเกือกจากนอกกรอบแต่ เจมส์ ยืนตำแหน่งดีคว้าบอลไว้ได้ อีกสามนาทีถัดมา “หนูโด้” ได้ส่องฟรีคิกอีกครั้งร้อนถึงนายทวารทีมเยือนต้องปัดพ้นอันตรายออกไป และจากลูกเตะมุม เวส บราวน์ เติมขึ้นมาวอลเลย์อัดบอลข้ามคานไปแบบได้ลุ้น เกมตกเป็นของเจ้าบ้านอย่างสิ้นเชิง ปาทริซ เอวรา เติมขึ้นมายิงไกล เจมส์ ต้องเซฟอีกครั้ง
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ปอร์ทสมัธ พยายามดันเกมขึ้นสู้บ้างแต่ แมนฯ ยูไนเต็ด สามารถตั้งรับได้อย่างเหนียวแน่น ทีมเยือนมาได้ฟรีคิกบ้างแต่ นิโก ครันจ์ชาร์ อัดไปแฉลบกำแพง และเจ้าถิ่นก็ใช้จังหวะสวนกลับเกือบได้ประตูปิดท้ายครึ่งแต่ลูกยิงของ นานี หลุดกรอบออกไปนิดเดียว อย่างไรก็ตามจบ 45 นาทีแรก “ผีแดง” ถือความได้เปรียบอยู่พอสมควร
เปิดฉากครึ่งหลัง แฮร์รี เรดแนปป์ แก้เกมให้ “ปอมปีย์” ทันทีด้วยการส่ง เฮอร์มัน ไฮดาร์สสัน และ อาร์โนลด์ เอ็มวูเอ็มบา ลงมาเล่นแทน ซิลแว็ง ดิสแต็ง และ โลแรน เอตาเม ซึ่งทีมเยือนเดินเกมได้ดีขึ้นกว่าครึ่งแรกได้ลุ้นจากการยิงไกลของ ลาสซานา ดิยาร์รา แต่ไม่เป็นปัญหาสำหรับ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ในจังหวะต่อเนื่องนายด่านทีมชาติฮอลแลนด์สาดบอลยาวไปหน้าประตู ปอร์ทสมัธ โซล แคมป์เบลล์ โหม่งคืนหลังเบาทำให้ รูนีย์ ได้กระดกกำลังจะเข้าประตูแต่ เจมส์ ยังไวไปคว้าไว้ได้หวุดหวิด
เกมถึงหนึ่งชั่วโมงพอดี เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันทำการถอด พอล สโคลส์ ที่เพิ่งหายเจ็บกลับมาไม่นานออกมาพักและก็ส่ง อันแดร์สัน มาปั้นเกมแดนกลางแทน สี่นาทีถัดมา แมนฯ ยูไนเต็ด เกือบทิ้งห่างเมื่อ รูนีย์ ไล่บี้แย่งบอลมาจาก แคมป์เบลล์ ก่อนตวัดต่อให้ โรนัลโด ยิงบอลหลุดกรอบไปอย่างน่าเสียดาย นาทีที่ 73 “ผีแดง” น่าจะฝังผู้มาเยือนได้อีกครั้งจากจังหวะสวนกลับ โรนัลโด จ่ายให้ รูนีย์ แตะต่อให้ นานี ได้ยิงแต่โดน เจมส์ เซฟเอาไว้อีก
ท้ายเกม แมนฯ ยูไนเต็ด จัดการถอด รูนีย์ ออกมาพัก และก็ให้ คาร์ลอส เตเบซ ลงมายืดเส้นยืดสาย นาทีที่ 89 เจ้าบ้านเกือบทิ้งท้าย เตเบซ ซัดเต็มๆ เจมส์ ปัดมาเข้าทาง อันแดร์สัน ใช้ความสามารถเฉพาะตัวเลาะเข้าไปยิงบอลถางเสา แต่ครบ 90 นาที “ผีแดง” รักษาสกอร์คว้าชัยสบายเกือกทวงเก้าอี้จ่าฝูงคืนมาจาก อาร์เซนอล โดยมี 57 คะแนนเท่ากันจากการลงสนาม 24 นัดแต่ “ปืนใหญ่” มีประตูได้-เสียเป็นรองจึงหล่นมาอยู่อันดับ 2
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
แมนฯ ยูไนเต็ด : เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ , เวส บราวน์ , เนมันยา วิดิช , ริโอ เฟอร์ดินานด์ , ปาทริซ เอวรา , ปาร์ค จี ซอง , ไมเคิล คาร์ริค , พอล สโคลส์ , หลุยส์ นานี , คริสเตียโน โรนัลโด , เวย์น รูนีย์
