“ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านหลอนเอาชนะ “เดอะ แบ็กกีส์” เวสต์บรอมวิช อัลเบียน 4-0 พร้อมกระโดดรั้งอันดับ 4 ของตารางพรีเมียร์ลีก ขณะที่ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล และ “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล คัมแบ็กซิวชัย ด้าน “สิงห์บลูส์” เชลซี คว้าชัยหรู 5-0
ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4-0 เวสต์บรอมวิช อัลเบียน
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน หวังนำ “ผีแดง” แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดบ้านหลอน “เดอะ แบ็กกีส์” เวสต์บรอมวิช อัลเบียน ให้ได้ โดยเกมนี้เจ้าถิ่นวางใจให้ ราฟเอล ดา ซิลวา ลงยืนแบ็กขวา แดนกลางใส่ ไรอัน กิกส์ ช่วยคุมเกม แดนหน้ายังเป็นการประสานงานกันระหว่าง ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ กับ เวย์น รูนีย์ ขณะที่ คาร์ลอส เตเบซ หลุดโผนัดนี้ ด้าน โทนี โมวเบรย์ ปรับแท็คติกอัดกลางให้แน่น มีทาง คริส บรันท์ และ โจนาธาน กรีนนิง เดินเกมให้ โรมัน เบดนาร์ หน้าเป้าลุ้นสกอร์
เริ่มเกมการแข่งขัน แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ลุ้นตั้งแต่นาทีที่ 4 คริสเตียโน โรนัลโด เลี้ยงจี้เข้ากรอบเขตโทษด้านซ้ายก่อนยิงที่เสาแรก สกอตต์ คาร์สัน ดักเซฟเอาไว้แล้ว จากนั้น เวสต์บรอมวิช มาเดินเกมต่อบอลสู้กับเจ้าถิ่นได้ดีในช่วง 15 นาทีแรก อีกเจ็ดนาทีถัดมาแฟนๆ เจ็ดหมื่นกว่าคนของเจ้าบ้านเฮเก้อ โรนัลโด จ่ายให้ เวย์น รูนีย์ หลุดเข้าไปตักบอลตุงตาข่าย แต่ผู้ตัดสิน มาร์ค ฮัลซีย์ ปฏิเสธให้เป็นประตู เนื่องจากมองว่าดาวยิง “ผีแดง” ไปกระแทก จิอันนี ซุยเวอร์ลูน ล้มลงเสียก่อน
แมนฯ ยูไนเต็ด เริ่มติดเครื่องในเกมบุก ไรอัน กิกส์ เปิดบอลให้ รูนีย์ โหม่งเต็มๆ แต่ คาร์สัน อาศัยปฏิกิริยาเซฟไว้ได้สวย ผ่านครึ่งชั่วโมง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ต้องถอดเอา ปาทริซ เอฟรา แบ็กซ้ายจอมบุกออกมาเนื่องจากมีอาการเจ็บพร้อมกับส่ง จอห์น โอเชีย ลงไปทำหน้าที่แทน จากนั้นเจ้าถิ่นเดินหน้าลุยต่อ รูนีย์ พักบอลในกรอบโทษก่อนแตะให้ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ซัดบอลแฉลบไปเข้ามือ คาร์สัน จบ 45 นาทีแรก สกอร์ยังไม่ขยับอยู่ที่ 0-0
เปิดฉากครึ่งหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด เร่งเครื่องมากขึ้นและก็เกือบได้เฮ รูนีย์ แตะบอลก่อนตวัดยิงด้วยขวาเต็มๆ ร้อนถึง คาร์สัน ต้องพุ่งไปปัดทิ้ง ทีมเยือนเปลี่ยนเอา อิสมาเอล มิลเลอร์ ลงมาค้ำแดนหน้าแทน โรมัน เบดนาร์ ที่เก็บบอลไม่ค่อยได้ นาทีที่ 55 เบอร์บาตอฟ ได้ลองยิงบริเวณกรอบโทษแต่ไปตรงตัวนายทวาร “เดอะ แบ็กกีส์” นาทีถัดมา “ผีแดง” ขึ้นนำ 1-0 จนได้จากจังหวะสวนกลับ รูนีย์ ล็อกหลบ ไรอัน ดองก์ ก่อนยิงหักเสียบเสาแรกเข้าไปอย่างสวยงาม
