ศึกลูกหนังเอฟเอ คัพ ยังคงเป็นรายการที่อยู่เหนือความคาดหมายต่อไป เมื่อ ปอร์ทสมัธ บุกมาโค่น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่บุกหนักทั้งเกมถึงถิ่น 1-0 โดย โทมัส คุสแซ็ค นายด่านตัวสำรองทำเสียจุดโทษจนโดนไล่ออก ก่อนที่ ซุลลีย์ อาลี มุนตารี่ จะสังหารนำชัยให้ปอมปีย์
ฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศ วันเสาร์ที่ 8 มีนาคม 2551
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0 – 1 ปอร์ทสมัธ
คู่เอกของบอลถ้วยอันศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองผู้ดี ประจรอบ 8 ทีมสุดท้าย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด รับการมาเยือนของ ปอร์ทสมัธ ทีมร่วมศึกพรีเมียร์ชิป นัดนี้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ปรับหมากในแดนกลางโดยให้ พอล สโคลส์ กับ โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ คุมเกมร่วมกันโดยมี คริสเตียโน่ โรนัลโด้, นานี่, คาร์ลอส เตเบซ และ เวย์น รูนีย์ เป็นแนวรุกอันตราย
ด้าน แฮร์รี่ เร้ดแนปป์ จัดทัพทีมเยือนแบบรัดกุมด้วยการอัดมิดฟิลด์ลงไป 5 คน ลาสซาน่า ดิยาร์ร่า คอยตัดเกมร่วมกับ ปาปา บูบา ดิย็อป ส่วน นิโก้ ครันชาร์ กับ ซุลลีย์ อาลี มุนตารี่ คอยเดินเกมรุกสนับสนุนหัวหอกตัวเป้าอย่าง เอ็นวานโก้ คานู
เปิดฉากมาได้ 5 นาที เจ้าถิ่นมีโอกาสได้ลุ้นก่อนจากจังหวะที่ โรนัลโด้ ลากเลื้อยขึ้นไปถึงเส้นหลังด้านขวาก่อนถูก ซุลลีย์ อาลี มุนตารี่ กระแทกล้มลงเป็นลูกฟรีคิก นานี่ เปิดไปที่เสาแรกให้ สโคลส์ สอดเข้ามาโหม่ง แต่ถูก คานู เบียดไว้ลูกจึงออกหลังไป
ปอมปีย์ที่โดนปิศาจแดงขึงเกมรุกมีโอกาสลุ้นทำประตูบ้างในนาทีที่ 16 โดย นิโก้ ครันชาร์ ครองบอลก่อนแตะเข้าขวาหาช่องส่องไกล บอลส่ายไปมาแม้จะตรงตัว เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ แต่ก็กระฉอกออกมา ทว่าไม่มีผู้เล่นตามเข้าซ้ำ นายทวารชาวดัตช์จึงตามเก็บจังหวะสองได้
3 นาทีต่อมา เจ้าบ้านน่าจะได้ประตูขึ้นนำเป็นอย่างยิ่ง เมื่อ เตเบซ ได้บอลแถวกลางสนามก่อนลากกินแดนขึ้นมาแล้วจ่ายให้ รูนีย์ หลุดเข้าไปล็อกหลบ เดวิด เจมส์ ในเขตโทษได้แล้ว แต่ถูก โซล แคมป์เบลล์ ตามมาจิ้มบอลได้ก่อน ลูกหลุดมาเข้าทาง เตเบซ ยิงผ่านมือ เจมส์ ที่พยายามพุ่งมาขวางได้แล้ว ทว่า เกล็น จอห์นสัน ยังตามาโหม่งเคลียร์บนเส้นออกไปได้อย่างหวุดหวิด
เข้าสู่นาทีที่ 32 แมนฯ ยูไนเต็ด สร้างความหวาดเสียวได้อีกครั้งจากจังหวะที่ เตเบซ ได้บอลแถวกรอบเขตโทษด้านซ้ายก่อนลากหนี จอห์นสัน ตัดเข้ามาหน้าเขตโทษแล้วสบโอกาสสับไกหักข้อ แต่ เจมส์ ยังล้มตัวเซฟแล้วตามมาคว้าต่อได้ จากนั้น 4 นาที ปอร์ทสมัธ ก็ลองหาทางซัดบ้างจากลูกยิงไกลของ ปาปา บูบา ดิย็อป ทว่าลูกบดเรียดหลุดกรอบออกหลังไป ก่อนจะจบครึ่งแรกด้วยการเสมอกันอยู่ที่ 0-0
