แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ ไรอัน กิ๊กส์ โหม่งทำประตูไล่ตีเสมอ กลาสโกว์ เซลติก ชนิดหืดจับ 1-1 ด้าน อาร์เซนอล ที่มีผู้เล่นเจ็บเพียบทำอะไร เฟเนร์บาห์เช ไม่ได้เสมอ 0-0 ส่วน ยูเวนตุส บุกคว้าชัยเหนือ รีล มาดริด 2-0 พร้อมผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ ในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก คืนวันพุธที่ผ่านมา
ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม นัดที่ 4 วันพุธที่ 5 พฤศจิกายน 2551
กลุ่ม อี : กลาสโกว์ เซลติก (สกอตแลนด์) 1 – 1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (อังกฤษ)
“ม้าลายเขียว-ขาว” กลาสโกว์ เซลติก เปิดสนามเซลติก ปาร์ค ต้อนรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยที่ขาดหัวหอกตัวจริงหลายราย ทำให้ ชิลเลียน เชอริแดน ดาวรุ่งของทีมลงยืนเป็นหน้าเป้า ด้านอาคันตุกะส่ง เบน ฟอสเตอร์ ลงเฝ้าเสาตามคาด เช่นเดียวกับ ราฟาเอล ดา ซิลวา ในตำแหน่งแบ็กขวา พร้อมทั้งดร็อป ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ กับ เวย์น รูนีย์ แล้วจัด ไรอัน กิ๊กส์ เป็นหน้าต่ำคอยสนับสนุน คาร์ลอส เตเบซ
เริ่มเกมมาได้ไม่ทันไร ปิศาจแดง มีโอกาสทักทายเจ้าบ้านก่อนในนาทีที่ 4 จากลูกเตะมุมทางด้านขวา ไรอัน กิ๊กส์ เปิดโค้งเข้ามา บอลชุลมุนในกรอบเขตโทษ ก่อนที่ คริสเตียโน โรนัลโด จะได้ยิงไปติดบล็อกของกองหลัง เซลติก จากนั้นนาทีที่ 10 โรนัลโด ได้กดฟรีคิกเฉี่ยวสามเหลี่ยมเสาสองไปเพียงนิดเดียว
ถัดมา 2 นาที ม้าลายเขียว-ขาว ตอบโต้บ้างจากลูกเก็บตกแถวสองของ มาร์ค วิลสัน แต่ก็ตะบันโด่งข้ามคาน ก่อนที่เจ้าถิ่นจะเรียกเสียงเฮจากแฟนๆ ได้ดังสนั่นในนาทีที่ 13 เมื่อเป็นฝ่ายออกนำ 1-0 จากจังหวะหนุนบอลที่ถูกเคลียร์จากลูกเตะมุมกลับเข้าไปในเขตโทษ ซึ่ง สกอตต์ แม็คโดนัลด์ พักอกหนึ่งทีแล้วดีดข้ามหัว ฟอสเตอร์ ย้อยเสียบใต้คานเข้าไปอย่างเหนือชั้น
แมนฯ ยูไนเต็ด เริ่มอยู่เฉยไม่ได้จึงเปิดเกมรุกกดดันมากขึ้น นาทีที่ 18 ราฟาเอล เปิดจากกราบขวามาที่เสาแรกให้ เตเบซ โฉบเข้าฮอสถูก อาร์เทอร์ โบรุค พุ่งออกมาขวางไว้ได้ และจากลูกเตะมุมต่อเนื่อง บอลเลยมาถึง ริโอ เฟอร์ดินานด์ ที่เสาไกล แต่กองหลังร่างโย่งกลับซัดโด่งหลุดกรอบออกไปอย่างน่าผิดหวัง
เซลติก หาทางคุกคามเป็นพักๆ นาทีที่ 27 พอล ฮาร์ทลีย์ ลองสับไกจากระยะ 25 หลา บอลแฉลบผู้เล่นทีมเยือนออกไปทางเสาแรก เข้าสู่ครึ่งชั่วโมงแรก ฌอน มาโลนีย์ โยกหนี ราฟาเอล จากริมเส้นด้านซ้ายเข้ามาตรงกลางแล้วตะบันหน้าเขตโทษ ลูกพุ่งเข้าซองของ ฟอสเตอร์