หนึ่งชั่วโมงพอดี รูนีย์ ยังเล่นได้อย่างมั่นใจสับด้วยขวาคราวนี้ คาร์สัน พุ่งไปปัดทิ้งที่โคนเสา จากนั้น ท่านเซอร์ ขยับเปลี่ยนเอา แกรี เนวิลล์ ลงมายืดเส้นยืดสายและก็ถอด ราฟาเอล ดา ซิลวา แบ็กดาวรุ่งบราซิเลียนออกมาพัก ถึงนาทีที่ 69 สกอร์ก็ไหลเป็น 2-0 เมื่อ รูนีย์ แทงเร็วให้ โรนัลโด หลุดเข้าไปยิงลอดขา คาร์สัน เข้าไปซุกก้นตาข่าย
20 นาทีสุดท้าย แมนฯ ยูไนเต็ด ปล่อย หลุยส์ นานี ลงมาสัมผัสเกมโดยถอดทาง ปาร์ค จี ซอง มาพักเพราะยังมีเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก ชน กลาสโกว์ เซลติก รอยู่ช่วงกลางสัปดาห์ นาทีถัดมาเจ้าถิ่นทิ้งไปไกล 3-0 นานี เปิดบอลหลุดไปถึง เบอร์บาตอฟ ดีดบอลแซกหน้านายทวารทีมเยือนเข้าไป และก็เป็นประตูแรกในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ของดาวยิงทีมชาติบัลแกเรีย ท้ายเกม เวสต์บรอมวิช เกือบตีไข่แตก มิลเลอร์ หลุดไปยิงติดเซฟ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์
เข้าสู่นาทีสุดท้าย “ผีแดง” หลอนชัย 4-0 รูนีย์ ใช้จังหวะสวนกลับขึ้นมาก่อนเปิดไปเสาสองให้ นานี แปนิ่มๆ เข้าไป หมดเวลาการแข่งขัน 90 นาที จากชัยชนะนัดนี้ส่ง แมนฯ ยูไนเต็ด ขึ้นไปอยู่ที่ 4 มีอยู่ 14 คะแนนจากการลงสนาม 7 นัด ตามหลังจ่าฝูง “สิงห์บลูส์” เชลซี หกแต้ม แต่ลงสนามน้อยกว่าหนึ่งนัด ขณะที่ เวสต์บรอมวิช รั้งที่ 10 ดังเดิมจากการมี 10 คะแนนจากการลงเล่น 8 นัด
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
แมนฯ ยูไนเต็ด : เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ , ราฟาเอล ดา ซิลวา , ริโอ เฟอร์ดินานด์ , เนมันยา วิดิช , ปาทริซ เอฟรา , ปาร์ค จี ซอง , ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ , ไรอัน กิกส์ , คริสเตียโน โรนัลโด , เวย์น รูนีย์ , ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ
เวสต์บรอมวิช : สกอตต์ คาร์สัน , จิอานนี ซุยเวอร์ลูน , ไรอัน ดองก์ , โจนาส โอลส์สัน , พอล โรบินสัน , เจมส์ มอร์ริสัน , บอร์ฮา เบเลโร , โรเบิร์ต โคเรน , คริส บรันท์ , โจนาธาน กรีนนิง , โรมัน เบดนาร์
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำคืนวันเสาร์
มิดเดิลสโบรช์ 0-5 เชลซี
[0-1 : ซาโลมอน คาลู (น.14) , 0-2 : ชูเลียโน เบลเล็ตติ (น.51) , 0-3 : ซาโลมอน คาลู (น.53) , 0-4 : แฟรงค์ แลมพาร์ด (น.63) , 0-5 : ฟลอรองต์ มาลูดา (น.67)]
อาร์เซนอล 3-1 เอฟเวอร์ตัน
[0-1 : ลีออน ออสแมน (น.9) , 1-1 : ซาเมียร์ นาสรี (น.48) , 2-1 : โรบิน ฟาน เพอร์ซี (น.70) , 3-1 : ธีโอ วัลคอตต์ (น.90)]
แอสตัน วิลลา 0-0 ปอร์ทสมัธ
โบลตัน วันเดอเรอร์ส 0-0 แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส
ฟูแลม 0-0 ซันเดอร์แลนด์
ลิเวอร์พูล 3-2 วีแกน แอธเลติก
[0-1 : อาเมอร์ ซากิ (น.29) , 1-1 : เดิร์ค เคาท์ (น.37) , 1-2 : อาเมอร์ ซากิ (น.45) , 2-2 : อัลเบิร์ต ริเอรา (น.80) , 3-2 : เดิร์ก เคาท์ (น.85)]
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4-0 เวสต์บรอมวิช อัลเบียน