กลับมาเล่นกันต่อในครึ่งหลัง ปิศาจแดงยังคงเป็นฝ่ายต่อบอลเข้าทำเกมรุกได้เหนือกว่า นาทีที่ 52 นานี่ ซึ่งเปลี่ยนแกนไปเล่นทางขวาสลับกับ โรนัลโด้ ทำชิ่งกับ รูนีย์ ก่อนซัดจากนอกกรอบเขตโทษ บอลพุ่งไปตรงตัว เจมส์ จากนั้น นาทีที่ 58 โอกาสใกล้เคียงของเจ้าถิ่นก็เกิดขึ้นอีกครั้งจากลูกเตะมุมที่ นานี่ เปิดเข้ามาให้ เนมานยา วิดิช โหม่งไปติด เตเบซ ก่อนที่จะชุลมุนกันพักหนึ่งแล้วสุดท้าย โรนัลโด้ ได้ยิงแถวเส้นเขตโทษ เจมส์ พุ่งไปไม่ถึงแล้ว ทว่าลูกเบียดเสาออกไปแค่คืบเท่านั้น
นาทีที่ 70 แมนฯ ยูไนเต็ด น่าจะได้ประตูเป็นที่สุด เมื่อ ไมเคิล คาร์ริค กองกลางสำรองเล่นชิ่งหนึ่ง-สองกับ โรนัลโด้ ที่ตอกส้นเข้าไปให้หลุดเดี่ยวไปแตะหลบ เจมส์ จนเหลือแต่ประตูโล่งๆ แล้ว แต่บอลสะดุดหน้าประตูเล็กน้อย ทำให้ คาร์ริค เสียจังหวะยิง ก่อนที่ ซิลแว็ง ดิสแต็ง จะตามมาขวางบนเส้นประตูแล้ว เจมส์ ตามมาตะครุบไว้ได้ จากนั้น ปาทริซ เอฟร่า ได้กระทุ้งหน้าเขตโทษแบบเน้นๆ แต่ เจมส์ ก็ยังปัดไปชนเสาช่วยให้ทีมเยือนรอดพ้นจากการเสียประตูอย่างหวุดหวิด
กระทั่งนาทีที่ 76 ก็เกิดจุดเปลี่ยนของเกมขึ้นโดย เจมส์ เปิดเกมเร็วขึ้นมาในจังหวะที่เจ้าถิ่นกำลังบุกแล้วถอยลงมาตั้งรับไม่ทัน มิลาน บารอส กองหน้าตัวสำรองเบียด อันแดร์สัน ได้แล้วฝากบอลให้ ครันชาร์ จ่ายคืนกลับมาให้ บารอส หลุดเข้าไปถูก โทมัส คุสแซ็ค นายทวารที่ลงมาแทน ฟาน เดอร์ ซาร์ในครึ่งหลังรวบล้มลงในเขตโทษ ผู้ตัดสิน มาร์ติน แอตกินสัน จึงเป่าให้เป็นจุดโทษพร้อมควักใบแดงไล่ คุสแซ็ค ออกจากสนาม ทำให้ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ต้องมาเฝ้าเสาแทน ก่อนที่ มุนตารี่ จะกดเสียบมุมขวาล่างผ่านมือ เฟอร์ดินานด์ เข้าไปอย่างเด็ดขาด ปอร์ทสมัธ พลิกสถานการณ์ขึ้นนำ 1-0
ช่วงเวลาที่เหลือเจ้าถิ่นโหมบุกอย่างหนัก แต่ปอมปีย์ก็ยังต้านทานเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ครบ 90 นาที ปอร์ทสมัธ เป็นฝ่ายพลิกล็อกบุกมาเอาชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ถึงถิ่น 1-0 ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ ส่วนปิศาจแดงกระเด็นตกรอบไปแบบเจ็บปวด
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด – เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์, เวส บราวน์, ริโอ เฟอร์ดินานด์, เนมานยา วิดิช, ปาทริซ เอฟรา, คริสเตียโน่ โรนัลโด้, พอล สโคลส์, โอเว่น ฮาร์กรีฟส์, นานี่, เวย์น รูนีย์, คาร์ลอส เตเบซ
