แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ชิปสมัยที่ 10 ไปครอง หลังบุกไปเอาชนะ วีแกน แอธเลติก 2-0 โดย ไรอัน กิ๊กส์ ฉลองทำสถิติลงเล่นสูงสุดเทียบเท่า เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ตัน ด้วยการยิงปิดกล่องได้ด้วย ขณะที่ เชลซี พลาดท่าถูก โบลตัน วันเดอเรอร์ส ยิงในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เสมอ 1-1 ส่วน ฟูแล่ม บุกไปเฉือน ปอร์ทสมัธ 1-0 รอดตกชั้นอย่างหวุดหวิด
ฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ วันอาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคม 2551
วีแกน แอธเลติก 0 – 2 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ศึกตัดสินแชมป์ประจำฤดูกาล 2007/2008 วีแกน แอธเลติก เปิดสนามเจเจบี สเตเดี้ยม ต้อนรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นัดนี้เจ้าบ้านส่งผู้เล่นชุดฟูลทีมลงสนามนำโดย อันโตนิโอ วาเลนเซีย, วิลสัน ปาลาซิออส, มาร์คัส เบนท์ และ เอมิล เฮสกี เช่นเดียวกับทีมเยือนที่ได้ เนมานยา วิดิช กับ เวย์น รูนีย์ หายเจ็บกลับมาลงสนามได้ ส่วน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ คาร์ลอส เตเบซ ยังคงเป็นอาวุธเด็ดในแนวรุก
เปิดฉากมาได้แค่ 2 นาที เดอะ ลาติกส์ ก็มีโอกาสทักทายก่อน เมื่อ เอมเมอร์สัน บอยซ์ เปิดบอลจากด้านขวาถูก ริโอ เฟอร์ดินานด์ โหม่งสกัดออกมาเข้าทาง ไมเคิล บราวน์ จัดการยิงสวนจากนอกกรอบเขตโทษ แต่บอลเบาไปเข้าซอง เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ จากนั้น 4 นาที เจสัน คูมาส พาบอลสวนกลับขึ้นมายิงหน้าเขตโทษ แต่ลูกบดออกหลังไป
โอกาสครั้งแรกของปิศาจแดงเกิดขึ้นในนาทีที่ 8 โดย โรนัลโด้ กระชากบอลจากกราบขวาตัดเข้าในก่อนสับไกด้วยซ้าย ทว่าไม่ได้ทิศทางหลุดออกไปทางเสาแรกค่อนข้างไกล ก่อนที่ วีแกน จะหาทางลุ้นทำประตูอีกครั้งใน 3 นาทีต่อมา ทว่า ลูกยิงของ คูมาส โด่งข้ามคานไปไกล
แมนฯ ยูฯ เริ่มตั้งเกมได้ นาทีที่ 16 เฟอร์ดินานด์ โฉบเข้ามาโขกลูกเตะมุมของ ไมเคิล คาร์ริค ที่เสาแรกไม่ตรงกรอบ ถัดมา 2 นาที พอล สโคลส์ เก็บบอลแถวสองล็อกหลบ วาเลนเซีย แล้วซัดด้วยซ้ายบอลแหวกผู้เล่นทั้งสองทีมออกหลัง กระทั่งนาทีที่ 20 เจ้าถิ่นเกือบได้ประตูขึ้นนำจากลูกทุ่มไกลด้านซ้าย เบนท์ โหม่งเสยจนเกือบย้อยเสียบใต้คาน แต่ ฟาน เดอร์ ซาร์ ไม่ประมาทกระโดดปัดทิ้งออกหลังไป