[1-0 : เวย์น รูนีย์ (น.56) , 2-0 : คริสเตียโน โรนัลโด (น.69) , 3-0 : ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ (น.71) , 4-0 : หลุยส์ นานี (น.90)]
ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4-0 เวสต์บรอมวิช อัลเบียน
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน หวังนำ “ผีแดง” แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดบ้านหลอน “เดอะ แบ็กกีส์” เวสต์บรอมวิช อัลเบียน ให้ได้ โดยเกมนี้เจ้าถิ่นวางใจให้ ราฟเอล ดา ซิลวา ลงยืนแบ็กขวา แดนกลางใส่ ไรอัน กิกส์ ช่วยคุมเกม แดนหน้ายังเป็นการประสานงานกันระหว่าง ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ กับ เวย์น รูนีย์ ขณะที่ คาร์ลอส เตเบซ หลุดโผนัดนี้ ด้าน โทนี โมวเบรย์ ปรับแท็คติกอัดกลางให้แน่น มีทาง คริส บรันท์ และ โจนาธาน กรีนนิง เดินเกมให้ โรมัน เบดนาร์ หน้าเป้าลุ้นสกอร์
เริ่มเกมการแข่งขัน แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ลุ้นตั้งแต่นาทีที่ 4 คริสเตียโน โรนัลโด เลี้ยงจี้เข้ากรอบเขตโทษด้านซ้ายก่อนยิงที่เสาแรก สกอตต์ คาร์สัน ดักเซฟเอาไว้แล้ว จากนั้น เวสต์บรอมวิช มาเดินเกมต่อบอลสู้กับเจ้าถิ่นได้ดีในช่วง 15 นาทีแรก อีกเจ็ดนาทีถัดมาแฟนๆ เจ็ดหมื่นกว่าคนของเจ้าบ้านเฮเก้อ โรนัลโด จ่ายให้ เวย์น รูนีย์ หลุดเข้าไปตักบอลตุงตาข่าย แต่ผู้ตัดสิน มาร์ค ฮัลซีย์ ปฏิเสธให้เป็นประตู เนื่องจากมองว่าดาวยิง “ผีแดง” ไปกระแทก จิอันนี ซุยเวอร์ลูน ล้มลงเสียก่อน
แมนฯ ยูไนเต็ด เริ่มติดเครื่องในเกมบุก ไรอัน กิกส์ เปิดบอลให้ รูนีย์ โหม่งเต็มๆ แต่ คาร์สัน อาศัยปฏิกิริยาเซฟไว้ได้สวย ผ่านครึ่งชั่วโมง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ต้องถอดเอา ปาทริซ เอฟรา แบ็กซ้ายจอมบุกออกมาเนื่องจากมีอาการเจ็บพร้อมกับส่ง จอห์น โอเชีย ลงไปทำหน้าที่แทน จากนั้นเจ้าถิ่นเดินหน้าลุยต่อ รูนีย์ พักบอลในกรอบโทษก่อนแตะให้ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ซัดบอลแฉลบไปเข้ามือ คาร์สัน จบ 45 นาทีแรก สกอร์ยังไม่ขยับอยู่ที่ 0-0
เปิดฉากครึ่งหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด เร่งเครื่องมากขึ้นและก็เกือบได้เฮ รูนีย์ แตะบอลก่อนตวัดยิงด้วยขวาเต็มๆ ร้อนถึง คาร์สัน ต้องพุ่งไปปัดทิ้ง ทีมเยือนเปลี่ยนเอา อิสมาเอล มิลเลอร์ ลงมาค้ำแดนหน้าแทน โรมัน เบดนาร์ ที่เก็บบอลไม่ค่อยได้ นาทีที่ 55 เบอร์บาตอฟ ได้ลองยิงบริเวณกรอบโทษแต่ไปตรงตัวนายทวาร “เดอะ แบ็กกีส์” นาทีถัดมา “ผีแดง” ขึ้นนำ 1-0 จนได้จากจังหวะสวนกลับ รูนีย์ ล็อกหลบ ไรอัน ดองก์ ก่อนยิงหักเสียบเสาแรกเข้าไปอย่างสวยงาม
หนึ่งชั่วโมงพอดี รูนีย์ ยังเล่นได้อย่างมั่นใจสับด้วยขวาคราวนี้ คาร์สัน พุ่งไปปัดทิ้งที่โคนเสา จากนั้น ท่านเซอร์ ขยับเปลี่ยนเอา แกรี เนวิลล์ ลงมายืดเส้นยืดสายและก็ถอด ราฟาเอล ดา ซิลวา แบ็กดาวรุ่งบราซิเลียนออกมาพัก ถึงนาทีที่ 69 สกอร์ก็ไหลเป็น 2-0 เมื่อ รูนีย์ แทงเร็วให้ โรนัลโด หลุดเข้าไปยิงลอดขา คาร์สัน เข้าไปซุกก้นตาข่าย
