xs
xsm
sm
md
lg

กอล์ฟ "วอลโวฯ" ศึกชิงเพชรยอดมงกุฎ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โรเบิร์ต คาร์ลส์สัน
หลังจากขับเคี่ยววงสวิงมาตั้งแต่ปี 1988 โดยมีแชมป์คนแรกของรายการคือ “นิค ฟัลโด” ที่สุดเส้นทางสู่วอลโว่ มาสเตอร์ ณ สนามวัลเดอร์ราม่า ก็ต้องปิดฉากลงในการแข่งขันครั้งที่ 21 ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม – 2 พฤศจิกายน 51 โดยโปรที่มีชื่อติดอยู่ในลำดับที่ 1 -60 ของตารางรายได้ยูโรเปี้ยนทัวร์พร้อมใจกันเข้าร่วมเพื่อบันทึกชื่อของตนเองในหน้าประวัติศาสตร์สุดท้ายของทัวร์นาเม้นท์ที่ชิงเงินรางวัลรวม 4,250,000 ยูโร(ประมาณ 195 ล้านบาท) กันอย่างคับคั่ง

ก่อนหน้านี้ ยูโรเปี้ยนทัวร์ ได้ประกาศเปลี่ยนแปลงการแข่งขันรายการสุดท้ายของฤดูกาลจากที่เคยปิดฉากบนแผ่นดินยุโรป หากในการแข่งขันครั้งหน้าการรวมเอา “ครีม” ของสวิงยูโรเปี้ยนทัวร์นั้นจะจบลงที่ภูมิภาคตะวันออกกลางในการแข่งขัน “ดูไบ เวิลด์ แชมเปียนชิป” ซึ่งชิงเงินรางวัลรวมสูงถึง 10 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

แม้จะมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในฤดูกาลหน้าแต่ วอลโว่ มาสเตอร์ส ที่จัดติดต่อกันมาจนถึงครั้งที่ 21 ก็ยังเป็นสนามที่เหล่านักกอล์ฟยังต้องขับเคี่ยวกันจนหยดสุดท้ายเพื่อตำแหน่งโปรหมายเลขหนึ่งของตารางรายได้ที่สำคัญ การคว้าวาร์ดอน โทรฟี่ เป็นครั้งสุดท้ายนั้นก็เทียบได้กับการที่สวิงหนุ่มได้จารึกชื่อตนเองไว้ในประวัติศาสตร์ด้วยเช่นกัน

สำหรับนักกอล์ฟที่ลงสนามเป็นครั้งสุดท้ายในชื่อของวอลโว่ มาสเตอร์ และถูกจับตามองมากที่สุดหนีไม่พ้น โปรทำเงินหมายเลขหนึ่งของยูโรเปี้ยนทัวร์อย่างโรเบิร์ต คาร์ลส์สัน จากสวีเดน ขณะที่โปรอีกสามรายที่ตบเท้าตามมาก็มีผลงานไม่ได้น้อยหน้า เพราะนอกจากจะเป็นเป็นสมาชิกทีมไรเดอร์คัพ ยุโรปครั้งล่าสุดแล้ว ชื่อของทั้งสามรายอันประกอบด้วย พาเดรก แฮร์ริงตัน จากไอร์แลนด์ ลี เวสต์วู้ดส์ โปรชาวอังกฤษ แล ะมิเกล อังเคล ฮิมิเนซ โปรอารมณ์ดีจากสเปน ก็มีโอกาสที่จะขึ้นไปแทนที่ คาร์ลสันได้เช่นกันด้วยตัวเลขรายได้ที่ตามหลัง คาร์ลสัน ชนิดมีสิทธิลุ้น