เกมยังแลกกันคนละหมัด นาทีที่ 26 โรนัลโด้ ลองกดฟรีคิกระยะประมาณ 35 หลา บอลพุ่งแหวกกำแพงกระดอนพื้นหนึ่งที แต่ คริส เคิร์กแลนด์ ยังล้มตัวปัดออกไปได้ จากนั้น เมย์เนอร์ ฟิเกรัว เติมขึ้นมาจากแดนหลังลองตะบันแถวริมเส้นด้านซ้าย แต่ก็ไม่ได้ลุ้น
นาทีที่ 32 จุดเปลี่ยนของเกมก็มาถึงเมื่อ เอมเมอร์สัน บอยซ์ สไลด์เกี่ยว รูนีย์ ล้มลงในเขตโทษ ผู้ตัดสิน สตีฟ เบนเน็ตต์ ชี้ไปที่จุดโทษ และ โรนัลโด้ สังหารเข้าไปไม่พลาดช่วยให้ปิศาจแดงถือไพ่เหนือกว่าด้วยการนำ 1-0 ขณะที่ เชลซี ยังคงเสมอ โบลตัน วันเดอเรอร์ส อยู่ 0-0 พอเสียประตู วีแกน ก็เกือบได้คืนในนาทีที่ 37 วาเลนเซีย เปิดบอลจากฝั่งขวาเลยมาถึง เบนท์ วอลเลย์ที่เสาไกลส่งลูกเข้าข้างตาข่ายชนิดน่าเสียวไส้ จบครึ่งแรกเจ้าถิ่นนำ 1-0
กลับมาเล่นต่อในครึ่งหลัง โรนัลโด้ เกือบบวกเพิ่มให้ทีมเยือนได้ถึง 2 ครั้ง หนแรกจากการยิงฟรีคิกระยะ 30 หลา ถูก เคิร์กแลนด์ ปัดข้ามคานในนาทีที่ 48 ก่อนที่จะโหม่งลูกเตะมุมทางด้านซ้ายเฉี่ยวเสาแรกเพียงนิดเดียวใน 6 นาทีให้หลัง จากนั้น เวย์น รูนีย์ เลี้ยงจี้เข้าหา ไตตัส บรัมเบิล ก่อนโยกหาช่องซัดบอลทำท่าจะเสียบเสาแรก แต่ เคิร์กแลนด์ ยังไวล้มตัวปัดออกหลังได้อย่างหวุดหวิด
สถานการณ์เริ่มเข้มข้นเข้ามาเมื่อ เชลซี สามารถยิงประตูขึ้นนำ 1-0 ได้ในนาทีที่ 62 จาก อังเดร เชฟเชนโก้ หัวหอกที่ลงมาเป็นตัวสำรองในครึ่งหลัง ขณะที่ แมนฯ ยูฯ เกือบถูกตีเสมอในนาทีที่ 69 โดย เจสัน คูมาส เปิดฟรีคิกเข้ามาในเขตโทษ เอมิล เฮสกี เทกตัวขึ้นโหม่งหนีมือ ฟาน เดอร์ ซาร์ ไปแล้ว แต่ลูกไปตกหลังคาชนิดใจหายใจคว่ำ
ช่วง 10 นาทีสุดท้าย กองเชียร์ปิศาจแดงได้เฮลั่นสนามเจเจบี สเตดี้ยม เมื่อยิงประตูหนีเป็น 2-0 ได้สำเร็จโดย รูนีย์ จ่ายทะลุช่องให้ ไรอัน กิ๊กส์ ตัวสำรองที่ลงมาแทน ปาร์ค จี-ซุง ฉลองทาบสถิติลงสนามให้ทีมมากที่สุดของ เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน 758 นัด ด้วยการกดผ่านมือ เคิร์กแลนด์ ตุงตาข่าย ช่วงเวลาที่เหลือ แมนฯ ยูฯ ต้านทานเกมรุกของ วีแกน ไว้ได้ก่อนชนะไปในที่สุด 2-0 ส่วน เชลซี ถูก โบลตัน ตีเสมอ 1-1 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บจาก แม็ทธิว เทย์เลอร์ ส่งผลให้คว้าแชมป์พรีเมียร์ชิปไปครองด้วย 87 คะแนนมากกว่าสิงห์บลูส์ 2 คะแนน
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
วีแกน แอธเลติก – คริส เคิร์กแลนด์, เอมเมอร์สัน บอยซ์, ไตตัส บรัมเบิล, พอล ชาร์เนอร์, เมย์เนอร์ ฟิเกรัว, อันโตนิโอ วาเลนเซีย, วิลสัน ปาลาซิออส, ไมเคิล บราวน์, เจสัน คูมาส, มาร์คัส เบนท์, เอมิล เฮสกี