ปอร์ทสมัธ – เดวิด เจมส์, เกล็น จอห์นสัน, โซล แคมป์เบลล์, ซิลแว็ง ดิสแต็ง, เฮอร์มัน ไฮรดาร์สสัน, จอห์น อูตาก้า, ลาสซาน่า ดิยาร์ร่า, ปาปา บูบา ดิย็อป, นิโก้ ครันชาร์, ซุลลีย์ อาลี มุนตารี่, เอ็นวานโก้ คานู
ฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศ วันเสาร์ที่ 8 มีนาคม 2551
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0 – 1 ปอร์ทสมัธ
คู่เอกของบอลถ้วยอันศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองผู้ดี ประจรอบ 8 ทีมสุดท้าย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด รับการมาเยือนของ ปอร์ทสมัธ ทีมร่วมศึกพรีเมียร์ชิป นัดนี้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ปรับหมากในแดนกลางโดยให้ พอล สโคลส์ กับ โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ คุมเกมร่วมกันโดยมี คริสเตียโน่ โรนัลโด้, นานี่, คาร์ลอส เตเบซ และ เวย์น รูนีย์ เป็นแนวรุกอันตราย
ด้าน แฮร์รี่ เร้ดแนปป์ จัดทัพทีมเยือนแบบรัดกุมด้วยการอัดมิดฟิลด์ลงไป 5 คน ลาสซาน่า ดิยาร์ร่า คอยตัดเกมร่วมกับ ปาปา บูบา ดิย็อป ส่วน นิโก้ ครันชาร์ กับ ซุลลีย์ อาลี มุนตารี่ คอยเดินเกมรุกสนับสนุนหัวหอกตัวเป้าอย่าง เอ็นวานโก้ คานู
เปิดฉากมาได้ 5 นาที เจ้าถิ่นมีโอกาสได้ลุ้นก่อนจากจังหวะที่ โรนัลโด้ ลากเลื้อยขึ้นไปถึงเส้นหลังด้านขวาก่อนถูก ซุลลีย์ อาลี มุนตารี่ กระแทกล้มลงเป็นลูกฟรีคิก นานี่ เปิดไปที่เสาแรกให้ สโคลส์ สอดเข้ามาโหม่ง แต่ถูก คานู เบียดไว้ลูกจึงออกหลังไป
ปอมปีย์ที่โดนปิศาจแดงขึงเกมรุกมีโอกาสลุ้นทำประตูบ้างในนาทีที่ 16 โดย นิโก้ ครันชาร์ ครองบอลก่อนแตะเข้าขวาหาช่องส่องไกล บอลส่ายไปมาแม้จะตรงตัว เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ แต่ก็กระฉอกออกมา ทว่าไม่มีผู้เล่นตามเข้าซ้ำ นายทวารชาวดัตช์จึงตามเก็บจังหวะสองได้
3 นาทีต่อมา เจ้าบ้านน่าจะได้ประตูขึ้นนำเป็นอย่างยิ่ง เมื่อ เตเบซ ได้บอลแถวกลางสนามก่อนลากกินแดนขึ้นมาแล้วจ่ายให้ รูนีย์ หลุดเข้าไปล็อกหลบ เดวิด เจมส์ ในเขตโทษได้แล้ว แต่ถูก โซล แคมป์เบลล์ ตามมาจิ้มบอลได้ก่อน ลูกหลุดมาเข้าทาง เตเบซ ยิงผ่านมือ เจมส์ ที่พยายามพุ่งมาขวางได้แล้ว ทว่า เกล็น จอห์นสัน ยังตามาโหม่งเคลียร์บนเส้นออกไปได้อย่างหวุดหวิด
เข้าสู่นาทีที่ 32 แมนฯ ยูไนเต็ด สร้างความหวาดเสียวได้อีกครั้งจากจังหวะที่ เตเบซ ได้บอลแถวกรอบเขตโทษด้านซ้ายก่อนลากหนี จอห์นสัน ตัดเข้ามาหน้าเขตโทษแล้วสบโอกาสสับไกหักข้อ แต่ เจมส์ ยังล้มตัวเซฟแล้วตามมาคว้าต่อได้ จากนั้น 4 นาที ปอร์ทสมัธ ก็ลองหาทางซัดบ้างจากลูกยิงไกลของ ปาปา บูบา ดิย็อป ทว่าลูกบดเรียดหลุดกรอบออกหลังไป ก่อนจะจบครึ่งแรกด้วยการเสมอกันอยู่ที่ 0-0