เรด เดวิลส์ พยายามหาช่องเจาะไปเรื่อยๆ นาทีที่ 37 เตเบซ ทำชิ่งกับ โรนัลโด จากกราบขวาเลาะเข้ามาซัดด้านใน บอลไต่หลังเท้าซ้ายพลาดเป้าไปไม่น้อย ช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก เนมานยา วิดิช ดันสูงขึ้มาเล่นลูกเตะมุม แต่โหม่งหลุดกรอบออกไปเพียงนิดเดียว จบ 45 นาทีแรก เซลติก ยังคงนำอยู่ 1-0
เข้าสู่ครึ่งหลัง นาทีที่ 48 มาโลนีย์ ลองหยอดบอลหวังให้ข้ามหัว ฟอสเตอร์ แต่น้ำหนักเบาเกินไปจึงถูกคว้าเอาไว้ได้ จากนั้นนาทีเดียว เตเบซ หลุดไปถึงเส้นหลังแล้วผ่านมาตรงกลางให้ โรนัลโด เข้ายิง แต่ถูก แกรี คัลด์เวลล์ พุ่งเข้ามาขวาง ก่อนที่ โรนัลโด จะสับขาหลอกแล้วซัดด้วยซ้ายหน้าเขตโทษเข้าซองของ โบรุค
ทีมเยือนใกล้เคียงกับการตีเสมอมากที่สุดในนาทีที่ 58 จากลูกเตะมุมด้านซ้ายที่เปิดมาหน้าประตูให้ วิดิช โหม่งต่อมาที่ เบอร์บาตอฟ ซึ่งเปลี่ยนตัวลงมาในครึ่งหลังดีดตามน้ำ บอลผ่านมือ โบรุค ไปแล้ว แต่ยังมี มาโลนีย์ ที่สกัดออกมาจากบนเส้นประตูได้อย่างจวนเจียน
นาทีที่ 62 ม้าลายเขียว-ขาวหวิดได้ประตูที่ 2 เพิ่ม โดย พอล ฮาร์ทลีย์ เปิดลูกเตะมุมมาหน้าประตูให้ เชอริแดน โผขึ้นโขกชนิดไม่มีใครประกบ บอลเฉี่ยวคานออกไปเพียงนิดเดียว ล่วงมาถึงนาทีที่ 73 โรนัลโด ลองซัดด้วยซ้ายจากนอกเขตโทษอีกครั้ง ทว่ายังไม่ผ่านมือ โบรุค ตามเคย
จนกระทั่งนาทีที่ 84 ปิศาจแดงก็สามารถตีเสมอเป็น 1-1 ได้สำเร็จจากจังหวะที่ โรนัลโด ตะบันไกลกว่า 30 หลา ลูกส่ายไปมาในอากาศ ทำให้ โบรุค ปัดออกมาไม่พ้นอันตรายจึงถูก กิ๊กส์ ปราดเข้าโหม่งซ้ำดาบสองเข้าประตู ก่อนจะมีลุ้นอีกครั้งใน 2 นาทีต่อมาจากลูกฟรีคิกที่ กิ๊กส์ เขี่ยให้ โรนัลโด กดด้วยซ้ายหลุดออกไปทางเสาใกล้
ช่วงทดเจ็บนาทีสุดท้าย แมนฯ ยูไนเต็ด เกือบได้ประตูชัยจากจังหวะที่ เบอร์บาตอฟ ได้ลูกส้มหล่นในเขตโทษ ทว่ากลับยิงบดออกข้างเสาอย่างน่าเสียดาย จบเกมจึงบุกมาเสมอ เซลติก 1-1 แบ่งไปทีมละ 1 คะแนน ทำให้ปิศาจแดงเก็บเพิ่มเป็น 8 คะแนน เท่ากับ บียาร์รีล แต่นำจ่าฝูงของกลุ่ม อี จากผลต่างประตูได้เสียที่ดีกว่า ขณะที่ อาร์เซนอล ยังฟอร์มฝืดทำได้แค่เสมอ เฟเนร์บาห์เช 0-0 ในบ้านตัวเอง แต่ยังคงเป็นทีมนำของกลุ่ม จี จากการมี 8 แต้ม
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
กลาสโกว์ เซลติก – อาร์เทอร์ โบรุค, อันเดรียส ฮิงเคล, แกรี คัลด์เวลล์, สตีเฟน แม็คมานัส, มาร์ค วิลสัน, สกอตต์ บราวน์, แบร์รี ร็อบสัน, พอล ฮาร์ทลีย์, ฌอน มาโลนีย์, สกอตต์ แม็คโดนัลด์, ชิลเลียน เชอริแดน