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด – เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์, เวส บราวน์, ริโอ เฟอร์ดินานด์, เนมานยา วิดิช, ปาทริซ เอฟร่า, คริสเตียโน่ โรนัลโด้, ไมเคิล คาร์ริค, พอล สโคลส์, ปาร์ค จี-ซุง, คาร์ลอส เตเบซ, เวย์น รูนีย์
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ
เบอร์มิงแฮม ซิตี้ ชนะ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 4-1 (เดวิด เมอร์ฟี่ 1-0 นาที 31), (มอร์เตน กัมสท์ พีเดอร์เซ่น 1-1 นาที 49), (คาเมรอน เจอโรม 2-1 นาที 73), (คาเมรอน เจอโรม 3-1 นาที 89), (ฟาบริซ มูอัมบ้า 4-1 นาที 90)
เชลซี เสมอ โบลตัน วันเดอเรอร์ส 1-1 (อังเดร เชฟเชนโก้ 1-0 นาที 62), (แม็ทธิว เทย์เลอร์ 1-1 นาที 90)
ดาร์บี้ เคาน์ตี้ แพ้ เรดดิ้ง 0-4 (เจมส์ ฮาร์เปอร์ 0-1 นาที 15), (เดฟ คิตสัน 0-2 นาที 61), (เควิน ดอยล์ 0-3 นาที 69), (ลีรอย ลิต้า 0-4 นาที 90)
เอฟเวอร์ตัน ชนะ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 3-1 (ยาคูบู อเย็กเบนี่ 1-0 นาที 28), (ไมเคิล โอเว่น 1-1 จุดโทษ นาที 47), (โจลีออน เลสคอตต์ 2-1 นาที 70), (ยาคูบู อเย็กเบนี่ 3-1 จุดโทษ นาที 82)
มิดเดิลสโบรช์ ชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 8-1 (สจ๊วร์ต ดาวนิง 1-0 จุดโทษ นาที 16), (อฟอนโซ่ อัลเวส 2-0 นาที 37), (สจ๊วร์ต ดาวนิง 3-0 นาที 58), (อฟอนโซ่ อัลเวส 4-0 นาที 60), (อดัม จอห์นสัน 5-0 นาที 70), (ฟาบิโอ โรเชมบัค 6-0 นาที 80), (เฌเรมี่ อาลิยาดิแยร์ 7-0 นาที 85), (เอลาโน่ บลูแมร์ 7-1 นาที 87), (อฟอนโซ่ อัลเวส 8-1 นาที 90)
ปอร์ทสมัธ แพ้ ฟูแล่ม 0-1 (แดนนี่ เมอร์ฟี่ 0-1 นาที 76)
ซันเดอร์แลนด์ แพ้ อาร์เซนอล 0-1 (ธีโอ วัลคอตต์ 0-1 นาที 24)
ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ แพ้ ลิเวอร์พูล 0-2 (อังเดร โวโรนิน 0-1 นาที 69), (เฟอร์นานโด ตอร์เรส 0-2 นาที 74)
เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เสมอ แอสตัน วิลล่า 2-2 (โนลเบอร์โต้ โซลาโน่ 1-0 นาที 8), (แอชลีย์ ยัง 1-1 นาที 14), (แกเร็ธ แบร์รี่ 1-2 นาที 58), (ดีน แอชตัน 2-2 นาที 88)
วีแกน แอธเลติก แพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-2 (คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 0-1 จุดโทษ นาที 33), (ไรอัน กิ๊กส์ 0-2 นาที 80)
สรุปสถานการณ์หลังจบพรีเมียร์ชิป 2007/2008
แชมป์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ได้ไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เชลซี, อาร์เซนอล, ลิเวอร์พูล