20 นาทีสุดท้าย แมนฯ ยูไนเต็ด ปล่อย หลุยส์ นานี ลงมาสัมผัสเกมโดยถอดทาง ปาร์ค จี ซอง มาพักเพราะยังมีเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก ชน กลาสโกว์ เซลติก รอยู่ช่วงกลางสัปดาห์ นาทีถัดมาเจ้าถิ่นทิ้งไปไกล 3-0 นานี เปิดบอลหลุดไปถึง เบอร์บาตอฟ ดีดบอลแซกหน้านายทวารทีมเยือนเข้าไป และก็เป็นประตูแรกในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ของดาวยิงทีมชาติบัลแกเรีย ท้ายเกม เวสต์บรอมวิช เกือบตีไข่แตก มิลเลอร์ หลุดไปยิงติดเซฟ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์
เข้าสู่นาทีสุดท้าย “ผีแดง” หลอนชัย 4-0 รูนีย์ ใช้จังหวะสวนกลับขึ้นมาก่อนเปิดไปเสาสองให้ นานี แปนิ่มๆ เข้าไป หมดเวลาการแข่งขัน 90 นาที จากชัยชนะนัดนี้ส่ง แมนฯ ยูไนเต็ด ขึ้นไปอยู่ที่ 4 มีอยู่ 14 คะแนนจากการลงสนาม 7 นัด ตามหลังจ่าฝูง “สิงห์บลูส์” เชลซี หกแต้ม แต่ลงสนามน้อยกว่าหนึ่งนัด ขณะที่ เวสต์บรอมวิช รั้งที่ 10 ดังเดิมจากการมี 10 คะแนนจากการลงเล่น 8 นัด
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
แมนฯ ยูไนเต็ด : เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ , ราฟาเอล ดา ซิลวา , ริโอ เฟอร์ดินานด์ , เนมันยา วิดิช , ปาทริซ เอฟรา , ปาร์ค จี ซอง , ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ , ไรอัน กิกส์ , คริสเตียโน โรนัลโด , เวย์น รูนีย์ , ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ
เวสต์บรอมวิช : สกอตต์ คาร์สัน , จิอานนี ซุยเวอร์ลูน , ไรอัน ดองก์ , โจนาส โอลส์สัน , พอล โรบินสัน , เจมส์ มอร์ริสัน , บอร์ฮา เบเลโร , โรเบิร์ต โคเรน , คริส บรันท์ , โจนาธาน กรีนนิง , โรมัน เบดนาร์
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำคืนวันเสาร์
มิดเดิลสโบรช์ 0-5 เชลซี
[0-1 : ซาโลมอน คาลู (น.14) , 0-2 : ชูเลียโน เบลเล็ตติ (น.51) , 0-3 : ซาโลมอน คาลู (น.53) , 0-4 : แฟรงค์ แลมพาร์ด (น.63) , 0-5 : ฟลอรองต์ มาลูดา (น.67)]
อาร์เซนอล 3-1 เอฟเวอร์ตัน
[0-1 : ลีออน ออสแมน (น.9) , 1-1 : ซาเมียร์ นาสรี (น.48) , 2-1 : โรบิน ฟาน เพอร์ซี (น.70) , 3-1 : ธีโอ วัลคอตต์ (น.90)]
แอสตัน วิลลา 0-0 ปอร์ทสมัธ
โบลตัน วันเดอเรอร์ส 0-0 แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส
ฟูแลม 0-0 ซันเดอร์แลนด์
ลิเวอร์พูล 3-2 วีแกน แอธเลติก
[0-1 : อาเมอร์ ซากิ (น.29) , 1-1 : เดิร์ค เคาท์ (น.37) , 1-2 : อาเมอร์ ซากิ (น.45) , 2-2 : อัลเบิร์ต ริเอรา (น.80) , 3-2 : เดิร์ก เคาท์ (น.85)]
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4-0 เวสต์บรอมวิช อัลเบียน
[1-0 : เวย์น รูนีย์ (น.56) , 2-0 : คริสเตียโน โรนัลโด (น.69) , 3-0 : ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ (น.71) , 4-0 : หลุยส์ นานี (น.90)]