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด – เบน ฟอสเตอร์, ราฟาเอล ดา ซิลวา, ริโอ เฟอร์ดินานด์, เนมานยา วิดิช, จอห์น โอเช, ไมเคิล คาร์ริค, ดาร์เรน เฟลทเชอร์, คริสเตียโน โรนัลโด, นานี, ไรอัน กิ๊กส์, คาร์ลอส เตเบซ
ผลฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม นัดที่ 4
กลุ่ม อี
อัลบอร์ก (เดนมาร์ก) เสมอ บียาร์รีล (สเปน) 2-2 (จูเซ็ปเป รอสซี 1-0 น.41), (เยปเป เคิร์ธ 1-1 น.54), (กิเยร์โม ฟรังโก 1-2 น.74), (อันเดอร์ส ดิว 2-2 น.81)
กลาสโกว์ เซลติก (สกอตแลนด์) เสมอ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (อังกฤษ) 1-1 (สกอตต์ แม็คโดนัลด์ 1-0 น.13), (ไรอัน กิ๊กส์ 1-1 น.84)
กลุ่ม เอฟ
ฟิออเรนตินา (อิตาลี) เสมอ บาเยิร์น มิวนิค (เยอรมนี) 1-1 (อาเดรียน มูตู 1-0 น.11), (ทิม โบรอฟสกี 1-1 น.78)
โอลิมปิก ลียง (ฝรั่งเศส) ชนะ สเตอัว บูคาเรสต์ (โรมาเนีย) 2-0 (จูนินโญ แปร์นัมบูกาโน 1-0 น.44), (อองโตนี เรอเวยแยร์ 2-0 น.89)
กลุ่ม จี
อาร์เซนอล (อังกฤษ) เสมอ เฟเนร์บาห์เช (ตุรกี) 0-0
ดินาโม เคียฟ (ยูเครน) แพ้ เอฟซี ปอร์โต (โปรตุเกส) 1-2 (อาร์เตม มิเลฟสกี 1-0 น.21), (โรลันโด 1-1 น.69), (ลูโช กอนซาเลซ 1-2 น.90)
กลุ่ม เอช
บาเต บอริซอฟ (เบลารุส) แพ้ เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก (รัสเซีย) 0-2 (พาเวล โพเกร็บเนียค 0-1 น.34), (มิเกล แดนนี 0-2 น.90)
รีล มาดริด (สเปน) แพ้ ยูเวนตุส (อิตาลี) 0-2 (อเลสซานโดร เดล ปิเอโร 0-1 น.17), (อเลสซานโดร เดล ปิเอโร 0-2 น.67)
ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม นัดที่ 4 วันพุธที่ 5 พฤศจิกายน 2551
กลุ่ม อี : กลาสโกว์ เซลติก (สกอตแลนด์) 1 – 1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (อังกฤษ)
“ม้าลายเขียว-ขาว” กลาสโกว์ เซลติก เปิดสนามเซลติก ปาร์ค ต้อนรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยที่ขาดหัวหอกตัวจริงหลายราย ทำให้ ชิลเลียน เชอริแดน ดาวรุ่งของทีมลงยืนเป็นหน้าเป้า ด้านอาคันตุกะส่ง เบน ฟอสเตอร์ ลงเฝ้าเสาตามคาด เช่นเดียวกับ ราฟาเอล ดา ซิลวา ในตำแหน่งแบ็กขวา พร้อมทั้งดร็อป ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ กับ เวย์น รูนีย์ แล้วจัด ไรอัน กิ๊กส์ เป็นหน้าต่ำคอยสนับสนุน คาร์ลอส เตเบซ
เริ่มเกมมาได้ไม่ทันไร ปิศาจแดง มีโอกาสทักทายเจ้าบ้านก่อนในนาทีที่ 4 จากลูกเตะมุมทางด้านขวา ไรอัน กิ๊กส์ เปิดโค้งเข้ามา บอลชุลมุนในกรอบเขตโทษ ก่อนที่ คริสเตียโน โรนัลโด จะได้ยิงไปติดบล็อกของกองหลัง เซลติก จากนั้นนาทีที่ 10 โรนัลโด ได้กดฟรีคิกเฉี่ยวสามเหลี่ยมเสาสองไปเพียงนิดเดียว