ได้ไปเล่น ยูฟ่า คัพ เอฟเวอร์ตัน, ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ (จากแชมป์คาร์ลิง คัพ)
ตกชั้น ดาร์บี้ เคาน์ตี้, เบอร์มิงแฮม ซิตี้, เรดดิ้ง
ฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ วันอาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคม 2551
วีแกน แอธเลติก 0 – 2 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ศึกตัดสินแชมป์ประจำฤดูกาล 2007/2008 วีแกน แอธเลติก เปิดสนามเจเจบี สเตเดี้ยม ต้อนรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นัดนี้เจ้าบ้านส่งผู้เล่นชุดฟูลทีมลงสนามนำโดย อันโตนิโอ วาเลนเซีย, วิลสัน ปาลาซิออส, มาร์คัส เบนท์ และ เอมิล เฮสกี เช่นเดียวกับทีมเยือนที่ได้ เนมานยา วิดิช กับ เวย์น รูนีย์ หายเจ็บกลับมาลงสนามได้ ส่วน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ คาร์ลอส เตเบซ ยังคงเป็นอาวุธเด็ดในแนวรุก
เปิดฉากมาได้แค่ 2 นาที เดอะ ลาติกส์ ก็มีโอกาสทักทายก่อน เมื่อ เอมเมอร์สัน บอยซ์ เปิดบอลจากด้านขวาถูก ริโอ เฟอร์ดินานด์ โหม่งสกัดออกมาเข้าทาง ไมเคิล บราวน์ จัดการยิงสวนจากนอกกรอบเขตโทษ แต่บอลเบาไปเข้าซอง เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ จากนั้น 4 นาที เจสัน คูมาส พาบอลสวนกลับขึ้นมายิงหน้าเขตโทษ แต่ลูกบดออกหลังไป
โอกาสครั้งแรกของปิศาจแดงเกิดขึ้นในนาทีที่ 8 โดย โรนัลโด้ กระชากบอลจากกราบขวาตัดเข้าในก่อนสับไกด้วยซ้าย ทว่าไม่ได้ทิศทางหลุดออกไปทางเสาแรกค่อนข้างไกล ก่อนที่ วีแกน จะหาทางลุ้นทำประตูอีกครั้งใน 3 นาทีต่อมา ทว่า ลูกยิงของ คูมาส โด่งข้ามคานไปไกล
แมนฯ ยูฯ เริ่มตั้งเกมได้ นาทีที่ 16 เฟอร์ดินานด์ โฉบเข้ามาโขกลูกเตะมุมของ ไมเคิล คาร์ริค ที่เสาแรกไม่ตรงกรอบ ถัดมา 2 นาที พอล สโคลส์ เก็บบอลแถวสองล็อกหลบ วาเลนเซีย แล้วซัดด้วยซ้ายบอลแหวกผู้เล่นทั้งสองทีมออกหลัง กระทั่งนาทีที่ 20 เจ้าถิ่นเกือบได้ประตูขึ้นนำจากลูกทุ่มไกลด้านซ้าย เบนท์ โหม่งเสยจนเกือบย้อยเสียบใต้คาน แต่ ฟาน เดอร์ ซาร์ ไม่ประมาทกระโดดปัดทิ้งออกหลังไป
เกมยังแลกกันคนละหมัด นาทีที่ 26 โรนัลโด้ ลองกดฟรีคิกระยะประมาณ 35 หลา บอลพุ่งแหวกกำแพงกระดอนพื้นหนึ่งที แต่ คริส เคิร์กแลนด์ ยังล้มตัวปัดออกไปได้ จากนั้น เมย์เนอร์ ฟิเกรัว เติมขึ้นมาจากแดนหลังลองตะบันแถวริมเส้นด้านซ้าย แต่ก็ไม่ได้ลุ้น