ปอร์ทสมัธ : เดวิด เจมส์ , เกล็น จอห์นสัน , โซล แคมป์เบลล์ , ซิลแว็ง ดิสแต็ง , โนเอ ปามาโรต์ , โลแรน เอตาเม , ฌอน เดวิส , ลาสซานา ดิยาร์รา , นิโก ครันจ์ชาร์ , มิลาน บารอส , เบนจานี เอ็มวารูวารี
ผลฟุตบอล พรีเมียร์ชิป คู่อื่นๆ ประจำคืนวันพุธ
เชลซี 1-0 เรดดิง
[1-0 : มิชาเอล บัลลัค (น.32)]
ดาร์บี เคาน์ตี 1-1 แมนเชสเตอร์ ซิตี
[1-0 : ซุน จี ไห่ (ทำเข้าประตูตัวเอง น.46) , 1-1 : ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ (น.63)]
เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 1-0 ลิเวอร์พูล
[1-0 : มาร์ค โนเบิล (จุดโทษ น.90)]
เอฟเวอร์ตัน 0-0 ท็อตแนม ฮอตสเปอร์
ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ชิป อังกฤษ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-0 ปอร์ทสมัธ
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ปรับเปลี่ยนทัพ “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4 ตำแหน่งจากเกมเอฟเอ คัพ สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยให้โอกาส ปาร์ค จี ซอง, หลุยส์ นานี และ พอล สโคลส์ ที่หายเจ็บคืนสนาม ส่วนแนวรับ ก็มี เนมันยา วิดิช ลงค้ำอีกครั้ง ด้าน “ปอมปีย์” ขาดผู้เล่นที่ไปลุยศึกแอฟริกัน เนชันส์ คัพ หลายรายแต่ แฮร์รี เรดแนปป์ ก็ประเดิมส่ง มิลาน บารอส ที่ไปยืมจาก โอลิมปิก ลียง ลงล่าตาข่ายร่วมกับ เบนจานี เอ็มวารูวารี ดาวซัลโวของสโมสร
เริ่มเกมการแข่งขัน แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายครองเกมบุกทันทีและผ่านไปแค่ 10 นาทีแฟนๆ ในโอลด์ แทรฟฟอร์ด ก็ได้เฮลั่นเห็นทีมรักนำเร็ว 1-0 จากการตัดบอลได้ในแดนกลาง พอล สโคลส์ หยอดให้ คริสเตียโน โรนัลโด เล่นชิ่งกับ หลุยส์ นานี ก่อนที่ “หนูโด้” จะหลุดเข้าไปยิงที่เสาแรกผ่านตัว เดวิด เจมส์ เข้าไป และอีกแค่สามนาทีถัดมา “ผีแดง” ก็ทิ้งห่างเป็น 2-0 เมื่อได้ฟรีคิกระยะประมาณ 25 หลา โรนัลโด จิ้มด้วยขวาเต็มหัวเกือกบอลพุ่งข้ามกำแพงมุดเข้ามุมตาข่ายอย่างสวยงาม
พอได้สองประตูติดๆ กัน แมนฯ ยูไนเต็ด เล่นกันได้อย่างมั่นใจผ่าน 20 นาทีแรกเกือบทิ้งห่างไปอีก เมื่อ โรนัลโด แปะบอลให้ เวย์น รูนีย์ สะบัดเกือกจากนอกกรอบแต่ เจมส์ ยืนตำแหน่งดีคว้าบอลไว้ได้ อีกสามนาทีถัดมา “หนูโด้” ได้ส่องฟรีคิกอีกครั้งร้อนถึงนายทวารทีมเยือนต้องปัดพ้นอันตรายออกไป และจากลูกเตะมุม เวส บราวน์ เติมขึ้นมาวอลเลย์อัดบอลข้ามคานไปแบบได้ลุ้น เกมตกเป็นของเจ้าบ้านอย่างสิ้นเชิง ปาทริซ เอวรา เติมขึ้นมายิงไกล เจมส์ ต้องเซฟอีกครั้ง
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ปอร์ทสมัธ พยายามดันเกมขึ้นสู้บ้างแต่ แมนฯ ยูไนเต็ด สามารถตั้งรับได้อย่างเหนียวแน่น ทีมเยือนมาได้ฟรีคิกบ้างแต่ นิโก ครันจ์ชาร์ อัดไปแฉลบกำแพง และเจ้าถิ่นก็ใช้จังหวะสวนกลับเกือบได้ประตูปิดท้ายครึ่งแต่ลูกยิงของ นานี หลุดกรอบออกไปนิดเดียว อย่างไรก็ตามจบ 45 นาทีแรก “ผีแดง” ถือความได้เปรียบอยู่พอสมควร
