ศึกฟุตบอลโลก 2010 รอบคัดเลือกได้ฤกษ์เปิดฉากดวลแข้งกันในวันเสาร์ที่ 6 กันยายนนี้ เกมที่น่าจับตามองที่สุดคงหนีไม่พ้น ฟาบิโอ คาเปลโล จะคุมทัพ "สิงโตคำราม" อังกฤษ ในแมตช์ที่มีความหมายครั้งแรกด้วยการบุกไปเยือน อันดอร์รา มีเป้าหมายต้องคว้า 3 แต้มสถานเดียว ในสภาพทีมขาดกำลังสำคัญที่ได้รับบาดเจ็บหลายราย
แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นกุนซือระดับเขี้ยวลากดินคนหนึ่งของโลก พาสโมสรชั้นนำอย่าง เอซี มิลาน, ยูเวนตุส และ รีล มาดริด กวาดแชมป์มาแล้วมากมาย แต่ว่า คาเปลโล ก็เข้ามากุมบังเหียน อังกฤษ อดีตแชมป์โลกปี 1966 ในยุคตกต่ำ โดยมีภารกิจจะต้องกอบกู้สถานการณ์ให้สิงโตกลับมาคำรามอีกครั้ง หลังจากไม่ผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้าย ยูโร 2008
ที่ผ่านมา คาเปลโล คุมทัพ อังกฤษ ลงอุ่นเครื่องไปทั้งสิ้น 5 นัด ผลงานถือว่าไม่ขี้เหร่คือชนะ 3 เสมอ 1 และแพ้ 1 นัด ล่าสุดคือนัดที่เกือบแพ้ สาธารณรัฐเช็ก คา เวมบลีย์ ดีที่ได้ โจ โคล ช่วยไว้ยิงตีเสมอ 2-2 ในนาทีสุดท้าย แน่นอนว่าได้รับเสียงวิจารณ์ค่อนข้างมาก แต่ว่านายใหญ่ชาวอิตาเลียน ก็อ้างว่าเพราะนักเตะเพิ่งเปิดฤดูกาลร่างกายเลยไม่ฟิตพอ
ก่อนยกทัพไปเยือน อันดอร์รา คาเปลโล ถูกเสียงต่อว่า หลังประกาศรายชื่อนักเตะ 23 คนโดยปราศจากเงาของ ไมเคิล โอเวน ดาวยิงสูงสุด 40 ประตูจากค่าย นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ไม่ว่าจะเป็นจากทั้ง คริส วอดเดิล และ อลัน เชียเรอร์ อดีตแข้งระดับตำนานของ อังกฤษ ที่มองว่าประสบการณ์ของหอกร่างเล็กนั้นล้นเหลือมีชื่อติดอยู่ที่ม้านั่งสำรองก็ไม่เสียหาย
แน่นอนในมุมมองของ คาเปลโล เขาต้องการนักเตะที่ฟิตเต็ม 100 เพื่อบดเกมหนักกับ อันดอร์รา เพราะเป็นสไตล์คุมทัพแต่ไหนแต่ไรของเขาอยู่แล้วที่เน้นพละกำลัง แต่ในเกมที่ต้องไปเยือน โครเอเชีย ในอีก 4 วันให้หลัง ถือว่าจำเป็นต้องใช้นักเตะที่เจนจัดพอสมควร เนื่องจากเพิ่งมีบทเรียนถูกขุนพล "ตราหมากรุก" บุกอัด 2-3 จนอดไปยูโร
เรย์ วิลกินส์ อดีตนักเตะทีมชาติอังกฤษ ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านสื่ออย่าง "เดอะ ซัน" เชื่อว่า คาเปลโล มั่นใจว่าจะชนะ อันดอร์รา จึงมองข้ามไปถึงเกมกับ โครเอเชีย ที่ โอเวน คงจะฟิตไม่เต็มร้อยและจะไม่เลือกลงสนามแน่นอน พร้อมกับตำหนิด้วยว่าไม่ให้โอกาสดาวรุ่งอย่าง แอนตัน เฟอร์ดินานด์, ดีน แอชตัน, ไนเจล รีโอ โคเกอร์ และ คาร์ลตัน โคล