กลับมาเล่นกันต่อในครึ่งหลัง ปิศาจแดงยังคงเป็นฝ่ายต่อบอลเข้าทำเกมรุกได้เหนือกว่า นาทีที่ 52 นานี่ ซึ่งเปลี่ยนแกนไปเล่นทางขวาสลับกับ โรนัลโด้ ทำชิ่งกับ รูนีย์ ก่อนซัดจากนอกกรอบเขตโทษ บอลพุ่งไปตรงตัว เจมส์ จากนั้น นาทีที่ 58 โอกาสใกล้เคียงของเจ้าถิ่นก็เกิดขึ้นอีกครั้งจากลูกเตะมุมที่ นานี่ เปิดเข้ามาให้ เนมานยา วิดิช โหม่งไปติด เตเบซ ก่อนที่จะชุลมุนกันพักหนึ่งแล้วสุดท้าย โรนัลโด้ ได้ยิงแถวเส้นเขตโทษ เจมส์ พุ่งไปไม่ถึงแล้ว ทว่าลูกเบียดเสาออกไปแค่คืบเท่านั้น
นาทีที่ 70 แมนฯ ยูไนเต็ด น่าจะได้ประตูเป็นที่สุด เมื่อ ไมเคิล คาร์ริค กองกลางสำรองเล่นชิ่งหนึ่ง-สองกับ โรนัลโด้ ที่ตอกส้นเข้าไปให้หลุดเดี่ยวไปแตะหลบ เจมส์ จนเหลือแต่ประตูโล่งๆ แล้ว แต่บอลสะดุดหน้าประตูเล็กน้อย ทำให้ คาร์ริค เสียจังหวะยิง ก่อนที่ ซิลแว็ง ดิสแต็ง จะตามมาขวางบนเส้นประตูแล้ว เจมส์ ตามมาตะครุบไว้ได้ จากนั้น ปาทริซ เอฟร่า ได้กระทุ้งหน้าเขตโทษแบบเน้นๆ แต่ เจมส์ ก็ยังปัดไปชนเสาช่วยให้ทีมเยือนรอดพ้นจากการเสียประตูอย่างหวุดหวิด
กระทั่งนาทีที่ 76 ก็เกิดจุดเปลี่ยนของเกมขึ้นโดย เจมส์ เปิดเกมเร็วขึ้นมาในจังหวะที่เจ้าถิ่นกำลังบุกแล้วถอยลงมาตั้งรับไม่ทัน มิลาน บารอส กองหน้าตัวสำรองเบียด อันแดร์สัน ได้แล้วฝากบอลให้ ครันชาร์ จ่ายคืนกลับมาให้ บารอส หลุดเข้าไปถูก โทมัส คุสแซ็ค นายทวารที่ลงมาแทน ฟาน เดอร์ ซาร์ในครึ่งหลังรวบล้มลงในเขตโทษ ผู้ตัดสิน มาร์ติน แอตกินสัน จึงเป่าให้เป็นจุดโทษพร้อมควักใบแดงไล่ คุสแซ็ค ออกจากสนาม ทำให้ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ต้องมาเฝ้าเสาแทน ก่อนที่ มุนตารี่ จะกดเสียบมุมขวาล่างผ่านมือ เฟอร์ดินานด์ เข้าไปอย่างเด็ดขาด ปอร์ทสมัธ พลิกสถานการณ์ขึ้นนำ 1-0
ช่วงเวลาที่เหลือเจ้าถิ่นโหมบุกอย่างหนัก แต่ปอมปีย์ก็ยังต้านทานเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ครบ 90 นาที ปอร์ทสมัธ เป็นฝ่ายพลิกล็อกบุกมาเอาชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ถึงถิ่น 1-0 ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ ส่วนปิศาจแดงกระเด็นตกรอบไปแบบเจ็บปวด
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด – เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์, เวส บราวน์, ริโอ เฟอร์ดินานด์, เนมานยา วิดิช, ปาทริซ เอฟรา, คริสเตียโน่ โรนัลโด้, พอล สโคลส์, โอเว่น ฮาร์กรีฟส์, นานี่, เวย์น รูนีย์, คาร์ลอส เตเบซ
ปอร์ทสมัธ – เดวิด เจมส์, เกล็น จอห์นสัน, โซล แคมป์เบลล์, ซิลแว็ง ดิสแต็ง, เฮอร์มัน ไฮรดาร์สสัน, จอห์น อูตาก้า, ลาสซาน่า ดิยาร์ร่า, ปาปา บูบา ดิย็อป, นิโก้ ครันชาร์, ซุลลีย์ อาลี มุนตารี่, เอ็นวานโก้ คานู