ถัดมา 2 นาที ม้าลายเขียว-ขาว ตอบโต้บ้างจากลูกเก็บตกแถวสองของ มาร์ค วิลสัน แต่ก็ตะบันโด่งข้ามคาน ก่อนที่เจ้าถิ่นจะเรียกเสียงเฮจากแฟนๆ ได้ดังสนั่นในนาทีที่ 13 เมื่อเป็นฝ่ายออกนำ 1-0 จากจังหวะหนุนบอลที่ถูกเคลียร์จากลูกเตะมุมกลับเข้าไปในเขตโทษ ซึ่ง สกอตต์ แม็คโดนัลด์ พักอกหนึ่งทีแล้วดีดข้ามหัว ฟอสเตอร์ ย้อยเสียบใต้คานเข้าไปอย่างเหนือชั้น
แมนฯ ยูไนเต็ด เริ่มอยู่เฉยไม่ได้จึงเปิดเกมรุกกดดันมากขึ้น นาทีที่ 18 ราฟาเอล เปิดจากกราบขวามาที่เสาแรกให้ เตเบซ โฉบเข้าฮอสถูก อาร์เทอร์ โบรุค พุ่งออกมาขวางไว้ได้ และจากลูกเตะมุมต่อเนื่อง บอลเลยมาถึง ริโอ เฟอร์ดินานด์ ที่เสาไกล แต่กองหลังร่างโย่งกลับซัดโด่งหลุดกรอบออกไปอย่างน่าผิดหวัง
เซลติก หาทางคุกคามเป็นพักๆ นาทีที่ 27 พอล ฮาร์ทลีย์ ลองสับไกจากระยะ 25 หลา บอลแฉลบผู้เล่นทีมเยือนออกไปทางเสาแรก เข้าสู่ครึ่งชั่วโมงแรก ฌอน มาโลนีย์ โยกหนี ราฟาเอล จากริมเส้นด้านซ้ายเข้ามาตรงกลางแล้วตะบันหน้าเขตโทษ ลูกพุ่งเข้าซองของ ฟอสเตอร์
เรด เดวิลส์ พยายามหาช่องเจาะไปเรื่อยๆ นาทีที่ 37 เตเบซ ทำชิ่งกับ โรนัลโด จากกราบขวาเลาะเข้ามาซัดด้านใน บอลไต่หลังเท้าซ้ายพลาดเป้าไปไม่น้อย ช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก เนมานยา วิดิช ดันสูงขึ้มาเล่นลูกเตะมุม แต่โหม่งหลุดกรอบออกไปเพียงนิดเดียว จบ 45 นาทีแรก เซลติก ยังคงนำอยู่ 1-0
เข้าสู่ครึ่งหลัง นาทีที่ 48 มาโลนีย์ ลองหยอดบอลหวังให้ข้ามหัว ฟอสเตอร์ แต่น้ำหนักเบาเกินไปจึงถูกคว้าเอาไว้ได้ จากนั้นนาทีเดียว เตเบซ หลุดไปถึงเส้นหลังแล้วผ่านมาตรงกลางให้ โรนัลโด เข้ายิง แต่ถูก แกรี คัลด์เวลล์ พุ่งเข้ามาขวาง ก่อนที่ โรนัลโด จะสับขาหลอกแล้วซัดด้วยซ้ายหน้าเขตโทษเข้าซองของ โบรุค
ทีมเยือนใกล้เคียงกับการตีเสมอมากที่สุดในนาทีที่ 58 จากลูกเตะมุมด้านซ้ายที่เปิดมาหน้าประตูให้ วิดิช โหม่งต่อมาที่ เบอร์บาตอฟ ซึ่งเปลี่ยนตัวลงมาในครึ่งหลังดีดตามน้ำ บอลผ่านมือ โบรุค ไปแล้ว แต่ยังมี มาโลนีย์ ที่สกัดออกมาจากบนเส้นประตูได้อย่างจวนเจียน
นาทีที่ 62 ม้าลายเขียว-ขาวหวิดได้ประตูที่ 2 เพิ่ม โดย พอล ฮาร์ทลีย์ เปิดลูกเตะมุมมาหน้าประตูให้ เชอริแดน โผขึ้นโขกชนิดไม่มีใครประกบ บอลเฉี่ยวคานออกไปเพียงนิดเดียว ล่วงมาถึงนาทีที่ 73 โรนัลโด ลองซัดด้วยซ้ายจากนอกเขตโทษอีกครั้ง ทว่ายังไม่ผ่านมือ โบรุค ตามเคย