สำหรับเกมเยือน อันดอร์รา คาเปลโล น่าจะยึดผู้เล่นจากเกมที่เสมอ เช็ก คือ เดวิด เจมส์ เป็นผู้รักษาประตู แผงหลัง 4 คนน่าจะประกอบไปด้วย เวส บราวน์, ริโอ เฟอร์ดินานด์, จอห์น เทอร์รี และ แอชลีย์ โคล ขยับขึ้นมากองกลาง จะไม่มีห้องเครื่อง สตีเวน เจอร์ราร์ด ที่บาดเจ็บ ส่วน แฟรงค์ แลมพาร์ด ต้องลุ้นจนนาทีสุดท้ายว่าจะฟิตทันหรือไม่
มิดฟิลด์คู่กลางจึงน่าจะเป็นหน้าที่ของ แกเร็ธ แบร์รี จาก แอสตัน วิลลา ที่ คาเปลโล ค่อนข้างจะชื่นชอบสไตล์การเล่น ยืนคู่กับ เจอร์เมน เจนาส และให้ เดวิด เบ็คแฮม ทำเกมกราบขวา เนื่องจาก เดวิด เบนท์ลีย์ ฟอร์มเก่งหดหายกับ ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ ส่วนปีกซ้ายน่าจะพึ่งประสบการณ์ของ โจ โคล มากกว่า สจ๊วร์ต ดาวนิง หรือ ธีโอ วัลค็อตต์
ส่วนกองหน้าถือว่าเป็นปัญหาไม่น้อยเพราะไม่มี โอเวน ที่ยิง 40 ลูก มากกว่า เวย์น รูนีย์, เอมิล เฮสกีย์, เจอร์เมน เดโฟ และ วัลค็อตต์ ยิงรวมกันได้ 24 ประตูเท่านั้น แต่เชื่อว่า คาเปลโล น่าจะเลือกใช้บริการของ เดโฟ กับ รูนีย์ แม้ว่ารายหลังจะฟอร์มฝืดอย่างหนักลูกสุดท้ายที่ยิงให้กับ อังกฤษ ได้ก็คือในเกมคัด ยูโร กับ รัสเซีย เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตามต้องอยู่ที่การวางผังตัวผู้เล่นของ คาเปลโล ด้วย เพราะในเกมที่เสมอ เช็ก ส่ง รูนีย์ ไปยืนเป็นกองหน้าตัวต่ำอยู่หลัง เดโฟ จนเล่นไม่ออก ทำให้ แฮร์รี เรดแน็ปป์ นายใหญ่ ปอร์ทสมัธ ออกมาวิจารณ์ว่าน่าจะให้ดาวยิงจากค่าย โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ยืนทำเกมกราบขวา เพราะจะสร้างประโยชน์ให้กับทีมมากกว่าตำแหน่งกองหน้าเสียอีก
สำหรับ อันดอร์รา ที่ไม่เคยผ่านเข้าไปโม่แข้งรอบสุดท้ายฟุตบอลรายการสำคัญๆ ใดมาก่อน ภายใต้การคุมทัพของ ดาวิด โรดริโก กุนซือชาวสเปน ประเดิมสนามในกลุ่ม 6 ก่อนใครเพื่อนไปแล้วคือบุกไปพ่าย คาซัคสถาน 0-3 เมื่อช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ดูแล้วคงจะต้าน อังกฤษ ยาก เพราะคัด ยูโร ในรอบแบ่งกลุ่มก็แพ้รวดมา 12 นัดเลยทีเดียว
ทิ้งท้ายกันด้วยสถิติสักเล็กน้อยสำหรับ อังกฤษ ค่อนข้างจะข่มเจ้าบ้านไม่น้อยในเกมนี้ เพราะเคยเจอกันมา 2 ครั้งในเกมคัด ยูโร 2008 "สิงโตคำราม" ไปเยือนเอาชนะได้ 3-0 จาก เจอร์ราร์ด 2 ประตูและ เดวิด นูเจนท์ ส่วนเล่นในรัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ถล่มไปแบบหายห่วง 5-0 เดโฟ และ ปีเตอร์ เคราช์ คนละสองลูก ปิดท้ายด้วย เจอร์ราร์ด อีกลูก
ฟันธง ตรงเผง โดย เซียนไก๋ เจริญกรุง
สิงโตผ่านฉลุย 2-0