นาทีที่ 32 จุดเปลี่ยนของเกมก็มาถึงเมื่อ เอมเมอร์สัน บอยซ์ สไลด์เกี่ยว รูนีย์ ล้มลงในเขตโทษ ผู้ตัดสิน สตีฟ เบนเน็ตต์ ชี้ไปที่จุดโทษ และ โรนัลโด้ สังหารเข้าไปไม่พลาดช่วยให้ปิศาจแดงถือไพ่เหนือกว่าด้วยการนำ 1-0 ขณะที่ เชลซี ยังคงเสมอ โบลตัน วันเดอเรอร์ส อยู่ 0-0 พอเสียประตู วีแกน ก็เกือบได้คืนในนาทีที่ 37 วาเลนเซีย เปิดบอลจากฝั่งขวาเลยมาถึง เบนท์ วอลเลย์ที่เสาไกลส่งลูกเข้าข้างตาข่ายชนิดน่าเสียวไส้ จบครึ่งแรกเจ้าถิ่นนำ 1-0
กลับมาเล่นต่อในครึ่งหลัง โรนัลโด้ เกือบบวกเพิ่มให้ทีมเยือนได้ถึง 2 ครั้ง หนแรกจากการยิงฟรีคิกระยะ 30 หลา ถูก เคิร์กแลนด์ ปัดข้ามคานในนาทีที่ 48 ก่อนที่จะโหม่งลูกเตะมุมทางด้านซ้ายเฉี่ยวเสาแรกเพียงนิดเดียวใน 6 นาทีให้หลัง จากนั้น เวย์น รูนีย์ เลี้ยงจี้เข้าหา ไตตัส บรัมเบิล ก่อนโยกหาช่องซัดบอลทำท่าจะเสียบเสาแรก แต่ เคิร์กแลนด์ ยังไวล้มตัวปัดออกหลังได้อย่างหวุดหวิด
สถานการณ์เริ่มเข้มข้นเข้ามาเมื่อ เชลซี สามารถยิงประตูขึ้นนำ 1-0 ได้ในนาทีที่ 62 จาก อังเดร เชฟเชนโก้ หัวหอกที่ลงมาเป็นตัวสำรองในครึ่งหลัง ขณะที่ แมนฯ ยูฯ เกือบถูกตีเสมอในนาทีที่ 69 โดย เจสัน คูมาส เปิดฟรีคิกเข้ามาในเขตโทษ เอมิล เฮสกี เทกตัวขึ้นโหม่งหนีมือ ฟาน เดอร์ ซาร์ ไปแล้ว แต่ลูกไปตกหลังคาชนิดใจหายใจคว่ำ
ช่วง 10 นาทีสุดท้าย กองเชียร์ปิศาจแดงได้เฮลั่นสนามเจเจบี สเตดี้ยม เมื่อยิงประตูหนีเป็น 2-0 ได้สำเร็จโดย รูนีย์ จ่ายทะลุช่องให้ ไรอัน กิ๊กส์ ตัวสำรองที่ลงมาแทน ปาร์ค จี-ซุง ฉลองทาบสถิติลงสนามให้ทีมมากที่สุดของ เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน 758 นัด ด้วยการกดผ่านมือ เคิร์กแลนด์ ตุงตาข่าย ช่วงเวลาที่เหลือ แมนฯ ยูฯ ต้านทานเกมรุกของ วีแกน ไว้ได้ก่อนชนะไปในที่สุด 2-0 ส่วน เชลซี ถูก โบลตัน ตีเสมอ 1-1 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บจาก แม็ทธิว เทย์เลอร์ ส่งผลให้คว้าแชมป์พรีเมียร์ชิปไปครองด้วย 87 คะแนนมากกว่าสิงห์บลูส์ 2 คะแนน
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
วีแกน แอธเลติก – คริส เคิร์กแลนด์, เอมเมอร์สัน บอยซ์, ไตตัส บรัมเบิล, พอล ชาร์เนอร์, เมย์เนอร์ ฟิเกรัว, อันโตนิโอ วาเลนเซีย, วิลสัน ปาลาซิออส, ไมเคิล บราวน์, เจสัน คูมาส, มาร์คัส เบนท์, เอมิล เฮสกี
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด – เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์, เวส บราวน์, ริโอ เฟอร์ดินานด์, เนมานยา วิดิช, ปาทริซ เอฟร่า, คริสเตียโน่ โรนัลโด้, ไมเคิล คาร์ริค, พอล สโคลส์, ปาร์ค จี-ซุง, คาร์ลอส เตเบซ, เวย์น รูนีย์