ในส่วนของ คาร์ลสัน ที่รั้งตำแหน่งนักกอล์ฟทำเงินหมายเลขหนึ่งของยูโรเปี้ยนทัวร์นั้น ฤดูกาลนี้โปรชาวสวีเดน ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมและเป็นนักกอล์ฟจากสวีเดนรายแรกที่สามารถขึ้นมายืนอยู่ในตำแหน่งดังกล่าว ด้วยชัยชนะจากเมอร์เซเดซ เบนซ์ แชมเปี้ยนชิป และ อัลเฟรด ดันฮิลล์ ลิงค์ แชมเปี้ยนชิป บวกเข้ากับอันดับอันยอดเยี่ยมในรายการะดับเมเจอร์ที่สามจากสี่รายการ คาร์ลสันสามารถติดชื่ออยู่ในระดับท็อปเทนหลังจบการแข่งขันวันสุดท้าย

โดยเฉพาะยูเอส โอเพ่น แชมเปี้ยนชิป โปรชาวสวีเดนรั้งอันดับที่ 4 ของการแข่งขัน ขณะที่ดิโอเพ่น และ เดอมาสเตอร์ส นั้น คาร์ลสัน รั้งในตำแหน่งที่ 7 และ 8 ตามลำดับสองแชมป์ กับ อันดับอันสุดยอดในเมเจอร์ และรายการอื่นที่เจ้าตัวก็ไม่ได้หลุดออกจากวงโคจรสามารถติดชื่อให้อยู่ในแรงกิ้งของท้อป 20 จึงไม่น่าแปลกใจที่ เขาจะกลายเป็นโปรชาวสวีเดนรายแรกที่สามารถขึ้นสู่ตำแหน่งนักกอล์ฟหมายเลขหนึ่งในตารางทำเงินพร้อมด้วยตัวเลข 2,695,248 (ประมาณ 124 ล้านบาท)

ส่วนคู่แข่งที่น่ากลัวของโปรทำเงินหมายเลขหนึ่งยูโรเปี้ยนทัวร์ เห็นจะหนีไม่พ้นเจ้าของ 2 เมเจอร์ อย่าง พาเดรก แฮร์ริ่งตัน ที่คว้าแชมป์ดิ โอเพ่น บนสนาม รอยัล เบิร์กเดล และ ยูเอส พีจีเอ แชมเปี้ยนชิป บนแฟร์เวย์ของ โอคแลนด์ ฮิลล์ ปัจจุบันจำนวนเงินรายได้ของ แฮร์ริ่งตัน นั้นไล่ตามหลัง คาร์ลสันมาติดๆด้วยตัวเลข 2,397,823 ห่างจากคาร์ลสัน อยู่ที่ 297,425 หากคว้าแชมป์รายการนี้ได้สำเร็จ โปรชาวไอริช จะได้รับเงินรางวัลราว 708,000 ยูโร เพียงพอที่จะทำให้เขาขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งแทนที่คาร์ลสันทันที และจะเป็นการขึ้นตำแหน่งโปรทำเงินหมายเลขหนึ่งของยุโรปครั้งที่สองหลังจากประสบความสำเร็จมาแล้วในปี 2006

นอกจากการขับเคี่ยวของสองยอดนักกอล์ฟแห่งยุโรปแล้ว ตัวแปรในการแข่งขันครั้งนี้ ยังมี ลี เวสต์วู้ด ที่ปัจจุบันมีเงินรายได้ตามหลัง คาร์ลสัน อยู่ที่ 466,606 และ เฮมิเนซ ที่ตามหลังอยู่ประมาณ 676,652 ยูโร ซึ่งโปรเหล่านี้ต่างมีโอกาสจะนำชื่อของตนขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งนักกอล์ฟทำเงินหมายเลขหนึ่งของยุโรป หากใครคนใดคนหนึ่งประสบความสำเร็จที่วัลเดอร์ราม่า ที่จะได้ทำหน้าที่เป็นครั้งสุดท้าย ประวัติศาสตร์วงการกอล์ฟต้องบันทึกชื่อแชมป์ในฐานะเจ้าของวาร์ดอน โทรฟี่และนักกอล์ฟทำเงินสูงสุดของยูโรเปี้ยนทัวร์ ประจำปี 2008 ไว้เคียงคู่กัน
พาเดรก แฮร์ริงตัน
ลี เวสต์วู้ด
มิเกล อังเคล ฮิมิเนซ
กำลังโหลดความคิดเห็น