จนกระทั่งนาทีที่ 84 ปิศาจแดงก็สามารถตีเสมอเป็น 1-1 ได้สำเร็จจากจังหวะที่ โรนัลโด ตะบันไกลกว่า 30 หลา ลูกส่ายไปมาในอากาศ ทำให้ โบรุค ปัดออกมาไม่พ้นอันตรายจึงถูก กิ๊กส์ ปราดเข้าโหม่งซ้ำดาบสองเข้าประตู ก่อนจะมีลุ้นอีกครั้งใน 2 นาทีต่อมาจากลูกฟรีคิกที่ กิ๊กส์ เขี่ยให้ โรนัลโด กดด้วยซ้ายหลุดออกไปทางเสาใกล้
ช่วงทดเจ็บนาทีสุดท้าย แมนฯ ยูไนเต็ด เกือบได้ประตูชัยจากจังหวะที่ เบอร์บาตอฟ ได้ลูกส้มหล่นในเขตโทษ ทว่ากลับยิงบดออกข้างเสาอย่างน่าเสียดาย จบเกมจึงบุกมาเสมอ เซลติก 1-1 แบ่งไปทีมละ 1 คะแนน ทำให้ปิศาจแดงเก็บเพิ่มเป็น 8 คะแนน เท่ากับ บียาร์รีล แต่นำจ่าฝูงของกลุ่ม อี จากผลต่างประตูได้เสียที่ดีกว่า ขณะที่ อาร์เซนอล ยังฟอร์มฝืดทำได้แค่เสมอ เฟเนร์บาห์เช 0-0 ในบ้านตัวเอง แต่ยังคงเป็นทีมนำของกลุ่ม จี จากการมี 8 แต้ม
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
กลาสโกว์ เซลติก – อาร์เทอร์ โบรุค, อันเดรียส ฮิงเคล, แกรี คัลด์เวลล์, สตีเฟน แม็คมานัส, มาร์ค วิลสัน, สกอตต์ บราวน์, แบร์รี ร็อบสัน, พอล ฮาร์ทลีย์, ฌอน มาโลนีย์, สกอตต์ แม็คโดนัลด์, ชิลเลียน เชอริแดน
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด – เบน ฟอสเตอร์, ราฟาเอล ดา ซิลวา, ริโอ เฟอร์ดินานด์, เนมานยา วิดิช, จอห์น โอเช, ไมเคิล คาร์ริค, ดาร์เรน เฟลทเชอร์, คริสเตียโน โรนัลโด, นานี, ไรอัน กิ๊กส์, คาร์ลอส เตเบซ
ผลฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม นัดที่ 4
กลุ่ม อี
อัลบอร์ก (เดนมาร์ก) เสมอ บียาร์รีล (สเปน) 2-2 (จูเซ็ปเป รอสซี 1-0 น.41), (เยปเป เคิร์ธ 1-1 น.54), (กิเยร์โม ฟรังโก 1-2 น.74), (อันเดอร์ส ดิว 2-2 น.81)
กลาสโกว์ เซลติก (สกอตแลนด์) เสมอ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (อังกฤษ) 1-1 (สกอตต์ แม็คโดนัลด์ 1-0 น.13), (ไรอัน กิ๊กส์ 1-1 น.84)
กลุ่ม เอฟ
ฟิออเรนตินา (อิตาลี) เสมอ บาเยิร์น มิวนิค (เยอรมนี) 1-1 (อาเดรียน มูตู 1-0 น.11), (ทิม โบรอฟสกี 1-1 น.78)
โอลิมปิก ลียง (ฝรั่งเศส) ชนะ สเตอัว บูคาเรสต์ (โรมาเนีย) 2-0 (จูนินโญ แปร์นัมบูกาโน 1-0 น.44), (อองโตนี เรอเวยแยร์ 2-0 น.89)
กลุ่ม จี
อาร์เซนอล (อังกฤษ) เสมอ เฟเนร์บาห์เช (ตุรกี) 0-0
ดินาโม เคียฟ (ยูเครน) แพ้ เอฟซี ปอร์โต (โปรตุเกส) 1-2 (อาร์เตม มิเลฟสกี 1-0 น.21), (โรลันโด 1-1 น.69), (ลูโช กอนซาเลซ 1-2 น.90)
กลุ่ม เอช
บาเต บอริซอฟ (เบลารุส) แพ้ เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก (รัสเซีย) 0-2 (พาเวล โพเกร็บเนียค 0-1 น.34), (มิเกล แดนนี 0-2 น.90)
รีล มาดริด (สเปน) แพ้ ยูเวนตุส (อิตาลี) 0-2 (อเลสซานโดร เดล ปิเอโร 0-1 น.17), (อเลสซานโดร เดล ปิเอโร 0-2 น.67)