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ
เบอร์มิงแฮม ซิตี้ ชนะ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 4-1 (เดวิด เมอร์ฟี่ 1-0 นาที 31), (มอร์เตน กัมสท์ พีเดอร์เซ่น 1-1 นาที 49), (คาเมรอน เจอโรม 2-1 นาที 73), (คาเมรอน เจอโรม 3-1 นาที 89), (ฟาบริซ มูอัมบ้า 4-1 นาที 90)
เชลซี เสมอ โบลตัน วันเดอเรอร์ส 1-1 (อังเดร เชฟเชนโก้ 1-0 นาที 62), (แม็ทธิว เทย์เลอร์ 1-1 นาที 90)
ดาร์บี้ เคาน์ตี้ แพ้ เรดดิ้ง 0-4 (เจมส์ ฮาร์เปอร์ 0-1 นาที 15), (เดฟ คิตสัน 0-2 นาที 61), (เควิน ดอยล์ 0-3 นาที 69), (ลีรอย ลิต้า 0-4 นาที 90)
เอฟเวอร์ตัน ชนะ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 3-1 (ยาคูบู อเย็กเบนี่ 1-0 นาที 28), (ไมเคิล โอเว่น 1-1 จุดโทษ นาที 47), (โจลีออน เลสคอตต์ 2-1 นาที 70), (ยาคูบู อเย็กเบนี่ 3-1 จุดโทษ นาที 82)
มิดเดิลสโบรช์ ชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 8-1 (สจ๊วร์ต ดาวนิง 1-0 จุดโทษ นาที 16), (อฟอนโซ่ อัลเวส 2-0 นาที 37), (สจ๊วร์ต ดาวนิง 3-0 นาที 58), (อฟอนโซ่ อัลเวส 4-0 นาที 60), (อดัม จอห์นสัน 5-0 นาที 70), (ฟาบิโอ โรเชมบัค 6-0 นาที 80), (เฌเรมี่ อาลิยาดิแยร์ 7-0 นาที 85), (เอลาโน่ บลูแมร์ 7-1 นาที 87), (อฟอนโซ่ อัลเวส 8-1 นาที 90)
ปอร์ทสมัธ แพ้ ฟูแล่ม 0-1 (แดนนี่ เมอร์ฟี่ 0-1 นาที 76)
ซันเดอร์แลนด์ แพ้ อาร์เซนอล 0-1 (ธีโอ วัลคอตต์ 0-1 นาที 24)
ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ แพ้ ลิเวอร์พูล 0-2 (อังเดร โวโรนิน 0-1 นาที 69), (เฟอร์นานโด ตอร์เรส 0-2 นาที 74)
เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เสมอ แอสตัน วิลล่า 2-2 (โนลเบอร์โต้ โซลาโน่ 1-0 นาที 8), (แอชลีย์ ยัง 1-1 นาที 14), (แกเร็ธ แบร์รี่ 1-2 นาที 58), (ดีน แอชตัน 2-2 นาที 88)
วีแกน แอธเลติก แพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-2 (คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 0-1 จุดโทษ นาที 33), (ไรอัน กิ๊กส์ 0-2 นาที 80)
สรุปสถานการณ์หลังจบพรีเมียร์ชิป 2007/2008
แชมป์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ได้ไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เชลซี, อาร์เซนอล, ลิเวอร์พูล
ได้ไปเล่น ยูฟ่า คัพ เอฟเวอร์ตัน, ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ (จากแชมป์คาร์ลิง คัพ)
ตกชั้น ดาร์บี้ เคาน์ตี้, เบอร์มิงแฮม ซิตี้, เรดดิ้ง