เปิดฉากครึ่งหลัง แฮร์รี เรดแนปป์ แก้เกมให้ “ปอมปีย์” ทันทีด้วยการส่ง เฮอร์มัน ไฮดาร์สสัน และ อาร์โนลด์ เอ็มวูเอ็มบา ลงมาเล่นแทน ซิลแว็ง ดิสแต็ง และ โลแรน เอตาเม ซึ่งทีมเยือนเดินเกมได้ดีขึ้นกว่าครึ่งแรกได้ลุ้นจากการยิงไกลของ ลาสซานา ดิยาร์รา แต่ไม่เป็นปัญหาสำหรับ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ในจังหวะต่อเนื่องนายด่านทีมชาติฮอลแลนด์สาดบอลยาวไปหน้าประตู ปอร์ทสมัธ โซล แคมป์เบลล์ โหม่งคืนหลังเบาทำให้ รูนีย์ ได้กระดกกำลังจะเข้าประตูแต่ เจมส์ ยังไวไปคว้าไว้ได้หวุดหวิด
เกมถึงหนึ่งชั่วโมงพอดี เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันทำการถอด พอล สโคลส์ ที่เพิ่งหายเจ็บกลับมาไม่นานออกมาพักและก็ส่ง อันแดร์สัน มาปั้นเกมแดนกลางแทน สี่นาทีถัดมา แมนฯ ยูไนเต็ด เกือบทิ้งห่างเมื่อ รูนีย์ ไล่บี้แย่งบอลมาจาก แคมป์เบลล์ ก่อนตวัดต่อให้ โรนัลโด ยิงบอลหลุดกรอบไปอย่างน่าเสียดาย นาทีที่ 73 “ผีแดง” น่าจะฝังผู้มาเยือนได้อีกครั้งจากจังหวะสวนกลับ โรนัลโด จ่ายให้ รูนีย์ แตะต่อให้ นานี ได้ยิงแต่โดน เจมส์ เซฟเอาไว้อีก
ท้ายเกม แมนฯ ยูไนเต็ด จัดการถอด รูนีย์ ออกมาพัก และก็ให้ คาร์ลอส เตเบซ ลงมายืดเส้นยืดสาย นาทีที่ 89 เจ้าบ้านเกือบทิ้งท้าย เตเบซ ซัดเต็มๆ เจมส์ ปัดมาเข้าทาง อันแดร์สัน ใช้ความสามารถเฉพาะตัวเลาะเข้าไปยิงบอลถางเสา แต่ครบ 90 นาที “ผีแดง” รักษาสกอร์คว้าชัยสบายเกือกทวงเก้าอี้จ่าฝูงคืนมาจาก อาร์เซนอล โดยมี 57 คะแนนเท่ากันจากการลงสนาม 24 นัดแต่ “ปืนใหญ่” มีประตูได้-เสียเป็นรองจึงหล่นมาอยู่อันดับ 2
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
แมนฯ ยูไนเต็ด : เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ , เวส บราวน์ , เนมันยา วิดิช , ริโอ เฟอร์ดินานด์ , ปาทริซ เอวรา , ปาร์ค จี ซอง , ไมเคิล คาร์ริค , พอล สโคลส์ , หลุยส์ นานี , คริสเตียโน โรนัลโด , เวย์น รูนีย์
ปอร์ทสมัธ : เดวิด เจมส์ , เกล็น จอห์นสัน , โซล แคมป์เบลล์ , ซิลแว็ง ดิสแต็ง , โนเอ ปามาโรต์ , โลแรน เอตาเม , ฌอน เดวิส , ลาสซานา ดิยาร์รา , นิโก ครันจ์ชาร์ , มิลาน บารอส , เบนจานี เอ็มวารูวารี
ผลฟุตบอล พรีเมียร์ชิป คู่อื่นๆ ประจำคืนวันพุธ
เชลซี 1-0 เรดดิง
[1-0 : มิชาเอล บัลลัค (น.32)]
ดาร์บี เคาน์ตี 1-1 แมนเชสเตอร์ ซิตี
[1-0 : ซุน จี ไห่ (ทำเข้าประตูตัวเอง น.46) , 1-1 : ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ (น.63)]
เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 1-0 ลิเวอร์พูล
[1-0 : มาร์ค โนเบิล (จุดโทษ น.90)]
เอฟเวอร์ตัน 0-0 ท็อตแนม ฮอตสเปอร์